บ่ายวานนี้ซึ่งเป็นวันเสาร์ (ผมเขียนบทความนี้ในคืนวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562) หลังจากออกมาจากร้านกาแฟเจ้าประจำ ผมหันไปถามแฟนสาวถึงโปรแกรมกิจกรรมบ่ายวันหยุดนี้ ซึ่งยังไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า หารือกันสักพัก ก็ได้ข้อสรุปตรงกันว่า เราจะไปดูหนังรอบบ่าย เพราะเธอบอกว่ายังไม่ได้ดูหนังไทย เรื่อง "ตุ๊ดซี่ส์& เดอะเฟค" ที่เข้าฉายตั้งแต่ต้นเดือน และเห็นจากรีวิวทางโซเชียลมีเดียว่า เป็นหนังตลกคอมเมดี้ที่ทำรายได้ทะลุหลักร้อยล้านในเวลาไม่กี่วัน//ภาพป้ายโฆษณาหนัง ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค ถ่ายภาพโดย 31Singha// เมื่อไปถึงโรงภาพยนต์ ตรวจสอบรอบฉาย ซึ่งรอบต่อไปคือรอบบ่ายสองโมงและเราตกลงกันด้วยความเป็นประชาธิปไตยว่าจะดูรอบนั้น ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ กำลังจะแสดงความเป็นสายเปย์ด้วยการควักค่าตั๋วภาพยนต์สำหรับเราทั้งคู่ แต่สาวเจ้ายกมือห้าม ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดแอพลิเคชั่นทรูยู (True you) ซึ่งเราทั้งคู่ต่างก็ใช้บริการในฐานะลูกค้าทรูเหมือนกัน เมื่อผมชะโงกหน้าไปดูอย่างสนใจใคร่รู้ เธอก็ยิ้มราวกับภาคภูมิใจในความเป็นผู้อยู่เหนือกว่า แล้วจึงไขข้อข้องใจว่า ในฐานะลูกค้าทรู มีสิทธิพิเศษที่สามารถใช้ได้ที่โรงภาพยนต์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ อยู่หลายแคมเปญ แต่แคมเปญที่เธอเลือกใช้วันนั้น คือ แคมเปญที่มีสิทธิใช้ 499 ทรูพอยท์ แลกรับตั๋วภาพยนต์ 1 ใบ แถมด้วยป๊อบคอนร์น 64 ออนซ์และเครื่องดื่ม 44 ออนซ์ ผมได้ยินถึงกับตาลุกวาวพร้อมกับร้อง ว้าว! ในใจ แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นเดียวกันนั้นบ้าง เพื่อหวังจะใช้สิทธิพิเศษไม่ให้น้อยหน้ากัน แต่แล้วก็ต้องใจแป้ว เมื่อพบว่า ทรูพอยท์ของตัวเองเหลือไม่ถึง 499 ทรูพอยท์ ในขณะที่ทรูพอยท์ของเธอหลังจากใช้แลกตั๋วภาพยนต์และชุดเครื่องดื่ม ป๊อปคอร์นแล้ว ก็เหลือไม่เพียงพอที่จะแลกตั๋วหนังใบที่สองได้เช่นกัน ลองเลื่อนดูแคมเปญสิทธิพิเศษอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกัน แล้วจึงพบว่ายังมีแคมเปญส่วนลดตั๋วหนัง 50 % สำหรับลูกค้าทรู เพียงแสดงบัตรแบล็กการ์ด บัตรเรดการ์ด หรือบัตรประชาชนที่เคาน์เตอร์ M corner เพื่อรับสิทธิ จึงตกลงใจที่จะใช้สิทธิดังกล่าว โดยแฟนสาวผมซึ่งคงจะอารมณ์ดีจากการใช้สิทธิพิเศษทรูพอยท์แลกตั๋วหนังแถมเครื่องดื่มและป๊อบคอร์นได้ จึงรับอาสาจ่ายค่าตั๋วหนังอีกครึ่งหนึ่งนั้นแทนเอง ว่าแล้วก็ไม่รอช้า รีบไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ พนักงานสาวยิ้มหวานให้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า เราสองคนโชคดีมากที่ยังทันได้รับสิทธิพิเศษนี้ เพราเป็นสิทธิที่มีจำนวนจำกัด โดยจำกัดโควต้าแต่ละสัปดาห์ ปกติแล้วจะเต็มตั้งแต่วันแรก ๆ จากนั้นเจ้าหล่อนจึงให้รหัสโปรโมชั่นไปทำการกรอกซื้อตั๋วที่ตู้ E - ticket /ตั๋วภาพยนต์ ภาพโดย 31singha ได้รับการสนับสนุนจากแฟนสาวผู้น่ารัก/ และเมื่อได้เข้าชมภาพยนต์แล้ว ก็ไม่คงไม่อาจละเลยการรีวิวได้ ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าน่าจะรีวิวได้อย่างเต็มที่โดยคงไม่เป็นการสปอยล์หนัง เพราะในวันที่บทความนี้ผ่านการพิจารณาอนุมัติเผยแพร่ หนังเรื่องนี้ก็คงออกโรงไปแล้ว แต่มาทบทวนอีกที