ความรัก ความฝัน ความปรารถนา และความตั้งใจ...... Coming of Age คือคำที่ผู้เขียนยกให้อนิเมะเรื่องนี้ ต้องยอมรับเลยว่าผู้เขียนเป็นแฟนเดนตายของสตูดิโอนี้จริงๆอย่างจิบลิ ‘Studio Ghibli’ กับเรื่อง Whisper of the Heart : วันนั้น...วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู อนิเมะที่ออกฉายในปี 1995 เป็นอีกเรื่องที่ ต้องยอมรับว่าดูเรื่องนี้มาตั้งแต่ยุคนั้นเลยก็ว่าได้ อนิเมะที่ยังคงอบอวนด้วยความรักและกลิ่นไอ ที่ยังคงไม่จางหายไปไหนจากใจของผู้เขียนเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ามันจะนานมากมายแล้วก็ตามที และเพลงประกอบที่เพราะมากๆอย่าง Take Me Home, Country Roads ของ John Denver ที่นำมาประกอบและดัดแปลงให้มีความเป็นแบบฉบับของ ‘Studio Ghibli’ ได้อย่างไม่เคอะเขิน อนิเมะเรื่องนี้ได้รับการถ่ายทอดผ่านผลงานของอาจารย์ ยูชิฟูมิ คนโดะ และเขียนบทโดยอาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ ถึงแม้ว่าอาจารย์ ยูชิฟูมิ คนโดะ จะล่วงลับไปนานมากแล้วก็ตามแต่ผลงานของเขาก็ยังคงเป็นที่เป็นที่ประจักษ์ ต่อสายตาของชาวโลกอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และยังมีข่าวดีสำหรับแฟนๆเพราะว่า Whisper of the Heart : วันนั้น วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู จะถูกดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ไลฟ์แอ็กชัน จะได้ ยูอิจิโระ ฮิราคาวะ เขียนบทและกำกับ พร้อมด้วย นานะ เซอิโนะ มารับบทเป็น "ชิซูกุ สึกิชิมะ" และ โทริ มัตสึซากะ มารับบทเป็น "เซอิจิ อามาซาวะ" นับว่าเป็นอะไรที่น่าดูน่าชมและผู้เขียนก็ยังตั้งน่าตั้งตารอคอยมากๆ ที่จะเข้าฉายในประเทศไทยในวันที่ 8 ธันวาคม 2565 นี้ นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่จะมาส่งแฟนๆในเดือนท้ายปี ให้รับปีหน้าอย่างมีความสุขทีมพากย์ไทยได้แก่คุณอ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ หรือ อ๊ะอาย 4EVE ให้เสียงเป็น ชิซูกุ สึกิชิมะคุณโอม โอม เปล่งขำ หรือ โอม Bodyslam ให้เสียงเป็น เซอิจิ อามาซาวะนับว่าเป็นอนิเมะที่มีอายุพอสมควรอีกเรื่องหนึ่งที่กว่าจะมีพากย์ไทยออกมาได้ได้ชมกัน แต่การพากย์ไทยในครั้งนี้ถือได้ว่าคุ้มสุดๆทั้งในเรื่องของน้ำเสียงที่ส่งออกมาในเราเหล่าคนดูเชื่อได้อย่างสนิทใจ คุณอ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ ที่ให้เสียงเป็น ชิซูกุ เป็นตัวละครที่ค่อนข้างจะซนๆแก่นๆอยู่นิดหน่อยสำหรับตัวละครตัวนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ การพากย์ไทยในครั้งนี้ คุณอ๊ะอาย 4EVE นั้นได้ร้องเพลงดัดแปลงของ John Denver ที่ชื่อว่า Take Me Home, Country Roads ตอนแรกที่ดูก็รู้สึกประทับใจในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากพอสำควร แต่พอมาได้ยินเพลงที่แปลเสร็จแล้วมันกลับทำให้ผู้เขียนรู้สึกอิ่มเอมใจมากพอดูเลย ด้วยความที่เป็นนักร้องด้วยและมีน้ำเสียงที่น่ารักและเป็นเอกลักษณ์เลยทำให้ตัวละครตัวนี้เด่นได้อย่างไม่เคอะเขิน คุณโอม โอม เปล่งขำ หรือ โอม Bodyslam ให้เสียงเป็น เซอิจิ นับว่าเหมาะสมมากๆสำหรับคุณโอม ที่มาให้เสียงตัวละครตัวนี้เข้าท่าเข้าทางกับบุคลิกของตัวละครตรงไปตรงมาและน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์นี้แหละตัวละครตัวนี้จงเป็นที่รักของเราเหล่าคนดู