"Kingdom สนุกนะ เธอควรดู" เพื่อนของดิฉันกล่าวขึ้น ขณะที่พวกเรากำลังเลือกภาพยนตร์หรือซีรีส์จาก Netflix เพื่อชมร่วมกันยามบ่าย หลังรับประทานอาหารมื้อเที่ยง "แต่ปกติเราไม่ดูหนังผีอะ มันน่ากลัวมากไหม" ดิฉันเคยเห็นตัวอย่างของซีรีส์เรื่องนี้อยู่หลายหน และต้องขออยากรับจริง ๆ ค่ะ ว่าเป็นซีรีส์ที่ดิฉันสนใจรับชมมาก ๆ ติดอยู่แค่เรื่องเดียวคือดิฉันไม่ดูหนังหรือละครผี ๆ "เออ...ใช่ ลืมไปว่าแกมองเห็นผี แต่เรื่องนี้มันสนุกจริง ๆ นะ ว่าง ๆ ลองดูสิแก" เพื่อนทุกคนทราบดีว่าดิฉันมองเห็นผี และนั้นเป็นเหตุผลที่ดิฉันไม่ชอบดูหนังผี หรือหนังสยองขวัญใด ๆ เพราะไม่ต้องการนำพาเรื่องราว ภาพและเสียงเหล่านั้น เข้านอนยามดึกไปพร้อมกับดิฉันด้วยแต่เนื่องจากเสียงล่ำลือถึงความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้ ดิฉันจึงทำใจกล้า เปิดซีรีส์เรื่องนี้ดูในเวลากลางวัน ไปพร้อม ๆ เผื่อว่าความน่ากลัวจะน้อยลงไปบ้าง ฮ่าฮ่าฮ่าเมื่อได้ชมแล้ว ขอบอกจริง ๆ ค่ะว่า คุ้มค่าแห่งการอวสานอาหารเที่ยงจริง ๆ ที่สุดแห่งความเหน็ดเหนื่อยของผู้ชม ไหนจะลุ้นตัวโก่งเอาใจช่วยพระเอก ทั้งจากการถูกตามล่าและการต่อสู้วิ่งหนีผีดิบ! เรื่องราวของ Kingdom เข้มข้นรสจัดเหมือนกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล กลิ่นหอมหวล รสขมสะใจ เดินเรื่องรวดเร็วว่องไว ไม่มีหยุดพัก ไม่ปราณีหัวใจผู้ชม ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของชนชั้นปกครอง เรื่องสยองขวัญของโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนกลายเป็นผีดิบ นอกจากนั้นยังสาดความจริงที่น่าอดสูของจิตใจมนุษย์ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็ยังคงเที่ยงแท้ไม่แปรเปลี่ยน Kingdom Season 1 มีทั้งหมด 6 ตอนด้วยกัน ฉะนั้นถ้ามีเวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็สามารถนั่งดูจนจบได้ภายในวันเดียวเลยค่ะเริ่มเรื่องด้วยการค้นหาความจริงขององค์ชายรัชทายาท เกี่ยวกับอาการประชวรของพระราชบิดาของพระองค์ ที่ดูมีเงื่อนงำลึกลับซับซ้อน พระองค์ทรงถูกพระมเหสีกีดกันไม่ให้เข้าเฝ้าพระราชบิดา พระองค์ออกเดินทางพร้อมด้วยองครักษ์เพียงหนึ่งคน ด้วยความมุ่งหมายที่จะสืบหาความจริงเบื้องหลังอาการประชวรของพระบิดา แต่ทว่ากลับนำไปสู่การเปิดเผยโรคระบาด ที่เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นผีดิบ ไม่ว่าจะเป็นการถูกกัด หรือการรับประทานอาหาร ที่ปรุงมาจากเนื้อสัตว์ที่ถูกผีดิบกัดกิน ลงท้ายที่พระองค์จะต้องต่อสู้ หนีเอาชีวิตรอด ทั้งจากผีและคน ซึ่งดูเหมือนคนเป็นจะน่ากลัวว่าผีดิบเยอะเลยค่ะ ไหนจะถูกทิ้งไว้ในดงผีดิบ ไหนจะถูกหักหลัง รอบกายไม่มีใครไว้ใจได้ ช่างเป็นองค์รัชทายาทผู้โดดเดี่ยวยิ่งนักผีดิบตัวที่ดิฉันสยองที่สุด คือตัวนี้ค่ะ... เอาจริง ๆ หน้ากากน่ากลัวกว่าหน้าผีดิบจริง ๆ อีกค่ะ...