ก็เห็นว่าไม่น่าจะแบไต๋ออกทั้งหมด เพราะอาจจะเสียอรรถรสสำหรับผู้อ่านที่ยังไม่เคยชม และมีแผนจะไปหาดูจากอินเตอร์เน็ตหรือสิ่งบันทึกใด ๆ ย้อนหลัง (ซึ่งก็ขอให้เป็นเว็บไซต์หรือสื่อที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องนะครับ ทางนักเขียน True ID Creator ทุกคนไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ทุกกรณี ทางกองบรรณาธิการการันตีข้อนี้ได้ 😁) ดังนั้นจึงขอเล่าเฉพาะมุมแห่งความชื่นชอบและประทับใจ (ส่วนตัว) ที่มีต่อหนังเรื่องนี้โดยย่อละกันนะครับ 1. ความชื่นชอบอย่างแรกเลย ก็คงเป็นเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ตามประสาหนังคอมเมดี้เบาสมอง ที่ไม่ได้เน้นเนื้อหาสาระอะไรมาก ซึ่งเป็นผลดีสำหรับผม (และน่าจะมีใครอีกหลายคน) ที่ไม่ได้ดูภาคแรก คือ "ตุ๊ดซี่ส์ ไดอะรี่" มาก่อน ทำให้เมื่อมาดูภาคนี้ก็ยังพอปะติดปะต่อเข้าใจเรื่องราวและตัวละครได้ไม่ยาก 2. ชอบหลาย ๆ ฉากที่เหมือนการ "เอาเรื่องจริงมาพูดเล่น" คือการล้อเลียนสถานการณ์ตลกร้ายในชีวิตประจำวันที่ใครหลายคนอาจจะเคยประสบ ไม่ว่าจะเป็นการปวดอึในสถานที่ที่ไม่ควรปวด ผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรม ผลจากการพยายามฝืนตัวเองให้เป็นใครอีกคนที่ไม่เป็นตัวตนของเราเอง แล้วสุดท้ายก็ไปไม่รอด เป็นต้น 3. อยากจะปรบมือรัว ๆ ให้กับชมพู่ อารยา ตัวเอกของเรื่อง ที่สวมบทบาทตัวละครสองคาแรกเตอร์ที่ฉีกแนวไปจากที่เคยเห็นในละคร ซึ่งเราอาจจะเคยเห็นชมพู่ในบทบาทตัวดีและตัวร้าย แต่ในหนังเรื่องนี้จะได้เห็นบทบาทตัวฮาของชมพู่ที่คงไม่ได้เห็นบ่อยนัก ต้องยกนิ้วให้ความสามารถของเธอจริง ๆ 4. และความประทับใจอย่างสุดท้าย คือตอนท้ายของเรื่อง กับคำพูดที่แฝงไปด้วยแง่คิด (แอบมีสาระนิด ๆ ก่อนจบ 😂) ของนางเอก ที่แม้จะพูดถึงคนทำงานบันเทิง แต่ผมฟังแล้วคิดว่าสามารถใช้เป็นคติเตือนใจได้ทุกสาขาอาชีพ (เธอพูดว่าอะไรนั้นลองไปหาดูเอานะครับ 😄) และความพีคสุดในตอนจบ กับนักแสดงรับเชิญสาวสวยที่โผล่มาปิดฉากส่งท้าย สร้างความเซอร์ไพร์สไม่น้อยกว่าบทบาทการแสดงของชมพู่เลย เธอคนนั้นเป็นใครกันหนอ คำตอบรออยู่ในหนังอยู่แล้วครับ ผมและแฟนสาวเดินออกจากโรงภาพยนต์ด้วยรอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนใบหน้า เมื่อเดินออกมานอกพื้นที่โรงหนัง ผ่านป้ายโฆษณาหนังเรื่องนี้ ผมนึกอะไรบางอย่างได้ จึงล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายออกมาเปิดเครื่อง ก่อนจะเปิดกล้องถ่ายรูป ยกขึ้นถ่ายภาพป้ายนั้นไว้ แฟนสาวมองแล้วอมยิ้มอย่างรู้ทัน ก่อนจะเอ่ยกระเซ้า"นี่จะเขียนรีวิวหนังเรื่องนี้ส่งไปทรูไอดีอินเทรนด์ใช่มั้ยหล่ะ ถ้าได้ค่าเขียน เอามาใช้คืนหนูด้วยนะที่ออกค่าตั๋วครึ่งหนึ่งให้อ่ะ " ผมชะงักไปชั่วขณะ ภาพชื่อบทความที่เพิ่งนึกได้เหมือนจะแตกโพล๊ะกลางอากาศ คิดในใจว่า อุตส่าห์วางโครงเรื่องเล่าว่าได้ดูหนังฟรีเพราะสิทธิพิเศษจากทรูแล้วเชียวนะ แล้วถ้าต้องเอาค่าเขียนมาจ่ายค่าตั๋วคืนเธอ มันจะเรียกว่าได้ดูฟรีได้ยังไงว้า...แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในหัว ราวกับมีใครมากระซิบปลอบใจ "เฮ่ย...ไม่เป็นไรหรอกน่า ได้ข่าวว่าช่วงนี้คนส่งบทความเยอะเป็นพัน ๆ บทความ ทีมงาน บก.ตั้งใจตรวจกันแทบไม่ทัน กว่าเรื่องที่นายเขียนจะได้โพสต์ แฟนนายก็น่าลืมไปแล้วหล่ะเพื่อน ! 😂😅😁" ภาพปกบทความ หน้าโรงภาพยนต์ ถ่ายภาพโดย 31singha