รีวิวซีรีส์จีนมาก็เยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวเทพเซียน แนวยุทธภพ หรือแนวราชสำนัก ที่จริงละครไทยช่วงนี้ก็มีที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน เรื่องล่าสุด "แม่หยัว" The Empress of Ayodhaya ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวสุดแซ่บในประวัติศาสตร์อันอื้อฉาวบนแผ่นดินอโยธยา เปิดตัวมาก็ปังสุด ๆ กับนักแสดงสาว “ใหม่ ดาวิกา” ในบท “ท้าวศรีสุดาจันทร์” บอกได้เลยว่าขนลุก นึกถึงซีรีส์จีน-เกาหลีแนว ๆ ศึกจอมนางชิงบัลลังก์ เช่น “บูเช็คเทียน” ซึ่งภาพที่ลอยขึ้นมาในหัวทันทีนั่นก็คือเวอร์ชั่นที่แสดงโดย “ฟ่านปิงปิง” เรียกได้ว่าสวยสะพรึงสุด ๆ แถมยัง powerful มาก ๆ ใจยังอดหวังไม่ได้ที่อยากจะให้ละครไทยโดยเฉพาะเรื่องนี้ทะยานไปให้ได้แบบนั้น ทีนี้มาดูกันดีกว่าว่าละครเรื่องนี้มีอะไรให้คนดูอย่างเราคาหวัง คิดว่าหลาย ๆ คนก็คงจะได้เห็นแล้วเช่นกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปไปดูกันเลย รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ตัวละครในประวัติศาสตร์ที่ถูกตีความใหม่ พระสนมจินดา ท้าวศรีสุดาจันทร์ จินดา บุตรสาวของออกพระลพบุรีถือเป็นตัวละครนำที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่จากบุคคลในประวัติศาสตร์อย่าง “ท้าวศรีสุดาจันทร์” โดยจะมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่น ๆ อย่างชัดเจน ด้วยความมีมิติมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น และถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาพร้อมกับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ จินดาหรือท้าวศรีสุดาจันทร์ในเวอร์ชั่นนี้รับบทโดยนางเอกสาวชื่อดังอย่าง "ใหม่ ดาวิกา" โดยช่วงแรก ๆ ที่ได้มีการเปิดตัวออกมาก็มีทั้งผู้ที่เห็นว่าเหมาะสมและไม่เหมาะสมวิพากษ์วิจารณ์กันไป แต่สำหรับผู้เขียนบทความมองว่าใหม่เป็นแม่หยัวที่สวยจึ้งมาก การแสดงออก ท่าทาง ทุกอย่างทำออกมาได้ดีจนหน้าประทับใจ ยิ่งได้รับชมละครแล้วยิ่งรู้สึกว่าแม่หยัวคนนี้เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบคาริสม่า คือมีความเฉลียวฉลาดเป็นผู้นำ และที่โดดเด่นสุด ๆ ก็คือแววตายากแท้หยั่งถึงนั้น บอกได้เลยว่าสะพรึงมากจริง วามน วามน เป็นตัวละครที่ดัดแปลงมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์อย่าง "ขุนวรวงศา" แสดงโดย "ฟิล์ม ธนภัทร" พระเอกหนุ่มเจ้าบทบาทอีกคนหนึ่งของเมืองไทย โดยเรื่องราวของขุนวรวงศาที่ปรากฏอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ก็ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากนัก คนไทยจำนวนมากจึงคุ้นชื่อเขาให้ฐานะที่เป็นชู้รักของท้าวศรีสุดาจันทร์ผู้ซึ่งมีโอกาสได้นั่งบัลลังก์อโยธยาในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะถูกปราบปรามลงไป ดังนั้นจึงมีช่องว่างที่ผู้เขียนบทจะสามารถใส่ภูมิหลังและเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักระหว่างเขากับจินดา หรือท้าวศรีสุดาจันทร์ในเวอร์ชั่นนี้ได้ รวมไปถึงภารกิจเกี่ยวกับการช่วงชิงราชบัลลังก์จากราชวงศ์สุพรรณภูมิมาเป็นของคนเชื้อสายละโว้-อโยธยา