มหากาพย์ 20 ปี โปรเจกต์ "Gambit" กับเรื่องราวของมิวแทนต์นักโจรกรรมที่ไม่เคยถูกสร้าง
ถ้าใครได้ดู ‘Deadpool & Wolverine’ แล้วล่ะก็ คงได้เห็นพี่บ่าวมิวแทนต์ผู้ใช้พลังอัดไพ่อย่างแกมบิท ที่นำแสดงโดยแชนนิง เททัม (Channing Tatum) ออกมาวาดลวดลายกันแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งด้วยสำเนียงเคจัน และบุคลิกอันยียวนกวนโอ๊ย รวมถึงความเท่อันเป็นเอกลักษณ์นั้น ก็ทำให้พี่บ่าวแกกลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่คนดูอยากให้มาโผล่ในจักรวาล MCU ต่อไปเรื่อย ๆ
ถึงแม้ว่าพี่บ่าวแกมบิทในเวอร์ชันที่นำแสดงโดย แชนนิง เททัม นั้นจะเป็นตัวละครหน้าใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัว แต่ความจริงแล้วกว่าพี่บ่าวแกจะกลายเป็นที่จดจำของคนดูอย่างทุกวันนี้ ก็ใช้เวลาถึง 20 ปีเลยทีเดียว
ฮีโร่ที่เกือบแจ้งเกิด แต่ดันโดนคุมกำเนิดซะก่อน
แกมบิท หรือเรมี่ เลอโบเป็นหนึ่งในตัวละครของทีม X-men ที่มีบุคลิกแบบโคตรเท่โคตรอันตราย แถมพลังก็สุดอลังการ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พี่แกเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของเหล่ามนุษย์กลายพันธ์ และอันที่จริง พี่แกควรจะโผล่มาในหนัง ‘X-Men’ ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ในปี 2000 ผู้กำกับไบรอัน ซิงเกอร์ (Bryan Singer) ได้พาหนัง ‘X-Men’ เวอร์ชันคนแสดง ออกมาสู่สายตาชาวโลก จนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จมหาศาล พอได้ทำภาคต่ออย่าง ‘X2’ ขึ้นมา ซิงเกอร์ก็จัดเต็มใส่มนุษย์กลายพันธ์ุตัวใหม่ ๆ เข้ามาในหนังอีกไม่ยั้ง ให้สมกับเป็นภาคต่อที่อัปเกรดทุกอย่าง และหนึ่งในตัวละครที่ถูกวางไว้ว่าจะให้โผล่มาก็คือแกมบิทนี่แหละ ทว่าในหนัง ‘X2’ นั้น ก็มีมนุษย์กลายพันธ์อยู่เยอะมาก ซึ่งถ้ามีแกมบิทโผล่มาอีกก็คงกระจายบทกันไม่ไหว
ไบรอัน ซิงเกอร์จึงได้ใส่ตัวละครแกมบิทเข้ามาเป็น Cameo (ในแบบที่ไม่เห็นหน้า) ในหนังของเขาแทน โดยซิงเกอร์วางไว้ว่าในหนังภาคที่ 3 ตัวละครแกมบิทจะโผล่มาวาดลวดลายเต็มรูปแบบ ซึ่งคนที่จะแสดงบทนี้ก็คือ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) นั่นเอง
แต่จนแล้วจนรอด ซิงเกอร์ก็จำใจต้องตัดฉากรับเชิญของแกมบิทในหนัง ‘X2’ ออกไปอย่างน่าเสียดาย และในหนังภาค 3 ซิงเกอร์ก็ไม่ได้กลับมากำกับ ‘X-Men’ อีก ซึ่งทำให้ทีมเขียนบทต้องโล๊ะบทเดิม และตัดตัวละครแกมบิททิ้งไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเนื่องจากในภาค 3 อย่าง ‘X-Men: The Last Stand’ จะเน้นไปที่การทำสงคราม จนทำให้เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ุนั้นมีมากเกินไป (อีกแล้ว!) และคงไม่มีช่องว่างให้พี่บ่าวได้ออกมาชูโรง
การปรากฏตัวของแกมบิทเวอร์ชันคนแสดงครั้งแรก
หลังจากการฉายของ ‘X-Men: The Last Stand’ นั้น 20th Century Fox ก็ได้เดินหน้าโปรเจกต์หนังเดี่ยวของพี่วูลฟ์อย่าง ‘X-Men Origins: Wolverine’ ในทันที ซึ่งคราวนี้พี่บ่าวของเราก็ไม่ระทมแล้ว เพราะถูกวางตัวให้เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่จะเข้ามาสร้างสีสันในเรื่อง (เพื่อจะไปโผล่ในเรื่องอื่นอีก) ซึ่งนักแสดงที่ได้รับเลือกเป็นแกมบิทก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือ แชนนิง เททัม นักแสดงหนุ่มอนาคตไกล ที่โด่งดังจาก ‘Step Up’ และ ‘Coach Carter’ ใช่แล้วล่ะ เททัมคือตัวเลือกแรกสำหรับแกมบิทมาตั้งนานแล้ว
