เคยหรือเปล่าครับที่บอกกับตัวเองว่า “ถ้ารู้อย่างนี้ จะ...” มันเป็นประโยคที่หลายคนมักจะบ่นกับตัวเองเวลาที่รู้สึกว่าได้ตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปและเอาแต่คิดว่าถ้าวันนั้นเลือกอีกอย่างหนึ่ง ชีวิตก็คงจะดีกว่านี้ คงจะไม่ต้องอย่างนั้นและอีกหลายต่อหลายเหตุผล แล้วหากวันหนึ่งคุณมีโอกาสแก้ไขและตัดสินใจอีกครั้งคุณจะทำอย่างไร? วันนี้ผมจะมาแนะนำหนังเรื่อง 17 Again (17 ขวบอีกครั้ง กลับมาแก้ฝันให้เป็นจริง) หนังที่เมื่อดูจบแล้วคุณอาจจะไม่พูดประโยค “ถ้ารู้อย่างนี้..” อีกเลยครับ 17 Again (17 ขวบอีกครั้ง กลับมาแก้ฝันให้เป็นจริง) เป็นเรื่องราวของ ไมค์ โอโรเนล เด็กหนุ่มวัยรุ่นอนาคตไกล เขาเป็นนักบาสฝีมือดีของโรงเรียนและมีโอกาสได้ทุนไปเรียนต่อมหาลัย แต่แล้วแฟนสาวของเขาก็เข้ามาบอกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ด้วยความที่รักและต้องการรับผิดชอบทำให้เขาเลือกทิ้งอนาคตอันสดใสที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยเพื่อไปสร้างครอบครัวกับเธอ ผ่านไปหลายปี ชีวิตของไมค์ก็ดูจะไม่ค่อยสดใส เขาตกงาน มีปัญหากับภรรยาและลูก ๆ ดังนั้นไมค์จึงเอาแต่บ่นกับภรรยาว่าถ้าตอนนั้นเขาเลือกลงแข่งแล้วเข้าเรียนมหาลัยชีวิตเขาก็จะดีกว่านี้ เขาท้อแท้และสิ้นหวัง คิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาดมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้รับโอกาสจากโชคชะตา ทำให้เขาได้กลับไปเป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีอีกครั้ง ไมค์คิดว่านี่คือโอกาสที่พระเจ้าให้เขามาแก้ไขสิ่งที่ติดอยู่ในใจมาตลอด สุดท้ายเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ไมค์จะแก้ไขอะไรได้บ้าง สามารถติดตามได้ทาง Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้เลยนะครับ อารมณ์ของเรื่องแม้จะมีดราม่าอยู่หลายฉากแต่ก็ไม่ได้หนักครับ ออกแนวคอมเมดี้ ตลก ๆ และอบอุ่นใจมากกว่า ถ้าจะบอกว่าเป็นหนังครอบครัวก็คงจะไม่ผิดอะไร เพราะมีทั้งปัญหาของคู่สามีภรรยา เรื่องกลุ้มใจของวัยรุ่น ความไม่ลงรอยระหว่างเพื่อน อีกทั้งยังมีแง่คิดดี ๆ แฝงให้เราได้คิดตามในตอนจบอีกด้วย บทสรุปของเรื่องเองก็ทำออกมาได้น่าประทับใจพอสมควร ทั้งนี้เนื้อหาของหนังหลายส่วนผมรู้สึกว่าคล้ายกับหนังไทยเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมขอไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นเรื่องไหนแต่เชื่อว่าถ้าใครดูทั้งสองเรื่องจบแล้วก็น่าจะรู้เอง ซึ่งส่วนตัวผมชอบทั้งคู่นะเพราะมันก็สนุกกันไปคนละแบบ สิ่งที่หนังอยากสื่อ ตามที่ผมเข้าใจก็คงเป็นประเด็นเกี่ยวกับทัศนคติในการใช้ชีวิตที่หลายคนอาจจะเคยตัดสินใจผิดพลาด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะกลับไปโทษตัวเองหรือเอาแต่จมอยู่กับมัน เพราะในชีวิตจริงเราคงไม่มีโอกาสที่ได้ย้อนวัยไปแก้ไขอะไรได้เหมือนไมค์ แต่เราสามารถทำปัจจุบันและอนาคตให้มันดีขึ้นได้ อะไรที่คิดว่าผิดพลาดไปก็ให้ถือเป็นบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้ ยอมรับและแก้ไขมัน มีหลายเหตุการณ์ที่ผมเองก็เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด อย่างตอนที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาลงทุนเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ข้างทางแล้วมันไปไม่รอดจนต้องตกงานอยู่หลายเดือน มันเป็นช่วงที่เครียดมากเพราะแม้แต่เงินที่ซื้อข้าวกินก็แทบไม่มี ระหว่างนั้นผมรู้สึกว่าผมทำพลาดมาก ถ้าผมไม่ลาออกจากงานผมก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้ แต่หลังจากนั้นผมก็หางานใหม่ได้ ผมได้รู้จักเพื่อนดี ๆ ได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิม มีชีวิตที่ดีขึ้นจนหากถามผมในวันนี้เกี่ยวกับการตัดสินใจในวันนั้นผมกลับคิดต่างไปจากเดิม เพราะหากผมไม่ลาออกและเปิดร้านจนเจ๊ง ผมก็คงไม่ดิ้นรนหางานใหม่ที่ดีกว่าเก่า และผมก็อาจจะไม่ได้มีความสุขอย่างในทุกวันนี้ก็ได้ เหมือนอย่างที่หนังพยามยามบอกกับเราว่าพอเอาเข้าจริงบางทีสิ่งที่เราเคยคิดว่าตัดสินใจผิดพลาดนั้น มันอาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วก็ได้ครับขอบคุณภาพจาก WarnerBros