ไม่ใช้แต่ตัวพระตัวนาง แต่ตัวละครอื่นๆในเรื่องนี้ก็น่าสนใจน้ำเสียงเข้ากันได้หมดกับที่ตัวละคร หากใครเป็นแฟนอนิเมะเรื่องนี้ผู้เขียนบอกเลยว่าพากย์ไม่ควรพลาดอย่างแน่นอนเล่าย่อๆเรื่องราวยังคงเล่าต่อเนื่องจากภูเขาทามะเป็นเหตุการณ์หลังจากเรื่อง Pom Poko : ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก ที่เมืองใหม่ทามะได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว (อ่าน Pom Poko : ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก อนิเมะที่สะท้อนภาพวาทกรรมสิ่งแวดล้อม กับนักต่อสู้ของคนชายขอบและเสียงที่ส่งไม่ถึงอำนาจรัฐ) อนิเมะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวผู้มีใจในการรักในการอ่านหนังสื่ออย่างมาก และแล้ววันหนึ่งเขาก็ได้เจอกับแมวตัวหนึ่ง แมวตัวนั้นมันได้นำเธอไปเจอกับกับ ชายหนุ่มคนหนึ่งหลังจากที่พวกเขาได้รู้จักกันชายหนุ่มคนนี้ก็เปลี่ยนความคิดและชีวิตของเธอไปตลอดกาล“กล้องพร้อม นักแสดงพร้อม เทปเดิน…ซีน 1 คัท 1 เทค 1…แอ็กชัน” 1 ซีน (Scene) คือ “ฉาก” ว่าด้วยเรื่องของฉาก / นับว่าเป็นอนิเมะที่อบอุ่นหัวใจมากๆอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ได้ เอาเข้าจริงๆผู้เขียนชอบมากๆกับอนิเมะเรื่องนี้เพราะส่วนหนึ่งก็มาจากฉากที่สวยงาม ของเมืองใหญ่ทามะเมืองที่เหล่า “ทานูกิ” ช่วยกันปกป้องเอาไว้ แต่ในเรื่องนี้ผืนป่านั้นกลายเป็นเมืองไปเสียแล้ว อนิเมะที่เล่าฉากหลังออกมาได้อย่างน่าสนใจธีมหลังอย่างเมืองใหม่ทามะก็สามารถทำให้เราได้เห็นความงดงาม ได้ตามแบบและลายเส้นของผู้กำกับอย่างอาจารย์ ยูชิฟูมิ คนโดะ ถึงแม้ว่าตัวท่านจะเสียชีวิตหลังจากที่อนิเมะ เรื่องนี้ออกฉายไปได้ไม่น่านเท่าไหร่ ธีมหลังที่เล่าออกมาได้อย่างสวยงามไม่แพ้กัน อนิเมะแนว Coming of Age จากสตูดิโอนี้ขึ้นชื่อเรื่องของฉากที่นำเสนออยู่แล้ว เราจะได้เห็นฉากต่างๆที่อนิเมะทำออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน ฉากความรักอันอบอุ่นหัวใจหรือแม้แต่ความฝันทีทำให้เราเหล่าคนดูคิดถึงในเรื่องราวเหล่านี้ ที่อนิเมะได้ถ่ายทอดออกมาไม่ได้เหมือนว่ากำลังยัดเยียดให้เราเหล่าคนดูเข้าใจ แต่สื่อให้เห็นถึงความค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่างตะรางไปตรงมา และทำให้เราได้เห็นการเติบโตของตัวละครต่างๆผ่านฉากได้อย่างสวยงาม 2 คัท (Cut) คือ “มุม”ว่าด้วยเรื่องของบท / ถึงจะถ่ายทอดเรื่องราวของฉากต่างๆออกมาได้อย่างสวยงามมากแค่ไหน แต่ตัวบทอนิเมะก็ไม่ได้ทำให้เราเหล่าคนดูประทับใจเท่าที่ควร เพราะเรื่องราวต่างๆที่สื่อออกมานั้นมันยังคงประเดประดังมากพอสมควร เอาเข้าจริงๆอนิเมะเหมือนกำลังพยายามยัดเยียดให้เราเหล่าคนดูเข้าใจในสิ่งที่ อนิเมะกำลังจะสื่อแต่การยัดเยียดนี้มันกลับไม่ได้ผล หรืออาจจะเป็นที่ตัวผู้เขียนเองที่เห็นว่าบทอนิเมะมันเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ตัวอนิเมะจะมีตัวละครที่หลากหลายอยู่พอสมควรแต่เราเหล่าคนดูกลับรู้สึกว่า อนิเมะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับตัวละครทั้งหลายเหล่านั้นเท่าที่ควร แต่ถึงประนั้นอนิเมะก็ทำมันออกมาได้ดีสำหรับเรื่องบทของสองตัวละครหลัก ที่มีความต่างกันอย่างสุดๆ แต่ตัวผู้เขียนเองกลับเห็นถึงความน่าสนใจเพราะอนิเมะเรื่องที่จะเล่าบทเหล่านี้ออกมาได้อย่างไม่เคอะเขิน