ถ้าหากให้พูดถึง "สตีเฟน คิง" คงไม่มีคอหนังหรือคอนิยายคนไหนไม่รู้จักเขาในฐานะเจ้าพ่อนวนิยายสยองขวัญที่มีผลงานมากมายที่ถูกดัดแปลงออกมาเป็นฉบับภาพยนตร์ที่มีผลงานแทบจะได้เห็นผ่านทุก ๆ ปี มากที่สุดของโลกนี้ได้อย่างแน่นอน โดยมีผลงานเด่น ๆ ที่ฝากไว้ในมนต์ของภาพยนตร์ที่ดังระเบิดอย่าง It Chapther 1-2 , The Mist , The Shining และอีกมากมาย ด้วยจุดเด่นที่ทั้งสยองขวัญได้ และสอดแทรกวิพากย์วิจารณ์ชีวิตเสียดสีสมจริงได้ ทำให้ล้วนแล้วทำให้ผลงานส่วนมากของเขามักจะตราตึงในใจผู้ชมไว้ได้ทุกยุคสมัย เช่นเดียวกับผลงานลำดับล่าสุดที่ถูกหยิบมาดัดแปลงเป็นฉบับคนแสดงบนจอยักษ์อย่าง The Long Walk ว่าด้วยเรื่องราวในโลกที่ยากลำบากการแข่งขันการเดินตลอดทั้งวันมีกฎตายกฎเดียวคือห้ามหยุดเดินที่น่าสนใจและเชิญชวนให้ทั้งแฟนนินายและคอหนังเข้าไปเสพผลงานชิ้นนี้มากด้วยประจวบเหมาะกับการได้รับคะแนนวิจารณ์จากเว็บ Rotten Tomatoes ที่สูงมากกว่า 90% ที่แทบจะเป็นท็อปแรงค์สูงมาก ๆ ของนิยายของเขาที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! The Long Walk หนังที่เปรียบเปรยถนนคือชีวิต บอกเล่าสนุกก็ทำได้ สัญญะก็ทำถึง หนังน่าสนใจตั้งแต่พล็อตของหนัง ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการแข่งขันจัดสรรหาหนุ่มชายทั่วประเทศมาทั้งหมด 50 คนมาแข่งขันการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีเส้นชัย มีกฎตายคือห้ามหยุดเดิน เกมจะจบลงเมื่อเหลือผู้เล่นเพียงแค่หนึ่งคน ถ้าหยุดเดินเท่ากับตายทันที เป็นหนังแนวเอาตัวรอดที่มีกลิ่นอายพล็อตคล้าย The Hunger Games ผสม Squid Game กลาย ๆ ผสมกลิ่นอายโลกเบื้องราวเบื้องหลังเป็นแนวดาวดิสโทเปียที่แต่งเติมน่าสนใจ หนังเริ่มต้นด้วยการเล่าและใส่ข้อมูลโลกในหนังอย่างไวและกติกาของเกมให้เข้าใจคร่าว ๆ ได้อย่างสนุกรวดเร็ว สิ่งที่เราสัมผัสได้แต่แรกคือหนังไม่ได้มุ่งเน้นไปทางหนังเอาความบันเทิงเสิร์ฟคนดูจัด ๆ แต่มันคือการวิพากย์วิจารณ์สังคมอย่างจริงจังผ่านบททดสอบในหนัง ที่เป็นสัญญะไม่ยากและไม่ง่าย ชัดเจนมีเอกลักษณ์บอกเล่าความเป็นชีวิตได้ เฉกเช่นถนนก็คือเส้นทางในชีวิต หยุดเดินก็เท่ากับเลิกหรือพอกับชีวิต การเดินไปเรื่อย ๆ ก็เหมือนการเดินทางในชีวิตไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อฝ่าฟันและเจอสิ่งอุปสรรคในชีวิต ซึ่งรวม ๆ แล้วในศาสตร์ภาษาภาพยนตร์นี่เป็นหนังที่เดินรวบตรงกลางระหว่างเป็นหนังสัญญะจริงจังและแมสดูง่ายได้อย่างลงตัวพอสมควร หนึ่งในหนังที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ สตีเฟ่น คิง ที่สร้างสรรค์ออกมาดีที่สุด แม้จะมีผลงานมากมายที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นฉบับคนแสดง ซึ่งล้วนแล้วมีทั้งผลงานที่ดีมากและแย่เลยจากคำวิจารณ์ของเหล่านักวิจารณ์อยู่หลากหลายเรื่อง แต่ทว่าหนังเรื่องนี้กลับดัดแปลงออกมาอยู่ในเกฎฑ์ที่เหมาะสมและดีมากพอ แม้นิยายจะถูกเขียนมาตั้งนานตั้งแต่ปี 1979 แต่พล็อตยังมีความร่วมสมัยอาจจะด้วยจังหวะพิเศษที่เข้าช่วงสถานการณ์โลกมีความเข้ากันพอดีกับเรื่องราวของหนัง การดัดแปลงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สร้างออกมาดูสนุกเข้าใจง่าย ไม่มีเอ๊ะ หรือมีความเป็นบรรยายนิยายมากจนเกินขัดความเป็นหนังมากไป ซึ่งล้วนแล้วพอถึงบทสรุปของหนังแก่นของเรื่องราวก็ตีกระแทกหน้าเราได้ชัดเจนให้ได้ข้อคิดถึงธีมแท้ของหนังได้ดีสุด ๆ ถ้ามองเป็นหนังหนึ่งเรื่องไม่อิงนิยายก็ถือว่าเป็นหนังดิสโทเปียที่ตอบโจทย์ความเป็นตัวเองได้ดีมาก เช่นเดียวกับถ้ามองเป็นหนังที่ดัดแปลงจากนิยายก็ดูสนุกและใจความดูครบและดีในตัวมากอีกเช่นกัน ความสนุกไม่ได้อยู่ที่ฉากแอ็คชั่น แต่กลับกันเป็นฉากพูดคุยของตัวละครที่ดูสนุก แม้หน้าหนังดูแล้วความบันเทิงของเรื่องน่าจะไปกองกันที่ฉากสนุกหรือตื่นเต้นตามสไตล์หนังแนวเอาตัวรอดดิสโทเปีย แต่แท้จริงของหนังเรื่องนี้กลับแตกต่างและไม่ซ้ำในแนวหนังดิสโทเปียเรื่องอื่นเลยเสียสักนิด ฉากพูดคุยผ่านกลุ่มตัวละครมากหน้าหลายตาที่ล้วนแล้วมาจากต่างความคิด กลุ่มคน ปมลึกเบื้องหลัง ที่ถูกบทสนทนากลับสอดแทรกความคิดความอ่านและเรื่องราวที่สะท้อนถึงความสิ้นหวังของวัยรุ่น สะท้อนระบบชายแท้ในโลกสิ้นหวัง และการดิ้นรนที่เหมือนมานั่งดูคนปรับทุกข์หรือเจอเรื่องราวลำบากมาจอยกัน ซึ่งอาจจะแตกต่างจากภาพในหัวของคนที่คาดหวังจะมาดูความสนุกตื่นเต้นแนวเอาตัวรอดมาก ๆ แต่กลับกันหนังก็มอบบทตรงนี้ทั้งเรื่องมีคุณค่ามากพอที่ส่งพลังเลี้ยงคนดูให้ไปอิมแพ็คกับมวลอารมณ์ในช่วงท้ายของหนังได้ดีแบบสมบูรณ์แบบดีมาก ๆ มิติตัวละครชัดลึก มิติโลกเบื้องหลังกลับเบาบาง ด้วยความไม่ได้มาเวย์จริงจังในการเอาตัวรอดตั้งแต่แรกเริ่มหนัง แต่ทว่าเรากลับยังไม่ได้เห็นเรื่องราวเบื้องหลังของโลกนี้มากเท่าที่ควร ทำให้รู้สึกภาพจินตนาการในโลกอนาคตของเรื่องราวในหนังที่อดยากและลำบากจากภาวะสงครามผ่านคำพูดตัวละครดูไม่น่าเชื่อถือและตื้นไปเสียนิด ถ้าหนังลงเวลาให้เห็นภาพจริงจังของเรื่องราวเบื้องหลังทั้งจุดเริ่มต้นสงครามการแข่งขันอะไรต่าง ๆ มันจะช่วยขับเคลื่อนพล็อตความเป็นเอาตัวรอดแฝงบนความดราม่าของหนังให้กลมเกลียวสนุกกว่านี้ได้มาก ๆ The Long Walk หนังที่ตอบโจทย์ภาพรวมทั้งแง่หนังเอาคุณภาพและหนังที่น่าสนใจมากพอจะออกจากบ้านเพื่อไปดูที่โรงหนังได้ อาจจะไม่ใช่หนังทุนหนาระดับยิ่งใหญ่อลังการ แต่ด้วยพล็อตที่น่าสนใจตั้งแต่แรกเริ่มก่อนจะดู ก็ตีโจทย์ตัวเองแตกพอที่จะเป็นหนังดิสโทเปียที่มีแนวแตกต่าง ด้วยเนื้อหาเนื้อในที่ไม่ได้เน้นไปที่เอาตัวรอดจ๋า ๆ แต่กลับเน้นบอกเล่าความสนุกผ่านคำพูดของตัวละครเอกในเรื่องราวที่ดูสนุกลุ้นและแฝงสะท้อนสัญญะ วิพากย์วิจารณ์โลกที่ล่มสลาย การต่อสู้ดิ้นรน ที่อิมแพ็คมากพอเมื่อมาดูถึงบทสรุปของหนัง อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ความเป็นหนังเอาตัวรอดดูบันเทิงจ๋า ๆ แต่ถ้ามองเป็นหนังคุณภาพดี The Long Walk ก็ตอบโจทย์ทุกอย่างได้ดีเป๊ะมากพอที่เป็นหนังที่คุ้มค่าจะออกไปดูที่โรงหนัง ขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก Facebook : MONGKOL MAJOR ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 จาก Facebook : MONGKOL MAJOR จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !