ดิ อัมเบรลลา อคาเดมี่ ss2มีทั้งหมด 10 ตอน เฉลี่ยตอนละ 50 นาที มีพาษก์ไทยนักแสดงนำ : เอลเลน เพจ,ทอม ฮอปเปอร์,ดาวิด กัสตันเยดาเรื่องย่อ : หลังจากที่หมายเลข 5 พยายามใช้พลังพาทุกคนหนีจากวันสิ้นโลกในปี 2019 เหล่าพี่น้องของเขาก็ถูกย้อนเวลาไปยัง ดัลลัส รัฐเท็กซัส ในปี 1960 ซึ่งแต่ละคนถูกย้อนไปยังเวลาที่ต่างกัน หลายคนติดอยู่ในอดีตนานหลายปี จนเริ่มใช้ชีวิตของตัวเองเพราะคิดว่าพี่น้องของตัวเองคงตายหมดแล้ว ส่วนหมายเลข 5 ถูกย้อนเวลาไปเป็นคนสุดท้าย เขาย้อนเวลาไปตรงกลับวันสิ้นโลกอีกครั้งที่จะเกินขึ้นในปี 1960 จากสงครามโลกครั้งที่ 3 ในครั้งนี้หมายเลข 5 ต้องคิดหาทางย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงอดีตอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดวันสิ้นโลกในทุกช่วงเวลา ไหนจะตามหาตัวพี่น้องที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วดัลลัส และพาทุกคนกลับไปยังโลกปัจจุบันที่ไม่เกิดวันสิ้นโลกอีก แต่ถึงยังไงเรื่องมันก็ไม่ง่ายแน่นอน เพราะนอกจากเรื่องที่น่าปวดหัวขนาดวันสิ้นโลกแล้ว ยังมีนักฆ่าแฝด 3 ฝีมือโหดชาวสวีเดน ตามล่าเขาอยู่อีกรีวิว : สำหรับเราคนที่เคยดูซีซั่น 1 มาตั้งแต่ตอนที่ซีรีส์มาออกใหม่ๆ รู้สึกว่าตอนจบของซีซั่นแรกทิ้งปมไว้น่าคิดอยู่นะ ว่าซีซั่นต่อไปจะมีแนวทางของเรื่องเป็นแบบไหน เพราะแน่นอนซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าแปลกดี ตอนแรกคิดว่าฮีโร่จะต้องใจดีมีเมตตา แต่เปล่าจ้า ฆ่าโหดเลือดสาดกันตั้งแต่เด็กเลย แถมยังเล่าถึงองค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อรักษาเส้นเวลาอีก น่าสนใจอยู่ แต่พอมาซีซั่น 2 ตัวซีรีส์จะมีความดราม่ามากกว่าแอคชั่น จะเน้นไปทางการพูดคุยทางจิตวิทยาซะมากกว่า แทบจะไม่ได้เห็นการใช้พลังมากนัก แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ฆ่าโหดเลือดสาดไว้อยู่นะ การดำเนินเรื่องช้ากันเหมือนพยายามเจาะไปยังแต่ละตัวละครมากขึ้นก่อนที่หมายเลข 5 จะมาเซอร์ไพรส์ทุกคนว่าจะเกิดวันสิ้นโลกอีกครั้ง เราก็จะได้เห็นว่าแต่ละคนมีชีวิตเป็นยังไงถ้าไม่ต้องมารับผิดชอบเรื่องการช่วยโลก และกว่าจะมารวมตัวกันครบได้ใช้เวลานานมาก เนื้อเรื่องจะเริ่มสนุกและน่าตื่นเต้นตอนท้ายๆ เรื่อง มีตัวละครใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และเรื่องนี้ต้องยอมรับเลยจริงๆ ว่าภาพสีสวยมาก โทนภาพทำให้เรารู้สึกว่าอยู่ในปี 1960 นั้นจริงๆ รวมถึงการเมืองในสมัยนั้นด้วย เพราะในปี 1960 คนอเมริกันผิวขาวจะรังเกียจคนผิวสีมาก ถึงขนาดติดป้ายไม่ต้อนรับกันเลยทีเดียว และยังเล่าถึงการลอบสังหารจอห์น เอฟ เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และสุดท้ายนี้ตอนจบของเรื่องนี้ก็ไม่วายทิ้งปมทำให้ชวนสงสัยเหมือนกับภาคที่ 1 ซึ่งน่าจะมีซีซั่น 3 แน่ๆหมายเลข 1หมายเลข 2หมายเลข 3หมายเลข 4หมายเลข 5หมายเลข 6หมายเลข 7สรุป : ใครที่ไม่รู้จะดูอะไร หรือไม่อยากอ่านซับเราแนะนำว่าดูเรื่องนี้ได้เลย เพราะมันมีพาษ์กไทยจ้า ถึงจะบอกว่ามันค่อนข้างดำเนินเรื่องช้า แต่ตัวเราเองก็ดูจบภายในไม่กี่วัน คือเปิดดูไปเรื่อยๆ ไม่ถึงขนาดดูข้ามวันข้ามคืนนะ ก็ดูจบแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน ใครที่ชอบแนวเรื่องแปลกๆ ใช้พลังพิเศษนิดๆ ขำแห้งๆ หน่อยๆ ยิงฟันกันบ้าง ก็แนะนำให้ดูเรื่องนี้เลยค่ะถ้าใครอยากดูแล้ว จิ้มเลย ดิ อัมเบรลลา อคาเดมี่ ss2เครเดิตรูปทั้งหมด จาก Netflixสามารถติดตามผลงานอื่นได้ที่วิเคราะห์สารจากนิทานของโกมุนยอง Its okay not be okay เรื่องหัวใจไม่ไหวอย่าฝืน Part 1ลายแทงซีรีส์ใน Netflix ของ พัคซอจุน แนะนำ 3 ซีรี่ส์เกาหลี ใน Netflix ที่ทำให้ติ่งฝรั่งผันตัวมาเป็นติ่งเกาหลีความรู้สึกหลังจากที่ได้ดู 10 ตอนแรกของ It's Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจไม่ไหวอย่าฝืน