โดยในเรื่องวามนเป็นชายหนุ่มที่เกิดในตระกูลพราหมณ์ เติบโตอย่างใกล้ชิดกับจินดาเนื่องจากบิดาของเขาเป็นคนของออกพระลพบุรี มีส่วนร่วมในแผนการช่วงชิงราชบัลลังก์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีมิติมาก ๆ แตกต่างจากเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์อันเหือดแห้งไร้ชีวิต พระไชยราชา บทพระไชยราชาในละครเรื่อง “แม่หยัว” แสดงโดยพระเอกหนุ่ม “ตุ้ย ธีรภัทร” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ต้องรับบทหนัก เนื่องจากต้องเล่นเป็นกษัตริย์นักรบผู้ที่ได้ชื่อว่า “ละเลงเลือดขึ้นบัลลังก์” เป็นกษัตริย์นักรบที่ถูกตีความให้ realistic มีความเป็น PTSD อยู่เล็ก ๆ เนื่องจากต้องกรำศึกอยู่ในสมรภูมิมาตลอดชีวิต นอกจากนี้บนเนื้อตัวร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากคมหอกคมดาบ และพี่ตุ้ยธีรภัทรก็พยายามแสดงออกมาให้เห็นได้ถึงสภาวะที่ไม่ปกติภายในจิตใจของพระไชยราชาอย่างเด่นชัด มีความเป็นมนุษย์ แล้วก็น่ากลัวด้วย ทำให้ยิ่งน่าลุ้นว่าภารกิจของทั้งจินดาและวามนจะสำเร็จและนำไปสู่ผลลัพธ์ดังที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ได้อย่างไร พระสนมเอกสี่ทิศ คราวนี้จะขอมาเป็นเซ็ตกันบ้าง เรียกได้ว่าถูกกล่าวถึงและเป็นที่ฮือฮาอย่างมากสำหรับบรรดาพระสนมสี่ทิศผู้สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ต่าง ๆ ที่จะมาถวายตัวเป็นสนมเอกของพระไชยราชา ซึ่งประกอบไปด้วยทิศตะวันตก “ท้าวอินทรสุเรนทร์” เชื้อสายราชวงศ์สุพรรณภูมิ จากเมืองสุพรรณภูมิ โดยในเรื่องจะรับบทโดย “เป้ย ปานวาด” เป็นผู้หญิงที่ถวายตัวเข้ามาก่อนทุกคนนามว่า “จิตรวดี” ทิศเหนือ “ท้าวศรีจุฬาลักษณ์” เชื้อสายราชวงศ์พระร่วง จากเมืองสุโขทัยรับบทโดย “บิ๊นท์ สิรีธร” ในเรื่องจะใช้ชื่อว่า “ละอองคำ” ทิศใต้ “ท้าวอินทรเทวี” เชื้อสายราชวงศ์ศรีธรรมโศกราช จากเมืองนครศรีธรรมราช รับบทโดย “เฟิร์น นพจิรา” ในเรื่องใช้ชื่อว่า “ตันหยง” และสุดท้ายคือ “ท้าวศรีสุดาจันทร์” เชื้อสายราชวงศ์ละโว้-อโยธยา จากเมืองลพบุรี หรือ แม่หยัวจินดาของเรานั่นเอง ในประวัติศาสตร์มีการกล่าวถึงตำแหน่งของพระสนมสี่ทิศจากราชวงศ์ต่าง ๆ เหล่านี้เอาไว้ แต่โดยมากก็มักจะไม่กล่าวถึงเรื่องราวในวังหลังสักเท่าไหร่ ทีนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับพลังความสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้เขียนบทว่าจะทำให้เรื่องราวการแก่งแย่งช่วงชิงตำแหน่งพรอัครมเหสีในละครเรื่อง “แม่หยัว” นี้แซ่บได้แค่ไหน แต่ดูทรงมาดี หลังจากที่ได้ออกอากาศไปแล้วก็ต้องมารอลุ้นกันว่าสี่สาวจะฟาดฟันได้อย่างไรต่อไป Setting ย้อนยุคเสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม อีกหนึ่งความน่าสนใจของละคร “แม่หยัว” นั้นก็คือการจัด setting และเสื้อผ้าหน้าผมในแบบละครย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาของไทย โดยจากที่ได้เห็นก็คิดว่าผู้จัดก็น่าจะตั้งใจ research มาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะ ชุดรบ หรือเสื้อผ้าหน้าผมของพระสนมเอกทั้งสี่ทิศที่มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงชุดพราหมณ์ของวามนด้วย มีการเก็บรายละเอียดการเจิมหน้าผากต่าง