รีวิวหนัง "Beetlejuice Beetlejuice" จู๊ดส์ไปเรื่อย แคสติ้งระดับเทพ ถึงจะยังไม่ค่อยสุด

นี่ก็คือการกลับมาสานต่อความวายป่วงในรอบ 36 ปีของตำนานหนังผีแฟนตาซีระดับขึ้นหิ้ง ที่ใช้สูตรสำเร็จของหนังฮอลลีวูดยุคนี้ ด้วยการหยิบเอาของเก่าคลาสสิกมาหากินใหม่ กลายเป็นภาคต่อ "Beetlejuice Beetlejuice" ที่นับว่ายังโชคดีที่ทีมนักแสดงและทีมผู้สร้างชุดดั้งเดิมยังยืดหยัดและมีกำลังเพียงพอที่จะลุกขึ้นมาปลุกผีในตำนานนี้กลับมาขึ้นมาจากหลุมอีกครั้ง

หลังจากโศกนาฏกรรมที่คาดไม่ถึงของครอบครัว ครอบครัว ดีทซ์ ถึงสามรุ่นก็กลับมายัง วินเทอร์ ริเวอร์ ที่ยังคงถูกสิงสู่โดย บีเทิลจู๊ดส์ โดยชีวิตของ ลิเดีย ต้องผลิกผันเมื่อ แอสทริด ลูกสาวหัวขบถของเธอ ค้นพบโมเดลเมืองลึกลับในห้องใต้หลังคาและประตูสู่โลกหลังความตายก็ได้เปิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ในขณะที่ปัญหากำลังก่อตัวขึ้นในทั้งสองโลก ก็เหลือเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น ก่อนที่จะมีใครสักครั้งเรียกชื่อ บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์ บีเทิลจู๊ดส์ และเจ้าวิญญาณจอมซุกซนจะกลับมาพร้อมกับความวุ่ยวายในฉบับของเขา

แปะ แปะ แปะ! ก็ต้องปรบมือให้กับความทะเยอทะยานในวิสัยทัศน์ที่ไม่เคยล้าสมัยเลยของ "ทีม เบอร์ตัน" เพราะแนวคิดการสรรค์สร้างออกมาเป็นหนังแฟนตาซีของลุงเขานั้น ยังคงทำได้และทำถึงได้ด้วยดีเสมอมา เช่นเดียวกับการกลับมาใน Beetlejuice Beetlejuice ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่ลุงทิม ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครยั้งรู้ลึกได้ถึงรายละเอียดจากอินเนอร์ได้เทียบเท่าแกคนนี้แล้วจริง ๆ

ยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านมากว่า 3 ทศวรรษ เทคโนโลยีในการสร้างหนังมันก้าวมาไกลจากปี 1988 มาก ๆ แล้ว ยิ่งทำให้ ทิม เบอร์ตัน ได้มีช่องไฟในการละเลงใส่ความคิดสร้างสรรค์และตอบโจทย์ความหรรษาในหนังเรื่องนี้ได้อย่างสุดโต่งและเต็มตัวยิ่งขึ้น นั่นจึงทำให้งานโปรดักชันต่าง ๆ ใน Beetlejuice Beetlejuice ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงเลย งานฉาก งานสีสัน รวมทั้งพร็อพประกอบต่าง ๆ และเสื้อผ้าหน้าผม เป็นไฮไลต์โดดเด่นประจำเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้เลย

การปลุกวิญญาณโลกใบเดิมจาก Beetlejuice ต้นฉบับ ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในศักราชนี้ นอกจากจะเสริมความฟินให้กับผู้ชมรุ่นที่ทันดูหนังต้นฉบับแล้ว ยังเป็นการขยายอาณาจักรให้กับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะมีโอกาสเริ่มดูภาคนี้ด้วย สารภาพตรง ๆ ว่าผู้เขียนก็ไม่ทันชมภาคแรก เพราะยังไม่ทันลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำตอนที่หนังออกฉาย ดังนั้น Beetlejuice Beetlejuice จึงกลายเป็นประสบการณ์แรกที่ได้มาทำความรู้จักกับโลกใบนี้อย่างจริงจัง

แล้วก็สัมผัสได้ว่า Beetlejuice Beetlejuice เป็นหนังที่กระทำการนำพาคนดูได้เรื่อย ๆ แบบไปเรื่อยจริง ๆ ทิศทางเนื้อเรื่องและเนื้อหาของหนังแทบจะไม่ค่อยมีอะไรเลยด้วยซ้ำ ออกจะสะเปะสะปะไปหน่อย แต่โชคดีที่ความด้อยส่วนนี้ของหนัง สามารถถูกปิดกลบได้ด้วยองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ดีกว่าในหนังได้อย่างแยบยล สุดท้ายก็คือหนังที่กลับมาเพื่อสนองความใคร่อรรถรสของคนยุคก่อน โดยที่ไม่ได้เน้นท่วงท่าที่จริงจังอะไรเท่าไหร่ เอาเป็นว่าทำให้ออกมาดูสนุกก็เป็นพอ