แง อวสานอาหารเที่ยงทันทีเมื่อผีดิบออกโรงสำหรับผู้ที่หลีกเลี่ยงการดูหนังผี ดิฉันอยากแอบบอกว่า เรื่องนี้ดูได้นะคะ ไม่เก็บเอาไปหลอนก่อนนอนแน่ ๆ แม้เหล่าผีดิบจะแต่งหน้าสุดสยองครบถ้วนกันทุกคน และมีการเคลื่อนไหวร่างกายผิดธรรมชาติ กร๊อบ ๆ แกร๊บ ๆ แถมยังวิ่งเร็วราวกับนักวิ่งโอลิมปิก แต่เอาจริง ๆ แล้วโดยรวมจะเน้นไปที่ลุ้นจนเหนื่อย มากกว่ากลัวจนไม่กล้าขยับตัว ยกเว้นว่าเป็นคนที่กลัวผีดิบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้ไปวิ่งหนีผีดิบต่อในฝันนะคะแต่ถ้าสาว ๆ จะปลื้มองค์รัชทายาทจนเก็บเอาไปฝันกลางวัน อันนี้มีแนวโน้มสูงค่ะ องค์รัชทายาทอีชาง ซึ่งรับบทโดย จูจีฮุน ผู้ที่เคยทำให้สาว ๆ เพ้อเจ้อกันหนัก ๆ จากบท เจ้าชายเย็นชา แห่ง Princess Hours เมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว ครั้งนี้กลับมาเป็นเจ้าชายในยุคโซซอน หล่อ เท่ เงียบครึม เข้มแข็ง ใจดี มีเมตตา สารพัดคุณสมบัติอันดีงาม ซึ่งความดีงามทั้งมวลนี้แล ทำให้ผู้ชมต้องเอาใจช่วยลุ้นจนเหนื่อย ว่าแต่ละตอนนั้นองค์รัชทายาทจะรอดชีวิตไปได้อย่างไร แม้จะพอเดาได้ว่าพระเอกต้องอยู่จนถึงตอนจบ แต่คุณพระคุณเจ้าเอ้ย... ชีวิตพ่อคุณช่างแขวนอยู่บนเส้นด้ายเหลือเกินนะพ่อ สีหน้าและแววตาที่ไม่บ่งบอกแน่ชัดถึงอารมณ์ใด ๆ ทำให้คนดูอย่างดิฉันเดาใจไม่ถูกจริง ๆ ค่ะ ว่าในแต่ละตอนพระองค์จะแก้สถานการณ์อย่างไร ต้องชมทั้งทีมผู้คัดตัวนักแสดง ว่าเลือกนักแสดงได้เหมาะสมกับบทบาทยิ่งนัก และตัวนักแสดงเองก็แสดงฝีมืออย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติจริง ๆ ค่ะนอกจากบทของพระเอกที่หล่อ ๆ เท่ ๆ เป็นคนดี ศรีโซซอน จะกวาดหัวใจของผู้ชมไปได้อย่างง่ายดายแล้ว บทบาทของ คุณหมอซอบี ที่รับบทโดย แบดูนา นักแสดงคุณภาพระดับโลก ที่พวกเราคุ้นเคยกันดีจากซีรีส์และภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ หมอซอบีมีเมตตา เข้มแข็ง และดูเหมือนกับว่าผีดิบทั้งหลาย จะไม่สามารถทำให้จิตใจของคุณหมอหวั่นไหวได้เลย ทั้งหมดนั้นคงเป็นเพราะเธอมองเห็นพวกเขาเหล่านั้นเป็นคนไข้ ซึ่งเธอต้องการที่จะศึกษาเพื่อทำความเข้าใจ รักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ แต่เมื่อถึงยามที่ต้องป้องกันตัวและปกป้องคนเป็น เธอก็ไม่ลังเลใจที่จะฟาดฟันกับเหล่าผีดิบแม้แต่น้อย ที่สุดแห่งความเท่!นอกจากนั้น รยูซึงรยง นักแสดงผู้รับบท โจฮักจู ขุนนางชั้นสูงผู้มีความหลงใหลในอำนาจ อันเป็นต้นเหตุแห่งความสูญเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้บริสุทธิ์ หรือ บุตรชายอันเป็นที่รักหนึ่งเดียวของเขา แม้จะมีอำนาจเหนือบัลลังค์ สามารถนำลูกสาวของตนเองขึ้นสู่ตำแหน่งพระมเหสี แต่ก็ยังไม่อาจหายใจหายคอได้สะดวก เพราะองค์รัชทายาทอีซางยังคงมีชีวิตอยู่ จึงต้องถ่วงเวลาโดยการปกปิดการสิ้นพระชนม์ของพระราชา เปลี่ยนพระองค์ให้กลายเป็นผีดิบ เพื่อรอให้บุตรสาวของตนคลอดองค์รัชทายาทสำเร็จเสียก่อน ในขณะเดียวกันก็ใส่ร้ายองค์รัชทายาทว่าก่อกบฏ เพื่อกำจัดพระองค์คนพ่อว่าโหดแล้ว