(เนื้อหาอาจมีสปอยล์ และเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก น่าจะเป็นนิยายรัก ที่มีความเป็นแนวชีวิตผสมลงไปด้วยค่อนข้างมาก และที่น่าแปลกใจคือผู้แต่งนั้นเป็นนักเขียนมีชื่อซึ่งไม่น่าจะถนัดแนวนี้เสียเท่าไหร่ ผลงานที่เห็นส่วนมากมาในรูปของเรื่องสั้นหรืออะไรทำนองนี้เสียมากกว่าใครว่านักเขียนเรื่องสั้นจะเขียนนิยายรักไม่เป็น? และยังทำได้ดีมากเสียด้วย แต่ถ้าคาดหวังนิยายรักหวาน ๆ นิยายรักร่วมสมัยที่ออกแนวพระเอกหล่อ เท่ รวย นางเอกสวย โก๊ะ น่ารัก หรือออกเปิ่น ๆ หน่อย นิยายเล่มนี้คงไม่ใช่อะไรที่ตอบโจทย์เสียเท่าไหร่ ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก เป็นผลงานของประชาคม ลุนาชัย หนึ่งในนักเขียนมือทองอีกคนหนึ่งของไทย ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์แพรวครั้งแรกเมื่อ พฤศจิกายน 2555 ราคาเล่มละ 175 บาท (ในตอนนั้น) เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ครูแก้ม หรือ นลิดา ผู้ชื่นชอบการอ่านนิยายรักเกาหลีเป็นชีวิตจิตใจ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถูกย้ายไปทำงานในที่ที่ค่อนข้างห่างไกล และไม่มีนิยายรักให้เธอได้อ่าน เธอจึงจำใจใช้บริการร้านหนังสือของภูดินและด้วยเงื่อนไขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของภูดิน ทำให้เธอแวะเวียนไปยังร้านนั้นเป็นประจำ ก่อนที่แนวทางการอ่านหนังสือของเธอจะเริ่มเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ครูแก้มนั้นเหมือนเป็นตัวแทนของผู้หญิงวัยรุ่นสมัยใหม่ที่ดูร่าเริง และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่ภูดินนั้นออกจะเป็นผู้ชายที่เงียบและเขร่งขรึม แต่ก็แฝงไว้ด้วยความรอบรู้อยู่ในที“ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน” นั่นคือสิ่งที่ภูดินเคยกล่าวเอาไว้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นประเด็นหลักเลยที่อธิบายความหมายของชื่อเรื่องได้ทั้งหมด คำว่านิยายรักนั้นมีความหมายที่กว้างมาก หากให้แต่ละคนนิยามอาจจะออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ของภูดินเองก็เช่นกัน นิยายรักของเขาสวยงามและแฝงไปด้วยความหมาย ไม่ว่าจะนิยายอะไรหากการอ่านหนังสือเล่มนั้นทำให้มีเรื่องราวดีดีเกิดขึ้น แม้จะมีการรบราฆ่าฟันหรือมีการนองเลือดแทบตลอดทั้งเรื่อง หากมันมีความรักเกิดขึ้น แม้เพียงเสี้ยวเดียว มันก็จัดเป็นนิยายรักสำหรับภูดินแล้ว ในแง่ของตัวละครนั้นแต่ละตัวจะไม่ได้แตกต่างจากตัวละครตามนิยายรักพล็อตตลาดเสียเท่าไหร่ แต่คนเขียนใส่รายละเอียดลงไป ทำให้มันดูมีมิติและมีมุมที่เป็นเอกลักษณ์ ในขณะที่ฉากและสถานที่นั้นดูสมจริงจนเหมือนเข้าอยู่ในนั้นได้จริง ๆในเรื่องวรรณศิลป์ ภาษาที่ใช้อาจไม่ได้โดดเด่นหรือเต็มไปด้วยถ้อยคำที่หรูหรา แต่เนื้ออ่านแล้วไหลลื่น ดูมีชั้นเชิง และที่สำคัญ คือ นักเขียนสามารถจับประเด็นออกมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวได้ ทำให้นิยายรักที่มักจะเป็น ‘พลอตตลาด’ กลายเป็นนิยายอีกเรื่องที่ดู ‘มีอะไร’ที่เขียนเล่ามาทั้งหมดอาจฟังดูเกินจริง แต่มันจะเป็นแบบนั้นหรือเปล่าต้องอาศัยคนอ่านเป็นคนตัดสินใจ...ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายแล้ว หนังสือทุกเล่มที่คุณเคยอ่าน อาจจะเป็นนิยายรักทั้งหมดก็ได้