Never let go (ผูกเป็น หลุดตาย) จากผู้เขียนบทชื่อดั่ง : เคซี คัฟลิน และกำกับโดย : มักซีม อเล็กซองดร์ นักแสดงนำหลัก : จูน / ฮัลลี่ เบอร์รี่, นักแสดงเด็ก ซามูเอล / แอนโธนี่ บี. เจนกินส์ ,โนแลน / เพอซี แดกกส์ ที่4 หนังแนว : ระทึกขวัญ / สยองขวัญ ระยะเวลาในการชม 101 นาที เทคนิคการถ่ายทำของผู้กำกับหนังเรื่องนี้ คือการใช้กล้อง 65. มม ในการถ่ายทำเรื่องนี้ ซึ่งทำให้ภาพที่ได้ เป็นฉากกลางคืนที่สยองเกล้า ในตอนกลางวัน ได้อย่างน่าขนลุกขนพอง นับว่าเป็นการใช้เทคนิคที่น่าทึ่ง บวกกับการเลือกสถานที่ถ่ายทำ ในป่าสนใกล้รัฐแวนคูเวอร์ และบ้านที่ไม่คิดว่าจะมีใครไปอยู่ได้ กลางป่ากลางดง ขนาดนั้น ทางตอนใต้แถวๆ เทนนิสซี่ ที่ดูน่าหดหู่ และน่ากลัวจนไม่คิดว่าจะมีใครจะกล้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมแย่ขนาดนี้ ทำให้ได้อารมณ์ที่สมจริงส่งต่อความรู้สึกของตัวละครที่ได้ถ่ายทอดออกมา เริ่มเรื่องมา....บรรยากาศก็วังเวง ผสานกับเสียงหริ่งเรไร ร้องระงมรอบบ้าน พร้อมเสียงกบที่กำลังเรียกร้องหาคู่ ในคืนอันมืดมิด (ซึ่งทั้งโรงมีผมนั่งดูอยู่คนเดียว😅) (จูน) แม่ลูกสอง ที่ชีวิตตกอยู่ในกรอบขนบธรรมเนียม ที่แสนล้าหลัง และ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว เมื่อครั้งในอดีต ที่ได้หนีหายไป กลับหวนคืนสู่บ้านเกิดอีกครั้ง พร้อมกับความเชื่อที่ถูกฝังหัว ลึงลงไปในจิตใจ จนแยกไม่ออกแล้ว ว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องปลอม บางสิ่งบางอย่างเมื่อครั้งเยาว์วัย ก่อให้เกิดแผลเป็นในใจ เหมือนเมื่อครั้งอดีต ที่ถูกฝังหัว ว่าต้องเชื่อมั่นในคำสอน เชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ ของการท่องคำอธิฐาน ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ภายในบ้านหลังนี้ ที่จะคอยปกปักรักษา ไม่ให้เพศภัยภยันตราย เข้าใกล้และเข้ามาทำร้ายครอบครัวของเธอได้ และมันคือความรับผิดชอบ อันหนักอึ้งของผู้เป็นแม่ ที่ต้องคอยมอบความรัก ความเอาใจใส่ รวมทั้งศรัทธาของเธอ ที่มีต่อลูกทั้งสองคน นั้นก็คือ ซามูเอล และ โนแลน กับเนื้อเรื่องที่เขาต้องการจะสื่อให้เรารู้ว่า สิ่งหนึ่งที่คอยผูกพันเรา เมื่อครั้งยังเป็นทารก ที่เราทุกคนเคยพันผูก ก่อนคลอดออกมาดูโลก ที่จูนเองก็เชื่อว่า โลกภายนอกนั้น ที่เธอไปประสพพบเจอมามันเลวร้ายขนาดไหน เปรียบเหมือน เชือก ที่ต้องผูกรอบเอว ของเขาทั้งสามคน (มันมีความหมายลึกซึ้งจริงๆ ที่ทำให้ผมมองดูแล้วรู้เลยว่า เขาต้องการจะหมายถึงอะไร ซึ่งมันแว้บเข้ามาในหัวผมทันที) ในขณะเดียวกันมันยังให้ความรู้สึกถึงความดึงดันคัดค้าน กับความเป็นจริง ที่มีต่อศรัทธาที่นับถืออยู่ ว่ามันใช่ รึ ไม่ หรือเป็นเพียงความงมงาย ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของจูน บวกกับความรักความหวง กลัวลูกจะเป็นอันตราย จนไม่อยากให้เขาโตมากไปกว่านี้ ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้ เด็กทุกคนต้องโตเป็นผู้ใหญ่ เหมือนอย่าง โนแลน ในเรื่องนี้ ที่เริ่มเคลือบแคลง และสงสัย ในบทสวดบริกรรมคาถาประจำบ้าน หลังนี้ ว่าจะปกป้องเขาจะภยันตรายภูมิผีปีศาจ ได้จริงๆเหรอ "(1) เชือกคือร่มชูชีพ" ความอดทนที่มีต่อ สถานการณ์อันเลวร้าย ที่มีต่อครอบครัวของเธอ ไม่ได้มีแค่เพียง ภยันตรายที่อยู่ข้างนอกนั่น