ลูกสาวก็อำมหิตไม่ใช่เล่นเลยนะคะ ไหนจะส่งนางในเข้าไปเพื่อให้พระราชาผู้กลายสภาพเป็นผีดิบกินทุกคืน การเลี้ยงดูหญิงมีครรภ์เพื่อฆ่าและนำบุตรชายมาเป็นของตน เพราะพระมเหสีมิได้ทรงพระครรภ์องค์รัชทายาทแต่อย่างใด แม้ในภาคแรก จะไม่ได้เห็นความโหดของพระนางมากมายเท่าผู้เป็นพ่อ แต่ด้วยแววตาที่เย็นชา น่ากลัว ไร้ความเมตตา และความยินดีในอำนาจที่ตนมี ดิฉันคาดคิดว่าในภาคที่ 2 นั้น ความเลือดเย็นของพระนางต้องเพิ่มพูนทวีขึ้นเป็นไหน ๆ เราคงจะต้องวิ่งหนีพระนางมากกว่าวิ่งหนีผีดิบแน่ ๆ เลยค่ะ ในส่วนของนักแสดง ขอบอกว่าทุก ๆ ท่านแสดงได้ถึงจิตวิญญาณแห่งตัวละครนั้น ๆ จริง ๆ ค่ะ นอกจากนั้นรายละเอียดของเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ช่างสมบูรณ์ เสมือนเหตุกาณ์ที่ย่อมเกิดขึ้นจริงในโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะในช่วงที่เกิดวิกฤติใด ๆ หรือช่วงที่บ้านเมืองปลอดภัยดีก็ตาม อันเป็นธรรมดาโลก อาทิเช่น ความเมตตา การช่วยเหลือกันและกัน ความสามัคคี ความเห็นแก่ตัว การแบ่งชนชั้น หรือแม้กระทั่งการตั้งคำถามและความสงสัยของมนุษย์ ต่อเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ ที่ตนไม่เคยรู้จักพบเห็นมาก่อน อาทิเช่น ตอนที่ 2 ในขณะที่ผู้ชมอย่างเราทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว ว่าศพทั้งหมดที่เหล่าทหารและขุนนางลากออกมาชันสูตรคือผีดิบ แต่พวกเขาไม่รู้... เราก็ต้องมาลุ้นเอาใจช่วยว่าพวกเขาจะจัดการเอาชีวิตรอดไปได้อย่างไร และจะมีใครรอดชีวิตบ้างดิฉันชื่นชอบความสมบูรณ์แบบในการวางเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สมควรจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการเดินเข้าไปหาร่างผีดิบอันเคยเป็นผู้ที่รักแล้วโดนกัดตาย หรือการขังตัวเองในห้องขังเพื่อป้องกันตัวเองจากผีดิบ แต่ดัน...มีคนโดนกัดแแล้วกลายเป็นผีดิบในห้องขังนั้นด้วย เรียกได้ว่าไม่มีใครปลอดภัยเลยแม้แต่คนเดียว การส่งตัวเอกของเรื่องไปสู่สถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยตลอดเวลา และเมื่อเขาเหล่านั้นไม่ได้เก่งกาจเหนือมนุษย์ ยิ่งทำให้ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความสมจริง สามารถดึงความสนใจของผู้ชมไว้ได้อย่างเหนียวแน่นตลอดทั้งเรื่องได้โดยง่ายนอกเหนือจากตัวเรื่องแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ภาพสวยงามมาก ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะฉากไหน ๆ การจัดองค์ประกอบภาพเรียกว่ามีการวางแผน และคิดมาแล้วเป็นอย่างดี ฉากที่ดิฉันประทับใจและอยากหยิบขึ้นมาเล่า ก็คือฉากที่ข้าราชบริพารนำศพนางใน ที่ถูกพระราชาซึ่งกลายเป็นผีดิบกัดกินมาโยนทิ้ง ถ่วงน้ำ ณ สวนสวยในวังหลวง เป็นฉากที่ภาพวิวทิวทัศน์งดงามเหลือเกิน แต่เบื้องหลังทัศนียภาพอันวิจิตรนั้น คือ สุสานที่จองจำผีดิบเหล่านางในไว้ ไม่ให้ออกมาอาละวาด มันช่างเป็นฉากที่กินใจ สวยสยอง สะท้อนสะเทือนใจ ถึงความบริสุทธิ์งดงามของธรรมชาติ และความน่าหวาดกลัวของมนุษย์เมื่อขาดไร้ศีลธรรมนำใจ ทำให้ฉาก ๆ นี้ เป็นฉากที่น่าสะพรึง และติดตาที่สุดสำหรับดิฉัน หาใช่ภาพการถูกไล่ล่าด้วยผีดิบไม่อีกหนึ่งความดีงามที่มาถูกที่ถูกจังหวะ คือ ดนตรีและเสียงประกอบ ที่ผสานกลมกลืนเป็นหนึ่งกับแต่ละฉากแต่ละตอน มาแบบนิ่ง ๆ เนียนสนิทไปกับภาพที่นำเสนอ ไม่มากเกินไป ไม่ดังเกินไป ไม่เน้นให้ผู้ชมตกใจกลัวด้วยเสียงประกอบชวนหลอน แต่สิ่งที่บรรจุบรรจงใส่ลงมานั้น มีความเหมาะสมและส่งเสริมภาพเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปได้เป็นอย่างดี ราวกับว่าผู้ชมได้เข้าไปอยู่ในฉากนั้น ๆ เพื่อซึมซับอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครและเรื่องราว ผ่านร่างกายและจิตใจของผู้ชมเองโดยตรงดิฉันรู้สึกว่า การใช้เสียงประกอบที่พอดีพองาม ส่งผลให้ประสบการณ์ในการรับชมนั้นมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ส่งผลต่อจิตใจของผู้ชมยิ่งกว่าการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้ชมด้วยเสียงสยอง จนไม่เหลือช่องว่างให้ผู้ชมได้ใช้จินตนาการ หรือมีตัวตนร่วมในประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์หรือละครนั้น ๆ เลย ดิฉันรู้สึกว่า ถ้าภาพยนตร์หรือซีรีส์สยองขวัญเรื่องใดที่เจ๋งมากพอ ย่อมไม่ต้องอาศัยเสียงเพื่อทำให้ผู้ชมหวาดกลัวค่ะ โดยสรุปแล้ว Kingdom เป็นซีรีส์ที่งดงามควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างยิ่ง ซีรีส์เรื่องนี้ครบถ้วนไปด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น นักแสดงคุณภาพ ภาพและการจัดองค์ประกอบที่งดงาม ถึงแม้ดิฉันจะรู้สึกกว่าผีดิบจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็ขอแนะนำให้งดรับประทานอาหารในขณะรับชม โดยเฉพาะในฉากที่ผีดิบปรากฏตัวค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ดิฉันเป็นหนึ่งในผู้ที่เฝ้ารอ Kingdom Season 2 อย่าใจจดใจจ่อ เพราะ Season 1 ไม่ได้จบลงด้วยความโล่งอกโล่งใจ สร้างความสบายใจให้แก่ผู้ชมแต่อย่างใด แต่กลับจบลงด้วยการเปิดประเด็น และข้อสงสัยต่าง ๆ ให้ผู้ชมได้ลุ้นและวิเคราะห์กันต่อไป ว่าสุดท้ายองค์รัชทายาทจะรับมือกับศึกรอบด้านได้อย่างไร หมอซอบีจะค้นพบวิธีรักษาโรคระบาดนี้ได้หรือไม่ และใครกันเป็นผู้ที่หักหลังองค์รัชทายาท! อ่านรีวิวจบแล้ว เตรียมพร้อมไปวิ่งหนีผีดิบและเอาใจช่วยองค์รัชทายาทกันใน Kingdom Season 2 ที่กำลังจะออกอากาศทาง Netflix ในวันที่ 13 มีนาคม 2563 นี่ด้วยกันค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน...ปัจจุบันนี้สามารถรับชม Netflix ผ่านกล่อง Trueid TV ได้แล้วนะคะ ดีแท้!คุณคิดว่าใน Season 2 องค์รัชทายาทจะรอดชีวิตรึเปล่าคะ *ขอขอบพระคุณภาพโปรโมทซีรีส์อย่างเป็นทางการ และภาพประกอบบทความจาก Official Trailer Kingdom | Netflix Official Site และ Youtube : Kingdom | Official Trailer [HD] | Netflix