ดังนั้นในแง่ของสตอรี่ไลน์ใน Beetlejuice Beetlejuice เป็นจุดอ่อน ที่กลายเป็นจุดที่นำพาให้บางองค์ประกอบของหนังยังไปได้ไม่ค่อยสุดท้าย อย่างน้อย ๆ ก็ในแง่การเล่าเรื่องราว ที่อาจจะติดความไปเรื่อยเกินไปสักหน่อย จะทำให้รู้สึกว่ามันยังกั๊ก ๆ เหมือนจะมีอะไรอีก แต่กลับไม่มีแล้ว หรือบางครั้งก็โผล่มามีต่อแบบงง ๆ ช่างเป็นทิศทางการเล่าเรื่องของหนังที่เอาแต่ใจตัวเองเสียจริง

แน่นอนว่าทีมแคสติ้งนักแสดงใน Beetlejuice Beetlejuice ก็คือยืนหนึ่งจริง ๆ "ไมเคิล คีตัน" ยังมีพลังเหลือที่จะกลับมาเป็นผีขี้จุ๊ยคนเดิมอยู่ แม้เราจะสัมผัสได้ถึงความโรยราของเขาได้อยู่บ้างเล็กน้อย แต่น่าทึ่งที่เขาสามารถกลับมาสวมวิญญาณในบทบาทที่เคยสร้างชื่อให้กับได้อย่างน่าทึ่ง เป็นการแสดงที่ก็น่าจะหาไปยาก ที่จะมีใครมาทดแทนบทนี้ อาจจะมี แต่เคมีก็อาจจะไม่เทียบเท่าขั้นนี้

ขณะที่ "วิโนนา ไรเดอร์" กับ "แคทเธอรีน โอ'ฮารา" รวมทั้ง "จัสติน เทอโรว์" ก็คือส่วนประกอบทีมนักแสดงที่เข้ามาสร้างสีสันและเติมเต็มความเป็นเทพให้กับหนังเรื่องนี้ได้เป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้น ยังไม่รวมพาร์ทแย่งซีนของ "วิลเลม เดโฟ" กับ "โมนิกา เบลลุคชี" ที่ไม่ต่างกับการรียูเนียนของทีมนักแสดงอดีตดาวรุ่งแห่งยุคปี 80s ที่พวกเขากลับมาเจิดจรัสได้ทั้งหมด ถึงแม้ว่า...แม้ว่าแอร์ไทม์บทบาทของพวกเขามันจะล้น ๆ ขาด ๆ แบบว่ายังไม่สุดเท่าไหร่ก็ตาม

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือนังหนูที่เข้ามาเสริมทัพ "เจนนา ออร์เทกา" ราวกับว่า Beetlejuice Beetlejuice รอกลับมาในวันนี้ เพื่อให้สาวน้อยคนนี้เกิดมาและพร้อมจะปล่อยพลังอย่างเต็มที่ เจนนาก็คืออีกหนึ่งดาวเด่นที่เจิดจรัสในหนังเรื่องนี้ได้อย่างน่าทึ่ง กับการแสดงที่้น้อยแต่มาก แบบเดียวกับที่ไมเคิลเคยทำไว้ในภาคต้นฉบับ และมันก็เหมาะเจาะกับเธอจริง ๆ ในหนังเรื่องนี้ เสน่ห์ของเธอทรงอิทธิพลต่อหนังเรื่องนี้ให้เกิดความน่าหลงใหลอย่างชวนประหลาด

กระนั้นในภาพรวม Beetlejuice Beetlejuice ก็นับว่าเป็นการคัมแบ็กกลับมา ที่เหมือนเป็นการเติมเต็มอีกครั้งหนึ่งของตำนานหนังที่ทิ้งช่วงห่างหายไปนานกว่า 30 ปี ให้กับความโลดแล่นมีชีวิตอีกครั้ง ด้วยฝีมือทีมผู้สร้างชุดเดิมที่เพิ่มเติมด้วยของเล่นใหม่ ๆ ตามยุค เพียงแต่กว่ามีบางองค์ประกอบที่อาจจะทำให้หนังยังไปได้ไม่ถึงสุดทางที่ควรจะเป็น ยังเก็บงำและกั๊กอรรถรสบางจุดเอาไว้น่าจะเสียดาย แต่อย่างน้อย ๆ ก็เต็มไปด้วยทีมนักแสดงชุดใหญ่ ที่พ่นไฟและปล่อยพลังใส่กัน ทำให้ในท้ายที่สุดมันก็คือหนังตลกสยองที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นใจในแบบที่ควรจะเป็น