เททัมหลงใหลบทพี่บ่าวแกมบิทเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าเขาปฏิเสธที่จะแสดงหนัง ‘G.I. Joe: The Rise of Cobra’ เพื่อที่จะมาเล่นเป็นแกมบิทใน ‘X-Men Origins: Wolverine’ เลยล่ะ ทว่าท้ายที่สุด เขาก็ถูกดึงตัวไปเล่นใน G.I. Joe แทน ซึ่งตารางถ่ายของ G.I. Joe ก็ดันซ้อนทับกับ ‘X-Men Origins: Wolverine’จึงทำให้เขาต้องจำใจปล่อยมือจากบทพี่บ่าวไป และบทแกมบิทก็ถูกส่งต่อมาให้ เทย์เลอร์ คิทช์ (Taylor Kitsch) อีกทีหนึ่ง จนออกมาเป็นแกมบิทเวอร์ชันที่เราได้เห็นในหนัง ‘X-Men Origins: Wolverine’
ซึ่งถ้าหาก ‘X-Men Origins: Wolverine’ ประสบความสำเร็จ เราจะเห็นเทย์เลอร์ คิทช์ ในบทบาทแกมบิท อีกอย่างน้อย 2 เรื่องด้วยกัน ทว่าเนื่องด้วยคำวิจารณ์อันย่ำแย่ของหนังภาคนี้จึงทำให้ 20th Century Fox ริเริ่มความคิดที่จะรีบูตจักรวาลมนุษย์กลายพันธ์ุใหม่ซะเลย โดยเริ่มรีเซ็ตที่หนัง ‘X-Men: First Class’
การพัฒนาโปรเจกต์ ‘Gambit’ โดยแชนนิง เททัม
การปล่อยมือจากบทแกมบิท เป็นหนึ่งในแผลใจครั้งใหญ่ของแชนนิง เททัม แต่เมื่อจักรวาลเดิมไม่อาจไปต่อได้ เขาจึงแอบริเริ่มพัฒนาโปรเจกต์หนังเดี่ยว ‘Gambit’ ขึ้นมาแบบลับ ๆ และโชคก็เริ่มเข้าข้างเขา
หนัง ‘X-Men: First Class’ ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาก จนทำให้เหล่ามิวแทนต์ได้กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง ซึ่งแชนนิง เททัม จึงได้ผลักดันโปรเจกต์ ‘Gambit’ อย่างเต็มที่ ในตอนนั้นใครต่างก็คิดว่าแกมบิท จะถูกสร้างเป็นหนังอย่างแน่นอน เพราะแชนนิงมีทั้งชื่อเสียง และพาวเวอร์ที่สามารถแบกโปรเจกต์ให้เกิดขึ้นจริงได้
ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ในเวลานั้นโปรเจกต์ ‘Gambit’ ยังมีโอกาสได้สร้างเป็นหนังยิ่งกว่า ‘Deadpool’ ซะอีก (ซึ่งทั้งสองเป็นโปรเจกต์ที่พัฒนาในเวลาไล่เลี่ยกัน) โดย 20th Century Fox เองก็หมายมั่นว่าโปรเจกต์ ‘Gambit’ นั้นจะเป็นวูฟล์เวอรีน (ตัวละครที่แบกทั้งจักรวาลมิวแทนต์) ตัวต่อไป
ถ้าหากภาพยนตร์ ‘Gambit’ ได้สร้างมันจะเป็นอย่างไร
ในเว็บไซต์ Wegotthiscovered ก็ได้ลงถึงเรื่องย่อบางส่วนที่หลุดออกมาของโปรเจกต์หนังเดี่ยวพี่บ่าว ซึ่งความจริงแล้ว แกมบิทควรจะได้โผล่มา Cameo ก่อน โดยเปิดตัวใน ‘X-Men: Apocalypse’ เพื่อปูทางไปสู่หนังเดี่ยวของเขา
โดยภาพยนตร์ ‘Gambit’ จะเป็นหนังฮีโร่ที่ผสมหนังโจรกรรม ซึ่งเริ่มเรื่องนั้นจะเล่าถึงชายชื่อลุค เลอบัว ที่ได้พบเจอกับหนูน้อยคนหนึ่ง ที่กำลังแอบมาขโมยของ ซึ่งลุค เลอบัวถูกใจเจ้าเด็กนี่มาก จึงอุปการะเด็กคนนี้มาอยู่ในกลุ่มโจรของเขา โดยให้ชื่อว่าเลมี เลอบัว
20 ปีต่อมา เด็กชายเลมี เลอบัวเติบโตมาในนิวออร์ลีนส์พร้อมกับการเป็นมิวแทนต์ที่ชื่อว่าแกมบิท และยังเป็นดาวเด่นของกลุ่มโจรอีกด้วย ในตอนนั้นเขาพบรักเข้ากับดอนน่า บูโดรซ์อีกหนึ่งมิวแทนต์หญิงที่กำลังหลบหนีจากตำรวจ ซึ่งแกมบิทมารู้ทีหลังว่าตระกูลของเขากับตระกูลของแฟนนั้นไม่ชอบหน้ากัน นั่นทำให้แกมบิทจึงอาสาผสานรอยร้าวด้วยการรวมทีมปล้นครั้งใหญ่ แต่แล้วแกมบิทกลับทำพลาด จนทำให้พ่อบุญธรรมของเขาอย่างลุค เลอบัวเสียชีวิต
10 ปีต่อมา แกมบิทได้รับการว่าจ้างให้ไปขโมยของจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส ซึ่งภายหลังก็มีการเปิดเผยว่าคนที่จ้างเขาก็คือตัวร้ายอย่างมิสเตอร์ซินิสเตอร์นั่นเอง โดยมิสเตอร์ซินิสเตอร์ได้เสนอเงินให้แกมบิทถึง 40 ล้านเหรียญ เพื่อแลกกับการไปขโมยหีบลึกลับที่อยู่กับตระกูลบูโดรซ์ นั่นจึงทำให้แกมบิทต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตนอีกครั้ง
ทว่าคราวนี้นิวออร์ลีนส์ ไม่ใช่สถานที่ที่เขาเคยรู้จักอีกแล้ว เพราะมันคือเมืองไร้กฎหมาย ที่รวบรวมเหล่าอาชญากรมิวแทนต์ตัวยักษ์ไว้มากมาย หากทำอะไรตุกติก ก็สามารถตายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นแล้วเพื่อให้ภารกิจนี้สำเร็จ แกมบิทจึงต้องรวมทีมมิวแทนต์เพื่อโจรกรรมสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ปิดฉาก เพื่อเปิดม่านครั้งสุดท้าย
อย่างที่เราทุกคนรู้กันดีเนื่องจากการพัฒนาอันยืดเยื้อ และการแทรกแซงของสตูดิโอ ทำให้การพัฒนาของโปรเจกต์ ‘Gambit’ แทบไม่คืบหน้า ซ้ำร้ายในเวลาเดียวกัน ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) ก็โบกมือลาบทวูฟล์เวอรีน และภาพยนตร์ ‘Fantastic Four’ เวอร์ชันรีบูตก็เจ๊งยับ แถมหนัง X-men ยุคใหม่ ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าที่ควร ยังดีที่ ‘Deadpool’ ของไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds) นั้นได้กำไร และคำวิจารณ์ในแง่บวก นั่นทำให้ 20th Century Fox จึงหันไปให้ความสนใจกับโปรเจกต์ ‘Deadpool’ มากกว่า
ทว่าประตูบานสุดท้ายที่ปิดตายโปรเจกต์นี้ไปก็คือ การเข้าซื้อ 20th Century Fox โดย Disney และเพื่อให้ X-men กลับมาอยู่ใต้ชายคา Marvel อีกครั้งสตูดิโอจึงต้องยกเลิกภาพยนตร์ของ X-men ทุกเรื่องที่มีแววว่าจะไม่ได้ไปต่อ และยังติดหล่มอยู่ ใช่ นั่นรวมถึงโปรเจกต์ ‘Gambit’ ด้วย
สิ่งนี้ทำให้แฟนคลับพี่บ่าวแกมบิทต้องหลั่งน้ำตา และคนที่เจ็บที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือแชนนิง เททัม ชายผู้ผลักดันโปรเจกต์ ‘Gambit’ มาตลอดหลายปี ซึ่งในเวลานั้นทุกคน (รวมถึงเททัม) ก็คิดว่าถึงเวลาต้องบอกลาโปรเจกต์นี้อย่างเป็นทางการสักที
แต่แล้วก็เหมือนพระมาโปรด เพราะไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds) ก็ได้ติดต่อให้เขากลับมาเป็นแกมบิทในหนัง ‘Deadpool & Wolverine’ ซึ่งนับเป็นเซอร์ไพรส์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นแชนนิง เททัม มาโผล่ในบทบาทแกมบิท หากนี่เป็นการเปิดม่านของตัวละคร มันก็เป็นม่านที่น่าจดจำของการพยายามมาตลอดหลายปีของเททัม แต่หากเป็นการปิดม่าน แม้จะไม่สวยงามนัก แต่มันก็เติมเต็มความฝันอย่างหนึ่งของผู้ชายที่มีแพสชันอันแรงกล้า และแฟนบอยที่อยากจะเห็นเขาในบทนี้มาตลอดหลายสิบปี
"ผมต้องการมันมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ (โปรเจกต์ ‘Gambit’) มันอยู่ในมือของบ็อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) และเควิน ไฟกี (Kevin Feige) และผมขออธิษฐานต่อพระเจ้าให้มันเกิดขึ้นจริง" แชนนิง เททัม กล่าว
ที่มา :