ๆ ทำให้ละครดูสมจริงและยิ่งน่าสนใจ สิ่งเหล่านี้ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่การใส่ใจในรายละเอียดทุกจุดก็อาจสร้างความประทับใจให้กับคนดูได้มากขึ้นจริง ๆ เดินเรื่องเร็วด้วยปมปัญหาอันน่าลุ้นระทึก มาประเด็นเรื่องการเดินเรื่องก็ต้องขอพูดถึงจุดเด่นในการเดินเรื่องที่เป็นไปอย่างกระชับและฉับไว โดยจะสังเกตเห็นได้ว่าภายใน ep. 1 ตอนเดียวก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งจุดนี้ก็อาจจะเป็นเพราะจำนวนตอนของเรื่องที่มีเวลาให้เล่าอยู่เพียงแค่ 10 ep. เท่านั้น ตรงนี้โดยส่วนตัวแล้วสายซีรีส์จีนอย่างผู้เขียนบทความก็รู้สึกขัดใจอยู่ เพราะแม้แต่ซีรีส์จีนสมัยนี้ที่ถูกตัดความยาวให้เหลือไม่เกิน 40 ตอน ทำให้คนดูแอบรู้สึกไม่จุใจ กับเรื่อง “แม่หยัว” ที่จะมีเพียงแค่ 10 ตอนเท่านั้น ตอนเห็นข่าวแรก ๆ ผู้เขียนก็ได้แต่บ่นว่าเอาจริงดิ ไม่รู้จริง ๆ ว่าในจำนวนตอนเท่านี้จะสามารถบิ๊วให้คนดูอย่างเรา ๆ รู้สึกอินไปกับเรื่องราวได้แค่ไหน ยิ่ง scale ละครอิงประวัติศาสตร์ที่ผู้เขียนแอบคาดหวังในพลังความอีปิค อันนี้ก็ต้องเอาใจช่วยและรอดูกันต่อไป และหวังว่าจะออกมาดีเพราะตั้งแต่ตอนที่ได้ดู ep. แรกก็รู้สึกแล้วว่าน่าจะทำถึงเพราะดูเป็นงานทุกคนดูตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นทีมผู้จัด ผู้กำกับ ทีม research ผู้เขียนบท นักแสดง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรวมไปถึงการโปรโมท เรียกได้ว่าสุดปัง แถมดูจบไปแล้วตอนแรกยังแอบเห็นการใช้เทคนิคแขวนคนดูให้รอไปอีกหนึ่งสัปดาห์ด้วยการตัดจบแบบน่าลุ้นระทึก ซึ่งจุดนี้ก็ต้องขอชมเชยว่ามันดีมากสำหรับละครประวัติศาสตร์ที่ทุกคนก็รู้ตอนจบอยู่สามารถทำออกมาให้น่าติดตามได้ ถือว่าเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลยทีเดียว ด้วยภาพรวมทั้งหมดนี้ก็ถือได้ว่าเป็นรสชาติใหม่ที่สร้างความหวังให้กับวงการละครไทยได้พอสมควร ซึ่งในจุดนี้ผู้เขียนบทความก็อยากจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการ encourage ให้ทางผู้จัดและช่องวันเดินหน้าต่อไป และเท่าที่เห็นกระแสการตอบรับก็ถือว่าเป็นไปด้วยดี ทำให้หน้าไทม์ไลน์ช่วงนี้เต็มไปด้วยข้อถกเถียงและบทสนทนาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ก็ถือเป็นเรื่องของมุมมอง และทำให้ผู้ชมได้เปิดใจให้กว้างในการมองประวัติศาสตร์แบบ Post modernism ที่มองว่าความจริงอาจจะไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป เดี๋ยวดูจบแล้วหากมีโอกาสผู้เขียนบทความก็อาจจะได้มาสรุปวิเคราะห์ และรีวิวในภาพรวมทั้งหมดใหม่ สำหรับผู้ที่มีความสนใจก็อย่าลืมติดตามละคร “แม่หยัว” ได้ในทุก ๆ วันพุธ พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่องวัน 31 และสามารถติดตามรับชมในฉบับ UNCUT ได้ในแอป oneD ขอบคุณภาพจาก X: oneD สนุก ฟรี ดีทุกวัน ภาพปก: ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4 เนื้อหา: ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5, ภาพที่ 6, ภาพที่ 7, ภาพที่ 8, ภาพที่ 9, ภาพที่ 10, ภาพที่ 11, ภาพที่ 12-13, ภาพที่ 14, ภาพที่ 15, ภาพที่ 16 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !