Akira Kurosawa คือผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เขาคือชาวญี่ปุ่น คนที่ 2 ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรก ที่ได้รับรางวัล Honorary Academy Award (1989) รางวัลเชิดชูเกียรติสำหรับบุคคลผู้มีคุณูปการต่อวงการภาพยนตร์โลก และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักทำหนังรุ่นหลัง ผลงานมีชื่อของ Kurosawa มีมากมายหลายเรื่อง หากเป็นคนที่ชอบดูหนัง ชอบสรรหาหนังทั้งเก่าใหม่มาดู จะมากจะน้อยต้องเคยผ่านตาผลงานของเขามาบ้าง เช่น Rashomon (1950), Seven Samurai (1954), Throne of Blood (1957), The Hidden Fortress (1958), Yojimbo (1961) ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นหนังที่ขึ้นหิ้งคลาสสิค ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่น แต่เป็นในระดับโลก Ran เป็นหนังยุคท้าย ๆ ช่วงบั้นปลายชีวิตของ Kurosawa ช่วงที่หนังเรื่องนี้ออกฉาย เขาก็อายุปาเข้าไป 75 ปีแล้ว แต่เรี่ยวแรง และไฟในการทำงานไม่ได้ลดน้อยลงเลย กลับกัน Ran คือหนังที่อลังการงานสร้างที่สุด เท่าที่ญี่ปุ่นในยุคนั้นเคยสร้างกันมา ด้วยความที่เป็นหนังย้อนยุค เกี่ยวกับเหล่าซามูไร ดังนั้นทั้งฉาก เสื้อผ้าหน้าผม อาวุธ ม้า สถานที่ การถ่ายทำ ทุกอย่างต้องใช้ทั้งแรงกายแรงสมองทุ่มเทลงไปมากมายกว่าปกติ ที่สำคัญ จะต้องมีความพิถีพิถัน ละเอียด ประณีต เหนือธรรมดาอีกด้วย แต่ที่เหนือไปอีกขั้นคือลูกบ้า ในฐานะคนทำงานสร้างสรร ซึ่งยุคนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์กราฟิคให้ใช้ ไม่ว่าอะไรก้ต้องสร้างขึ้นมาจริงหมด ดังนั้นนี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับคนทำหนังย้อนยุค แต่ Kurosawa ก็หาได้หลบเลี่ยง อะไรที่ต้องสร้างเขาก็สร้าง อะไรที่ต้องรอเขาก็รอ เรื่องเริ่มขึ้นด้วยการออกป่าล่าสัตว์ของตระกูลท่านโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ Hidetora Ichimonji เขาสร้างอำนาจล้นฟ้าขึ้นมาจากการเข่นฆ่าผู้คนมากมายเหลือคณานับ แต่บัดนี้ท่านโชกุนชราลงแล้ว เป็นธรรมดามนุษย์ที่จะต้องสละสิ่งที่ตนสร้างสมมาแก่ลูกหลาน ดังนั้น ในการล่าสัตว์ครั้งนี้ เขาจึงตั้งใจส่งมอบตำแหน่งและยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลายให้แก่ลูกชาย ท่านโชกุนมีลูกชาย 3 คน ตามประเพณีเขาจะต้องมอบตำแหน่งให้ลูกชายคนโต แต่เมื่อเขาประกาศออกไป ลูกชายคนเล็กกลับคัดค้าน และบอกว่าการกระทำของพ่อจะก่อให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายในภายภาคหน้า ท่านโชกุนโกรธมาก จึงขับไล่ลูกชายคนเล็กออกไป แล้วทำตามคำประกาศเดิม ยกตำแหน่งให้ลูกชายคนโต แล้วก็อย่างที่คงจะเดากันได้ เมื่อท่านโชกุนยกตำแหน่งให้ลูกชายคนโต ก็พลันเกิดความไม่สงบขึ้นในแคว้นทันที ไม่ใช่เพราะแคว้นอื่นรุกราน แต่เพราะภรรยาของลูกชายคนโต คอยยุแยงให้สามีกระทำการอกตัญญูต่อพ่อตนเอง เพราะเธอเป็นลูกสาวจากตระกูลที่ถูกท่านโชกุนฆ่าล้างครอบครัวในอดีต เธอจึงต้องการแก้แค้น Ran แปลว่า ความสับสนวุ่นวาย ความโกลาหล ดังนั้นหลักใหญ่ใจความของเรื่องจึงอยู่ที่ความวินาศสันตะโรในสิ่งที่ท่านโชกุนเพียรสร้างขึ้นอย่างยากลำบาก พี่น้องต้องมาห้ำหั่นกันเอง การรบพุ่งเกิดขึ้นไปทั่ว แผ่นดินอันเคยร่มเย็นเข้าสู่กลียุค เพราะการตัดสินใจของท่านโชกุนเพียงผู้เดียว เนื้อเรื่องเข้มข้น แบบค่อนข้างเป็นเรื่องเล่าตำนานเก่าก่อนของญี่ปุ่น ผสมผสานความคิดในการนำเสนอสาระสำคัญ ที่ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ยังไม่ล้าหลัง เพราะมันว่าด้วยความเป็นมนุษย์ ที่ผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา ความแก่ชราและเหนื่อยอ่อนต่อการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของยุคสมัย และความคลั่งแค้นของคนที่หลอกลวงดวงตาจนมืดบอด ความโดดเด่นในงานสร้างและการถ่ายทำยิ่งใหญ่ สมจริง และอลังการอย่างที่จะหาหนังในยุคปัจจุบันเทียบเทียมได้ยากยิ่ง อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่า สมัยนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ดังนั้น ถ้าผู้กำกับต้องการอะไร ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาจริง ๆ ฉากหนึ่งที่ น่าจะตราตรึงอยู่ในหัวใจคนที่เคยดู คือฉาก เผาปราสาท Kurosawa สร้างปราสาทขนาดใหญ่แบบญี่ปุ่นขึ้นมาจริง ๆ และเผามันราบเป็นหน้ากลองจริง ๆ แบบเห็นจะ ๆ ไฟลุกท่วม มันไม่ได้ให้แค่ความยิ่งใหญ่ สมจริง แต่ยังให้อารมณ์สะเทือนใจอย่างมากอีกด้วย โดยสรุป Ran เป็นหนังว่าด้วยตำนานโบราณที่สะท้อนถึงความสับสนในจิตใจมนุษย์ ไม่ว่าจะยุคไหน มันให้อารมณ์ค่อนข้างหดหู่และโศกเศร้า กระนั้นก็แฝงข้อคิดให้เรากลับไปขบคิดกันต่อหลังดูจบ Ran เข้าชิงรางวัลออสการ์ ปี 1986 ถึง 4 รางวัล และคว้าไปได้ 1 รางวัล ในสาขา Best Costume Design. ขอบคุณภาพปกจาก imdb.comขอบคุณภาพที่ 1 จาก imdb.com ขอบคุณภาพที่ 2 จาก imdb.comขอบคุณภาพที่ 3 จาก imdb.comขอบคุณภาพที่ 4 จาก imdb.com