“เชียร์ ฑิฆัมพร” จบรัก 4 ปี “ไฮโซบิ๊ก” เหลือแค่เพื่อน เผยสาเหตุรักร้าว
“เชียร์” จบรัก 4 ปี “ไฮโซบิ๊ก” เหลือแค่เพื่อน เผยสาเหตุรักร้าว
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือความสัมพันธ์ของคู่รัก “เชียร์ ฑิฆัมพร” กับ “ไฮโซบิ๊ก ธนพนธ์ เบญจรงคกุล” เพราะ “บูม สุภาพร” เปิดประเด็นในรายการ “ทัวร์มาลง” ว่าทั้งคู่ได้จบรัก 4 ปีลงแล้ว
อ่านข่าวต่อ : ใจหาย! “เชียร์ ฑิฆัมพร” ปิดรายการคู่ “ไฮโซบิ๊ก” หลังวงในคอนเฟิร์มเลิกกันแล้ว
ล่าสุด “เชียร์” ออกมาเปิดใจถึงเรื่องความสัมพันธ์ครั้งนี้ชัดๆ ว่า “ตอนนี้ไม่มีคู่ ตัดสินใจร่วมกัน เป็นการคุยกันครั้งแรกเลยด้วยซ้ำถึงความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ แต่ขออนุญาตแก้ข่าวนิดนึงที่ก่อนหน้านี้มีข่าวระหองระแหงอันนั้นไม่มีอะไรนะ ความสัมพันธ์ดีมาโดยตลอด คู่รักมาดเท่ไม่ใข่คู่เรา ส่วนประเด็นอันฟอลโล่วกัน ต้องบอกว่าส่วนตัวเชียร์ไม่ได้คอมมิตสเตตัสที่การฟอลโล่วกัน เราไม่ได้ฟอลโล่วเขาทางอิน สตาแกรมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เราติดต่อกันทางอื่น อย่างเฟซบุ๊ก ก็ไม่รู้ไปเป็นประเด็นว่าเราอัลฟอลโล่วกันได้ยังไง ตอนนั้นมันไม่มีอะไร ความสัมพันธ์ยังดีมากๆ
กับความสัมพันธ์ที่มันเดินทางมา 4 ปีกว่า เกือบ 5 ปี มันจะต้องไปอีกสเต็ปนึงแล้ว มันเป็นเรื่องของคนสองคนจริงๆ อะไรมาแทรกความพอดี ไม่พอดี เชียร์ว่ามีกันทุกคู่ ก็พบว่ามันมีบางจุดที่เราเคยจะก้าวข้ามผ่านมาในความไม่พอดีบางอย่าง แต่ ณ วันนี้บางสิ่งเราเลือกที่จะเรียกว่าปรับตัวมาแล้ว แต่การปรับในบางอย่าง พอมันยังไม่พอดีกันจริงๆ มันเหมือนจุดเล็กๆ ที่ค่อยๆ สะสม เชียร์กับบิ๊กไม่ใช่คู่ที่มาทะเลาะกันจุกจิกเลย เราไม่ได้มีปัญหากระทบกระทั่งอะไรที่ชัดเจน ความสัมพันธ์มันดำเนินมาเรื่อยๆ ตลอด แต่พอมันมีสิ่งที่จะต้องโฟกัสกันทั้งคู่บางอย่างเราก็ไม่อยากจะเอามาเป็นความหนักใจ หยุมหยิมให้อีกฝ่าย บางอย่างเขาก็ไม่อยากให้เราไม่สบายใจ บางข้อพอเราไม่คุยกันแล้วมันเก็บไว้กับเราท้้งคู่มันเลยเกิดจากการที่ไม่เป็นอะไร จริงๆ แล้วมันเป็นอะไร คนเริ่มพูดก่อนคือเชียร์ ม้นเป็นการชวนคุย แล้วมันก็ชึมตั้งแต่วันนั้นเลย เป็นการพูดคุยตัดสินใจร่วมกัน คำตอบที่เราได้คือกลับมาเป็นเพื่อนกัน
เป้าหมายชีวิตไม่ตรงกัน เราเคยมองชีวิตคู่ด้วยกันอยู่แล้ว แต่แค่วันนี้ความสัมพันธ์ที่เราเดินมา พอเรามองย้อนกลับไปบางจุดมันไม่ได้ผ่านการพูดออกไป เราเก็บไว้ มารู้ตัวอีกทีความสัมพันธ์มันลดลงเรื่อยๆ ต่างคนต่างเก็บไว้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรรุนแรงเลย เป็นเรื่องของความเข้าใจของเราทั้งคู่จริงๆ เรามาจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อน การคุยกันครั้งนี้เชียร์บอกเขาว่าเราคุยกันด้วยความรัก ว่าถ้าความรักนี้มันดำเนินไปในแบบชีวิตคู่อีกแบบนึงไม่ได้ มันก็อาจจะต้องกลับมารักกันแบบเพื่อน มันไม่ใช่ใครบอกเลิกใคร เหมือนเป็นการคุยกัน แล้วมันเป็นสิ่งที่เราตกลงร่วมกันมากกว่า ตอนนี้เราก็ยังคุยกัน มีความเป็นเพื่อนเต็มที่มากๆ เชียร์ยังบอกเขาเลยว่า วันนี้เชียร์รักเขาไปแล้ว ยังไงเขาก็เป็นคนที่เชียร์รักอยู่ดี เพียงแค่ว่ามันไม่ได้เป็นไปในรูปแบบเดิม
การแต่งงานไม่ใช่เป้าหมายของเชียร์ตั้งแต่แรก เราเคยคุยกันด้วยซ้ำว่าไม่อยากมีลูกนะ ถ้าเราอาจจะมีระยะเวลาของเรื่องอื่นมาจำกัด อันนี้น่าจะเป็นข้อบีบบังคับเรื่องไทม์ไลน์ แต่เราไม่มีเรื่องนี้ คือเราอาจจะเคยมีกระแสว่าเรามีปัญหากัน แต่ในความเป็นจริงคือ เชียร์กับบิ๊กไม่เคยมีปัญหาอะไร เราเป็นคู่ที่ใช้คำว่าเรียบง่ายละกันอาจจะไม่ได้ลงรูปคู่ บ่อยหรืออะไรแต่ในความเป็นจริงเรามองชีวิตความเป็นจริงกันอยู่แล้ว
เชียร์เสียดายอยู่แล้วความสัมพันธ์ที่เราตั้งใจเดินมามันเป็นความสัมพันธ์ที่เราก็มองว่าอยากให้มันไปนานๆ แต่ถามว่าเสียใจไหมก็คงไม่ใช้คำว่าเสียใจแล้วกัน ยังไงวันนี้เราก็ยังรักเขาอยู่ดี เขาก็ยังรักและหวังดีกับเราอยู่ดีแต่เพียงแค่มาเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง ไม่ได้มีปัญหามือที่สาม คนรอบตัวทุกคนก็แล้วแต่การตัดสินใจของเราทั้งฝั่งครอบครัวเรา ครอบครัวของทางบิ๊กด้วย อย่างที่บอกว่าเชียร์ไม่ได้พูดอะไรจริงๆ มันตั้งแต่ตุลาแล้วด้วยซ้ำเรื่องนี้มันคุยกันตั้งแต่ตุลาแล้ว แต่ว่ามันเป็นด้วยความเข้าใจกันจริงๆ เชียร์ถึงบอกว่ามันเป็นเหมือนสถานการณ์ที่ดีในการคุยกันครั้งนี้ด้วยซ้ำ
เชียร์เชื่อว่าเราทั้งคู่ต่างแข็งแรงกันอยู่แล้วเราก็แค่เก็บเป็นเส้นทางดีๆ ที่เราเดินทางกันมาค่ะ แต่ว่ามันก็ไม่ได้หายไป เชื่อว่ามันคงเป็นเรื่องราวของคนสองคนที่อาจจะไม่ได้มีความพอดีกัน เป็นจิ๊กซอว์ที่อาจจะไม่ได้พอดีกันแค่นั้นเอง ก็ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะแต่ว่ามันไม่ได้มีอะไรไม่ดีเลยในการใช้คำว่า เลิกรา ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ต่อกัน โอกาสรีเทิร์น เอาเป็นว่าในวันนี้คืออยากให้เคารพการตัดสินใจของเราทั้งคู่ ส่วนอนาคตมันเป็นเรื่องของอนาคต (มีเสียงเชียร์?) เสียง เชียร์ ฑิฆัมพร ตอนนี้ดังที่สุด (หัวเราะ) เจอหน้ากันได้จริงๆ ก็ยังมีทริปที่ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันอยู่เลย ก็มีความเป็นเพื่อนกันจริงๆ”