สภาพภูมิอากาศก็เช่นกัน มันไม่ปราณีปราศัย เลยแม้แต่น้อย ที่จะทำให้ท้องของเขาทั้งสามคน ได้อิ่มท้องเพียงพอกับพลังงานที่ต้องใช้ในช่วงฤดูหนาว ทุกสิ่งทุกอย่างที่จูนเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นผักดองไว้เป็นโหลๆตั้งเรียงรายเอาไว้ นับวันมันเริ่มจะหร่อยหรอลง ตัวจูนเองก็หิว แต่ก็ต้องอดทน เพียงแค่ขอให้ลูกๆของเธอได้อิ่มท้อง เธอยอมอดได้ ทนได้ จนในที่สุดแม้ว่าเธอจะยังมีสติอยู่ และถูกยั่วยุจากผีร้ายที่กลายร่างมาเป็นคนในครอบครัวของเธอ ปรากฎลงต่อหน้า คอยยุแยงตะแคงรั่ว แต่เธอก็ไม่ไยดีต่อคำพูดพวกนั้น และเธอและลูกของเธอยังปลอดภัย ตราบใดที่ยังอยู่ในเขตภายในบ้าน พวกมันจะทำอะไรเธอไม่ได้ สิ่งหนึ่งในเรื่องนี้ที่เขาคอยเปรียบเทียบ กับความชั่วร้ายที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ ก็คือ งู เพราะมันคดเคี้ยวเลี้ยวลด ไม่มีความแน่นอน ผันแปรเปลี่ยนไปตามความคิดชั่ววูบของอารมณ์ ที่เข้ามาโจมตี ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ กับสถานการณ์ ที่กำลังย่ำแย่อยู่ในตอนนี้ของจูน "(2)จะหาอาหารให้ลูกกินเพียงพอได้ยังไง" ในขณะที่ โนแลนเอง เด็กน้อยในตอนนี้ที่กำลังเติบโต เป็นเด็กขี้สงสัย และ เริ่มเคลือบแคลงระแวง ต่อศรัทธาที่มีต่อแม่ของเขา ที่ถูกให้ท่องทุุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ไปหาอาหาร ซึ่งผิดกับ ซามูเอล ที่เปรียบเสมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น คอยเชื่อคำพูดทุกคำที่แม่บอก ทั้งคู่มีความต่างเห็นกันอย่างชัดเจน และนั้นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้น รึ ฉากสุดท้ายที่จะได้เห็น ปีศาจในใจตน ของเด็กน้อยที่มันตื่นขึ้นมาพร้อมกับข้อเรียกร้องที่เขาไม่มีวันเข้าใจว่าจริงๆแล้วเขาต่างหากที่เข้าใจถูกว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงความคิดของแม่เขาฝ่ายเดียวและเขาเชื่อว่าตัวเขาไม่ได้อยู่โลกนี้คนเดียว บทพิสูจน์อันนี้ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียที่ไม่คาดคิด....... หากคนเป็นแม่ไม่อยู่แล้ว พวกเขาสองพี่น้องจะอยู่อย่างไร จะกลายเป็นแบบไหน จะเหมือนแม่ของเขาไหม และจะตกหลุมพรางของปีศาจซาตาน รึเปล่า ในบริบทสุดท้าย "(3)พวกเขาจะกลายเป็นคนยังไง" และสิ่งหนึ่งที่ทำให้การดูหนังเรื่องนี้ของผมได้ อรรถรสสุดๆเลย คือ การได้ดูหนังคนเดียวทั้งโรง โดยที่ไม่มีใครเลย ผมบอกได้เลยว่ามันได้อารมณ์สุดๆ ได้ลุ้นระทึกเต็มๆไปกับเนื้อเรื่อง ที่เราตั้งใจดูแบบไม่ต้องไปคาดเดาว่าอะไรจะโผล่ออกมา ขอแค่ให้ได้ซีบซับสัมผัสกับรสชาติของหนังเรื่องนี้เต็มๆ เท่านั้นพอ และแน่นอนหากว่าใครกำลังมองหาหนังระทึกใจและอยากจะซึมซับความตื่นเต้น แบบเดียวกับผมแนะนำให้ดูรอบสุดท้าย แล้วคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศสยองขวัญในโรงภาพยนตร์ จริงๆครับ ปล. อยากจะขอชม เจ้าหน้าที่ ซีเคียวริตี้ ห้างบลูพอตหัวหิน รวมทั้ง เจ้าหน้าที่โรงหนังเมเจอร์บลูพอตหัวหิน บริการดีมากๆ ประทับใจมากครับ คอยช่วยเหลือในช่วงเวลาที่ยากลำบากในช่วงนี้ของผม ขอบคุณครับ ภาพประกอบบทความ จาก Facebook Never let go :(1) (2) (3) (4) ภาพประกอบหน้าปกจาก Facebook Never let go : (1) จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !