รีเซต

4 เหตุผลที่ "It’s Okay to Not Be Okay" ควรค่าเป็นซีรีส์เรื่องใหม่ที่ต้องเฝ้ารอชม

4 เหตุผลที่ "It’s Okay to Not Be Okay" ควรค่าเป็นซีรีส์เรื่องใหม่ที่ต้องเฝ้ารอชม
Jeaneration
18 มิถุนายน 2563 ( 16:00 )
2.2K
2

ข่าวสารวงการซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay

ซีรีส์เกาหลีเรื่องถัดไปที่น่าจะมีภาษีและกระแสที่โดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น "It’s Okay to Not Be Okay" ผลงานการแสดงเรื่องใหม่ล่าสุดของพระเอกซุปตาร์ "คิมซูฮยอน" หลังจากที่หายหน้าไปจากจอเล็กจอใหญ่อยู่หลายปี เพราะภารกิจรับใช้ชาติ และตอนนี้เขาพร้อมที่จะกลับมาให้คนดูหลงเสน่ห์อีกครั้ง ในซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีที่จะมาช่วยเยียวยาหัวใจทุกคน กับทีมงานผู้สร้างคุณภาพที่เคยทิ้งไว้กับผลงานอันมีสไตล์ อย่าง Encounter หรือ Jealousy Incarnate เมื่อไม่กี่ปีก่อน

หลากคนอาจจะยังสงสัยและแคลงใจอยู่ว่า It’s Okay to Not Be Okay เป็นซีรีส์เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร จะดูเข้าใจยากหรือไม่ แล้วมันจะสนุกไหม ก่อนจะได้ชมซีรีส์กันในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ วันนี้ Movie.TrueID จึงได้สรุปเกร็ดข้อมูลคร่าวๆ ออกมาให้ได้อ่านกัน กับ 4 เหตุผลสั้นๆ ว่าทำไมเราสมควรจะจัดซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้ในลิสต์ควรค่าแก่การเฝ้ารอคอย...

1. ผลงานคัมแบ็กการแสดงซีรีส์อย่างเต็มตัวของ "คิมซูฮยอน" ในรอบ 5 ปี หลังปลดประจำการ

ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมาก เพราะเราไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ ของ คิมซูฮยอน โลดแล่นอยู่บนจอมาสักพักแล้ว ซีรีส์เรื่องล่าสุดที่เขาเล่นไว้ก็คือ "The Producers" ตั้งแต่ปี 2015 และก่อนจะเข้ากรมทหารก็ทิ้งท้ายเอาไว้กับการฉีกคาแรกเตอร์ที่ถูกกล่าวถึงมาจนทุกวันนี้ในหนังทริลเลอร์ "Real" เมื่อปี 2017 แล้วเขาก็ไปรับใช้ชาติเป็นเวลา 2 ปีเศษๆ ก่อนจะปลดประจำการออกมาในช่วงกลางปี 2019 แต่ก็ยังไม่เลือกรับผลงานใดๆ อย่างเต็มตัว มีเพียงโผล่ไปรับเชิญในซีรีส์อย่าง "Hotel Del Luna" และ "Crash Landing on You" ให้แฟนๆ ได้กระชุ่มกระชวย

จึงทำให้ It’s Okay to Not Be Okay จะเป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกในรอบ 5 ปีของเขา และเป็นกลับมามีผลงานการแสดงครั้งแรกในรอบ 3 ปีเต็มที่ห่างหายไป ไม่ใช่แค่เพียงหน้าตาของเขาแน่นอนที่เป็นหนึ่ง ทักษะการแสดงของเขาก็ไม่เป็นรองพระเอกเกาหลีคนไหน โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ดราม่าๆ เข้าถึงบทชีวิตจัดจ้านได้อย่างถึงแก่น ไม่ว่าจะการแสดงออกทางท่าทางและสีหน้าของเขา เป็นเสน่ห์ในการแสดงของเขาที่เป็นเอกลักษณ์ ยิ่งมาอยู่ในซีรีส์ที่มีเนื้อหาค้นหาตัวเองและสร้างกำลังใจให้ผู้คนแบบนี้ เชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ของ คิมซูฮยอน จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

2. เนื้อเรื่องดูเหมือนจะซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่มันก็น่าสนใจและมีความแปลกใหม่อยู่

คงต้องบอกก่อนว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับ "It's Ok, This is Love" ที่ เจ๊กง กับ เฮียโจ เคยแสดงเอาไว้เมื่อ 5-6 ปีก่อนเลยนะ แค่ตั้งชื่อคล้ายกันเท่านั้นเอง แล้วมันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร? ซีรีส์เรื่องนี้มีโจทย์เบื้องต้นเอาไว้เป็นเรื่องราวการความรักที่เยียวยาจิตใจผู้คน ผ่านการถ่ายทอดคล้ายๆ กับจินตนาการของโลกนิทาน ฟังๆ ดูแล้วเหมือนจะเพ้อ แต่แกนหลักเป็นดราม่าโรแมนติกที่ผสมความแฟนตาซีเข้าไปด้วย

ก็เพราะว่าเรื่องราวของ มุนคังแท (คิมซูฮยอน) หนุ่มที่เป็นลูกจ้างในแผนกจิตเวช กับ โกมุนยอง (ซอเยจี) หญิงสาวที่มีหน้าตาในสังคมกับการเป็นนักเขียนหนังสือนิทานสำหรับเด็ก แม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่เหมาะกับการเล่าเรื่องเกี่ยวกับเด็กๆ เลยก็ตาม ผู้ชายที่วุ่นทั้งวันอยู่กับหน้าที่การงานและความรับผิดชอบรัดตัว จนไม่เวลาไปเสาะหาความรักที่ไหน กับหญิงสาวนักเขียนที่อยู่แต่กับเรื่องราวชวนฝัน แต่เธอกลับยังไม่เคยรู้จักความรักที่แท้จริงเลยแม้แต่น้อย จึงออกมาเป็นอุปนิสัยที่แปลกแยกจากสังคม แล้วคนทั้งคู่จะเข้ามาเยียวยาหัวใจกันและกันได้อย่างไร ถึงแม้จะได้นักเขียนบทมือใหม่ "โจยอง" (จากซีรีส์ Jugglers) มาปั้นเรื่องให้ แต่เขาก็มีเทคนิคการเขียนผูกเรื่องราวเข้ากับตัวละครได้ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

3. ผู้กำกับ "พัคชินอู" ชื่อนี้การันตีเรื่องภาพสวย มีเทคนิคเล่าเรื่องได้ชวนติดตาม

หากเอ่ยชื่อผู้กำกับคนนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าหลายคนไม่รู้เขาแน่ๆ แต่ถ้าบอกว่าเขาคือผู้ที่เคยสร้างสรรค์ซีรีส์ฮิตๆ เอาไว้มากมาย เช่น "Queen of Ambition", "Angel Eyes", "Hyde Jekyll, Me", "Jealousy Incarnate" และล่าสุดกับ "Encounter" ทุกคนจะต้องรู้จักเขาแล้วอย่างแน่นอน ใช่แล้ว...เขาคือผู้กำกับที่มักจะมีมุมมองการถ่ายทอดเรื่องราวความโรแมนติกในซีรีส์ได้อย่างสไตล์ เฉพาะเรื่องงานภาพและมุมกล้องต้องยกนิ้วให้เลย เขาเป็นอดีตผู้กำกับจากช่อง SBS แต่ผันตัวมาเป็นอิสระแล้ว

เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังคงจำภาพวิวงามๆ ที่ประเทศคิวบาใน Encounter ได้เป็นอย่างดี ผู้กำกับที่มักจะใช้เทคนิคเล่นกับมุมภาพงามๆ สาดแสงสะท้อนยามพระอาทิตย์ ที่ออกมาแล้วคือความโรแมนติกแบบสุดๆ แน่นอนว่าเราจะได้เห็นอะไรแบบนี้ในซีรีส์เรื่องนี้อีกแน่นอน โดยเฉพาะการเล่าเรื่องของตัวละครหลักที่มักจะขับเสน่ห์ของนักแสดงออกมาบนหน้าจอได้อย่างประหลาด เชื่อฝีมือผู้กำกับคนนี้ได้เลย

4. เคมีคู่พระนาง "คิมซูฮยอน" กับ "ซอเยจี" เหมือนจะเข้ากันไม่ได้ แต่กลับดูลงตัวเฉย

ถือว่าการแคสติ้งจับคู่ที่ค่อนข้างฉลาด ด้วยการนำเอาพระเอกหนุ่มเบอร์ต้นๆ ของประเทศ มาประกบคู่กับนางเอกสาวที่กำลังมาแรงในยุคนี้ ตอนแรกที่เห็นการจับคู่กันก็ยังรู้สึกเฉยๆ เพราะแอบคิดว่าน่าจะได้นางเอกเบอร์ใหญ่ๆ คู่ควรกับราศีพระเอกสักหน่อย แต่กลายเป็นว่าเมื่อได้เห็นภาพแรกของซีรีส์เรื่องนี้ปรากฏออกมา คิมซูฮยอน กับ ซอเยจี ต่างดูมีเคมีที่เข้ากันได้อย่างน่าทึ่ง เมื่ออยู่บนจอเดียวกัน เรียกคะแนนความน่าสนใจในซีรีส์ไปได้อีกเลเวลเลยทีเดียว

It’s Okay to Not Be Okay มีนักแสดงหลักๆ ด้วยกัน 4 คน อย่างที่เราทราบกันแล้วว่า คิมซูฮยอน รับบทเป็น มุนคังแท ชายที่ทำงานเป็นลูกจ้างในแผนกจิตเวช ขณะที่ ซอเยจี รับบทเป็น โกมุนยอง นักเขียนสาวใจแข็งกระด้างที่ไม่เคยรู้จักความรักที่แท้จริง และยังมี "โอจองเซ" รับบทเป็น มุนซังแท เป็นพี่ชายของพระเอก นักวาดภาพประกอบที่มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อ ที่เป็นเหตุผลหลักๆ ที่พระเอกยังอยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

ในขณะที่ "พัคกยูยอง" มารับบทเป็น นัมจูริ พยาบาลสาวประจำอยู่แผนกจิตเวช ที่ทำงานร่วมกับพระเอก สาวที่ยอมทิ้งชีวิตในเมืองหลวงกลับบ้านนอกเพราะไปดูแลแม่ที่ป่วย ก่อนที่เธอจะได้รับโอกาสให้มาทำงานที่สถานพยาบาล และได้เจอกับมุนคังแท พวกเขากลายเป็นเพื่อนที่เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นไว้อยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสมทบอีกมากมาย เช่น "คิมจูฮัน", "คิมชางวาน", "คิมมิคยอง" หรือ "จองยองนัม" เป็นต้น

Photo by tvNDrama

----------------------------------------------------

>> ดูหนัง ดูซีรีส์ออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<