เด็กหนุ่มผู้ตามหาความฝันของตัวเอง กับเด็กสาวผู้ที่ไม่ได้ฝันถึงเรื่องราวของอนาคตเลยแม้แต่น้อย ถึงจะมีความต่างกันอย่างมากก็ตามที่แต่ว่าอนิเมะก็เล่ามันออกมาได้อย่างสาวงาม ถึงแม่ว่าจะประเดประดังพอสมความแต่เรื่องราวของบทก็ดำเนินไปได้อย่างสวยงามและน่าสนใจ 3 เทค (Take) คือ “จำนวนครั้งที่เล่น”ว่าด้วยเรื่องของตัวละคร / ความรัก ความฝัน ความปรารถนา และความตั้งใจ...... ดั่งที่ผู้เขียนได้บอกเอาไว้ข้างต้น อนิเมะเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่สวยงามมากๆกับเรื่องราวของตัวละคร Coming of Age การเติบโตการค้นหาตัวเองรวมไปจนถึงความรัก ตัวละครที่อนิเมะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นก็คือ “ชิซูกุ” กับ “เซอิจิ” เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ “เซอิจิ” ตัวละครที่มีความฝันชัดเจนว่าอยากเป็นนักทำไวโอลิน เขาจึงมุ่งมั่นทำตามความฝันของเขาให้ถึงที่สุด และตัวละครอย่าง “ชิซูกุ” สาวน้อยวัยเดียวกันกับ “เซอิจิ” เธอเป็นเด็กสาวผู้ที่ชอบอ่านหนังสือมากๆอ่านจนแทบจะไม่มีหนังสือให้เธออ่านแล้ว วันหนึ่งที่เขาทั้งสองได้พบกันชายหนุ่มที่มุ่มมั่นที่จะเป็นนักทำไวโอลินละดับโลกก็มีไฟมากขึ้น สาวน้อยผู้ที่ไม่มีความฝันก็เริ่มหาความฝันของตัวเอง ‘Studio Ghibli’ นำเสนอเรื่องของตัวละครเป็นเหมือนกับสีขาวและค่อยๆแต่งเติมเสริมแต่งใส่สีตีไข่ ลงไปทีละเล็กที่ละน้อยจนทำให้ตัวละครทั้งสองมีชีวิตชีวาขึ้นมา และเติบโตไปในทางที่ดีและสวยงาม ถึงแม้ว่าจะเป็นอนิเมะไม่กี่เรื่องของ ‘Studio Ghibli’ ที่ทำเรื่องราวของความรักวัยเรียน เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่สะอาดมากๆ และตัวละครก็น่าค้นหากันแบบสุดๆ 4 Slate คือ ป้ายที่เขียนบอก ซีน คัท เทคว่าด้วยเรื่องของความหมาย / "ไม่มีอะไรที่มันสมบูรณ์แบบหรอก แค่ทำดีที่สุดก็ดีใจแล้ว" เอาเข้าจริงๆ Dialog นี้ขออนิเมะเรื่องนี้ก็สามารถทำให้เราเหล่าคนดูย้อนคิดถึงอะไรหลายๆอย่างได้อย่างตรงไปตรงมา คนหลายคนมักจะถวิลหาความเป็นหนึ่งหาความสมบูรณ์แบบ โดยที่ตัวเราเองก็ลืมนึกไปเลยว่าเรามันก็แค่คน คนหนึ่งที่อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขแค่ทำตามสบายไปตามโลกที่หมุนไปเรื่อยๆก็น่าจะพอ นั้นมันก็คือความสมบูรณ์แบบในตัวของมันเอง กับอีกหนึ่งความหมายที่อนิเมะเรื่องนี้ให้ไว้กับผู้เขียน เป็นฉากที่พระเอกพานางเอกซ้อนท้ายจักรยาน พอถึงช่วงขึ้นเนิน เพื่อที่จะไปดูละไรบางอย่าง ฝ่ายชายยืนกรานจะไปให้ได้ บอกว่า "ฉันจะต้องข้ามเนินนี้ไปให้ได้ โดยมีเธอซ้อนท้ายไปด้วย!" หากใครที่ได้ดูจะรู้เลยว่า Dialog นี่พระเอกตัวน้อยของเราพูดออกมาทำให้เราเหล่าคนดูขนลุกได้เลยทันที ถึงแม้ว่าจะมีความเป็นอนิเมะสำหรับเด็กและเยาวชน แต่กับแฝงได้ด้วยความหมายที่แอบเป็นผู้ใหญ่เข้ามาได้อย่างแนบเนียน และตอนนั้นเอง นางเอกลงมาช่วยเข็น "อย่าพูดบ้า ๆ ฉันไม่ใช่สัมภาระนะ!" มันบ่งบอกถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง ชีวิตคู่ ไม่ใช่สิ่งที่ใครนำใครตาม แต่ต้องช่วยกันสองแรงแข็งขัน! ช่างเป็นอะไรที่สวยงามและสื่อออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ 5 “คัท !!!!”Whisper of the Heart : วันนั้น...วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู อนิเมะที่ออกฉายในปี 1995 ถูกดัดแปลงมาจากมังงะของอาจารย์ อาโออิ ฮิอิรางิ ในชื่อเดียวกันที่ออกตีพิมพ์ในปี 1989 แล้วก็มาถึงฉบับคนแสดงในที่สุด เอาเข้าจริงๆเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากมายพอสมควรกับเรื่องราวความรักของ หนุ่มสาวสองคนนี้ เอาเข้าจริงๆเป็นอนิเมะที่ดังมากๆอีกเรื่องหนึ่งจนใครๆหลายตนมักนำภาพไปทำวอลเปเปอร์หรืออะไรต่อมิอะไรบ้าง ส่วนหนึ่งอาจจะด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ ความคิ้วท์ของเหล่าตัวละคร หรือแม้แต่ธีมหลังและธีมหลักต่างๆที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ผู้เขียนจำได้ว่ามีเพลงหนึ่งอย่าง 2T FLOW x SNOOPO x HANXPOND - เมื่อคืนฉันฝันว่า [ Prod. By SnoopO ] เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2019 ก็ใช้ฉากหนึ่งในอนิเมะเรื่องนี้มาประกอบเพลง “เด็กชายจูงจักรยานไปกับเด็กหญิงที่มีรถขับผ่านและสาดไฟใส่” นับว่าเป็นซิกเนเจอร์ของเพลงนี้เลยก็ว่าได้ และยังเป็นฉากที่เป็นซิกเนเจอร์ของอนิเมะเรื่องนี้อีกด้วย เป็นอนิเมะที่ครบเรื่องมากๆในหลายๆด้านถึงแม้ว่าหลายๆด้านเองก็ตามจะมีจุดที่ประเดประดัง มากพอสมควร Mood and Tone ของอนิเมะก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้เขียนให้ความสนใจเป็นพิเศษเพราะทำออกมาได้อย่างสวยงาม Easter Egg ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าค้นหา มันจะสอดแทรกทุกสิ่งอย่างเข้ามาในฉากและ Dialog จนกลายเป็นว่าเราเสพเนื้อหาและความหมายของมันมากกว่าพล็อตเรื่องเสียอีก ชอบ Dialog นี้ (นายคือเหตุผลที่ทำให้ฉันทำแบบนั้น ฉันดีใจที่ได้ผลักดันตัวเอง และตอนนี้ฉันเข้าใจตัวเองมากขึ้นเยอะเลย) – ชิซูกุ Whisper of the Heart : วันนั้น...วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู(สิ่งหนึ่งที่คนดูอย่างผู้เขียนเห็นคือความตั้งใจของทีมผู้กำกับทีมนักแสดง คะแนนเต็มแบบไหนอย่างไรไม่ควรนำมาตัดสิน กับเรื่องของภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม "คะแนนของคุณไม่ใช่คะแนนของใคร ที่สำคัญกำลังใจย่อมดีกว่าการตัดสินด้วยคะแนน" ผู้เขียนจะย้ำอยู่เสมอ สิบปากว่าไม่เท่าตาคุณเห็น ต้องชมเองให้ได้เท่านั้น)#จิปาถะและอรรถรสขอบคุณภาพประกอบจาก Studio Ghibli - ปก / 1 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 / 11 / 12 - Major Group - 2ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก End Credits ท้ายเรื่อง และการเป็นแฟนเดนตายผู้กำกับภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักเขียนบทภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกม นักแสดงทุกท่านทีมสร้างภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมทุกคนและบริษัทและค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ , อนิเมะ , ซีรีส์ , แอนิเมชัน และเกมและในวันนี้ก่อนจากกันไปบอกเราหน่อยว่าผู้อ่านเป็นแฟนอนิเมะเรื่อง Whisper of the Heart : วันนั้น...วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู เพราะอะไร อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจ แล้วท่านจะไม่พลาดเหล่าคอนเทนต์ใหม่ๆที่ทาง จิปาถะ และ อรรถรส จัดมาให้แบบ Exclusive จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !