Short CommentBallerina : ร่ายระบำฆ่า (2023)ตามสูตรผู้หญิงทวงแค้นแบบจัดเต็ม อาจไม่เข้มแต่มันส์สะใจไม่ต้องวางอะไรไว้เบื้องหลังจอนจองซอชื่อนี้แม้ดูไปบ่นไปอาจไม่ได้ติดตามผลงานของเธอแต่ก็ดูแทบทุกเรื่องทางช่องทางที่ถูกลิขสิทธิ์เพราะมีไม่กี่เรื่อง กระนั้นแต่ละเรื่องที่นักแสดงคนนี้รับงานแสดงก็การันตีคุณภาพได้เพราะผู้เขียนเริ่มสะดุดตาจากการแสดงสุดโรคจิตของเธอใน The Call (2020) แล้วก็ย้อนไปพิสูจน์ฝีมือการแสดงสักหน่อยใน Burning (2018) ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอมีดีจริงๆ หลังจากนั้นเธอก็มีบทบาทสำคัญในซีรีส์ที่กลายเป็น Talk of The Town อยู่พักหนึ่งคือ Money Heist: Korea - Joint Economic Area 1-2 (2022) ในบทโตเกียว นั่นเท่ากับว่าผู้เขียนไม่ได้ดูงานซีรีส์ของเธอหนึ่งเรื่องคือ Bargain (2022) และหนังอีกหนึ่งเรื่องคือ Nothing Serious (2021) เพราะไม่รู้จะหาดูแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ไหน แต่เท่าที่ได้ดูก็ต้องยอมรับว่าฝีมือการแสดงอยู่ในระดับที่ขายได้คือเป็นนักแสดงขายฝีมือแต่ครานี้มีหนังเรื่องใหม่ที่ออกแนวตลาดจ๋าหน่อยกับงาน NETFLIX Original ที่เป็นแนวผู้หญิงทวงแค้น จึงน่าสนใจว่านักแสดงขายฝีมือในหนังที่ตั้งท่ามาบันเทิงตลาดๆผลจะออกมาเป็นยังไงกับหนังใหม่ของจอนจองซอเรื่องนี้อ๊กจู (จอนจองซอ) อดีตบอดี้การ์ดที่ทำงานคุ้มกันลูกค้าวีไอพีที่มีทักษะทางการใช้อาวุธมีด ปืน การต่อสู้ระยะประชิดและเชี่ยวชาญการขี้มอเตอร์ไซค์ อ๊กจูมีเพื่อสนิทหนึ่งคนคือมินฮี (พัคยูริม) ที่เป็นนักบัลเลต์ที่หนังเผยให้เห็นว่าหน้าทีการงานที่ผ่านมาทำให้ไฟในการใช้ชีวิตของอ๊กจูมืดดับ แต่แล้วการได้เจอกับมินฮีที่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมก็สามารถจุดไฟแห่งชีวิตของอ๊กจูขึ้นมานั่นหมายความว่าอ๊กจูมีมินฮีเป็นความหมายเดียวของชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งโทรศัพท์จากมินฮีตามให้อ๊กจูไปหาเพื่อพบว่ามินฮีฆ่าตัวตายโดยทิ้งจดหมายน้อยให้เธอล้างแค้นให้และชื่อในจดหมายนั้นคือเชฟชเว (คิมจีฮุน) แน่นอนเมื่อความหมายของชีวิตได้ถูกพรากไปอ๊กจูจึงพยายามค้นหาว่าทำไมมินฮีจึงต้องให้เธอตามล้างแค้นแล้วอ๊กจูก็พบว่าเชฟชเวเป็นพวกค้าผู้หญิงขายยาเสียสาวและถ่ายคลิปอนาจารวิตถารไว้ข่มขู่เหยื่อและหนึ่งในนั้นคือเหยื่อที่เป็นนักบัลเลต์คือมินฮี เมื่อรู้ว่ามินฮีเพื่อนที่ดีที่สุดต้องเจ็บปวดขนาดไหนจนต้องตัดสินใจลาโลกไปอ๊กจูจึงต้องตามล้างตามเช็ดเชฟชเวแต่มันก็ไม่ง่ายเพราะเชฟชเวก็มีดีพอตัวตามสูตรตามแนวไปตรงๆไม่อ้อมค้อมไม่ซ้บซ้อนจนจะอวยก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่จะติก็ไม่รู้จะติยังไง เพราะหนังแนวนี้มีให้เห็นกันทุกปีบางปีก็มีมาหลายเรื่องจากหลายชาติกับหนังแนวผู้หญิงทวงแค้น และที่เป็นก็จะมาตามสูตรหนังที่ผู้หญิงไล่เตะตูดผู้ชายที่ตัวร้ายจะต้องเป็นผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงไม่ทางใดทางหนึ่ง ทั้งยังต้องมีตัวละครที่เป็นเด็กหรือตัวละครติดสอยห้อยตามมาเป็นภาระแล้วต้องถูกจับด้วยนะจะได้ไปช่วยและกว่าจะถึงผู้ร้ายคนสุดท้ายก็อ่วมอรทัยเพราะต้องบู๊มาตลอดทาง แถมยังต้องโดนจนน่วมก่อนที่จะเอาชนะไปอย่างสะบักสะบอมแล้วไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหนังแนวนี้มากี่ทีก็จะมาพร้อมสูตรนี้ที่ชอบเล่าไปตรงๆ นั้นคือแค้นและทวงแค้นแค่นั้นจะยากจะง่ายก็ว่ากันซึ่งกับเรื่องนี้ด้วยความที่บทหนังไม่ตั้งใจมาซับซ้อนมีชั้นเชิงอะไรก็ทำให้เป็นบทหนังที่ออกจะธรรมดาๆ แต่เมื่อลองพินิจดูในความธรรมดานั้นก็หาที่ติไม่เจอเพราะทุกอย่างผูกสัมพันธ์เชื่อมโยงกันได้ดีที่อาจมีริ้วรอยบ้างเรื่องความต่อเนื่องแต่ก็โยงกันติดโดยที่ไม่ต้องคิดเข้าข้าง ซึ่งก็แปลกดีที่จะอวยก็กระดากปากแต่จะติก็หาที่ติลำบากเหมือนกันไม่ต้องวางอะไรไว้เบื้องหลังแค่เล่าให้ได้หาแรงจูงใจจนเจอแล้วเดินหน้าไปสู่ความมันส์สะใจ ตามปกติแล้วงานจากเกาหลีจะน้อยจะมากก็มักมีดราม่าแต่ถ้าดูมาตลอดในงานหลังๆโดยเฉพาะงานที่เป็น NETFLIX Original แบบนี้ก็จะเห็นว่าเริ่มมีที่ลดดราม่าลง ซึ่งก็คงลดแรงปะทะเรื่องที่ถูกค่อนขอดว่าเอะอะก็ดราม่าแต่กับหนังหรือซีรีส์สิ่งที่จะสร้างความเชื่อให้คนดูก็ยังต้องมีซึ่งก็คือดราม่าแหละ เพียงแต่เรื่องนี้เลือกไม่สนใจปัญหาสังคมหรือเรื่องคมความคิดใดแต่เล่าดราม่าเล็กๆให้เห็นแรงจูงใจเพราะแค้นน่ะแค้นได้แต่จู่ๆจะไปตามล่าตามล้างเลยก็ใช่ที่ หนังเลยเลือกเล่าเรื่องของพลังแห่งชีวิตที่ไฟในใจถูกจุดติดจนชีวิตกลับมามีความหมายซึ่งจะว่าดราม่าก็ยังใช่แต่ไม่ได้กระทบเป็นวงกว้างหรือต้องการแรงกระเพื่อมใดๆ แต่เลือกเล่าให้เป็นพื้นฐานของการตัดสินใจของตัวละครที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องค้นหาให้เจอก่อนว่าทำไมต้องแก้แค้นซึ่งส่วนนี้ต้องชื่นชมเพราะเวลาที่มีก็ไม่มากแต่เล่าได้เพราะไม่เหลือความน่ากังขาใดให้ตัดสินใจไปตามล้างตามเช็ดขนาดนั้น แล้วเมื่อแรงจูงใจจุดติดก็เข้าสูตรเพื่อเดินหน้าไปอย่างมันส์สะใจถึงไม่มีดราม่าวางไว้ให้เป็นความเข้มแต่ก็เห็นเรื่องของการต่อสู้ของเพศที่อ่อนแอกว่าและมาเพื่อให้สาแก่ใจเสียด้วย แน่นอนเมื่อไม่มีดราม่าที่จัดจ้านมาอยู่เบื้องหลังหนังอาจดูผิดแปลกไปจากคอนเทนต์เกาหลีที่เคยๆเลยอาจไม่เหลือความเข้มข้นให้ได้เสพ ทว่าถ้าจะเอาให้ได้ก็เห็นว่ายังมีเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศและอาชญากรรมที่มักเกิดขึ้นกับเพศที่อ่อนแอกว่าโดยเพศที่ทนงตนว่าเป็นเจ้าโลก ผู้กำกับหนุ่มหน้าใสวัยสามสิบสามเจ้าของผลงานการเขียนบทและกำกับ The Call (2020) มาก่อนหน้านี้อีชุงฮยอนจึงจัดให้ด้วยการเล่าถึงความร้ายแรงที่ผู้ชายกระทำต่อผู้หญิง และสิ่งที่เห็นในหนังก็เพียงพอให้ผู้หญิงรู้สึกคับแค้นในใจที่ต้องต่อสู้กับพวกผู้ชายพันธุ์นี้ที่เอาจริงส่วนมากมักสู้ไม่ได้บางครั้งกฎหมายยังทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ ขนาดที่ผู้ชายบางคนยังรู้สึกแค้นเลยจัดให้ตัวเอกเป็นผู้หญิงที่เหมือนจะอ้อนแอ้นมาเตะเป็นเตะต่อยเป็นต่อยเสียบเป็นเสียบยิงเป็นยิง ที่สำคัญไอ้สิ่งที่ผู้ร้ายกระทำก็ผลักหัวใจคนดูไปอยู่มุมมืดที่พร้อมจะสาแก่ใจเมื่อจุดสุดท้ายของผู้ร้ายเป็นอย่างที่เห็นแม้จะเป็นตามสูตรแต่สาสมใจใครจะทำไมเพราะหนังไม่ได้พยายามมาเป็นความลึกล้ำการแสดงจึงมาตามมาตรฐานแต่ก็เป็นมาตรฐานในระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่ง ด้วยความที่บทหนังไม่ได้ตั้งใจมาให้ลึกล้ำไม่ได้ลงลึกถึงมิติตัวละครระดับก้นบึ้งแค่เล่าให้ได้ให้เห็นแรงจูงใจก็พอ สิ่งที่ตามมาคือการแสดงที่เอาแค่จับต้องได้อย่างที่บทวางไว้แต่ด้วยมาตรฐานการแสดงของนักแสดงอย่างจอนจองซอเลยทำให้อะไรที่หนังต้องการให้คนดูเชื่อในการตัดสินใจมีน้ำหนักเพราะเธอแสดงได้ จะว่าไปจอนจองซอก็แปลกที่เหมือนไม่สวยมากแต่มีเสน่ห์ที่ลึกลับที่เมื่อให้การแสดงที่ถ่ายทอดความรู้สึกได้ต่อให้ไม่ถึงกับท็อปฟอร์มมากมายก็ยกระดับให้บทที่อาจธรรมดาๆให้กลายเป็นความบันเทิงขึ้นมาได้อีกหนึ่งขั้น และสิ่งนี้เองที่เรียกว่าพลังดาราที่ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะมีผลงานเท่าที่เห็นในเครดิตและกับเรื่องนี้เธอเอามาใช้ได้อย่างสุดคุ้ม ส่วนตัวร้ายอย่างคิมจีฮุนคือตัวร้ายมิติเดียวตามแนวหนังซึ่งไม่มีอะไรให้ติหรือชื่นชมแต่ที่ต้องชมอีกคนคือพัคยูริมที่เป็นแสงสว่างในวันมืดมิดได้ดี น่าเสียดายที่บทของคิมมูยอลมาเดินมาอย่างดีแต่เหมือนเอามากำจัดทิ้งอย่างน่าอนาถซะงั้นด้วยเวลาฉายที่ไม่ยาวมากและหนังไม่ได้ตั้งใจมาท้าทายสมองประลองความคิดจึงเต็มไปด้วยความบันเทิง ยอมรับว่าผิดคาดไปหน่อยสำหรับการเป็นหนังเกาหลีเพราะออกมาซื่อๆไม่มีคดเคี้ยวเลี้ยวลดให้วูบวาบ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะหนังตั้งใจชัดที่จะมาเป็นความบันเทิงที่ไม่ซับซ้อนไม่ต้องคิดหรือคาดเดาอะไรเพราะไปตามสูตร หนังมีการเล่าเรื่องที่จับต้องได้มีแรงจูงใจที่ชัดพออาจมีบ้างที่เหมือนไม่ต่อเนื่องแต่เรื่องทั้งหมดก็เชื่อมโยงกันดีเพราะไม่มีมิติทับซ้อนมาก ทั้งยังมีฉากแอ็กชันที่มันส์สะใจตามสไตล์ที่อาจจะเคยเห็นที่ไหนมาสักที่แต่ก็อย่างที่บอกคือหนังแนวนี้ก็มีมาให้ดูทุกปีอยู่แล้ว แล้วด้วยเวลาฉายเพียงชั่วโมงครึ่งจึงไม่ยากที่จะเล่าเรื่องโดยที่ระยะเวลาที่เดินไปหาความเร้าใจไม่ทิ้งห่างนานซึ่งก็ดีเพราะถ้าลากไปกว่านี้อีกหน่อยจะยืดยาด แต่เมื่อไม่พยายามลากเพื่อเล่าให้มากความหนังจึงเต็มไปด้วยความบันเทิงที่น่าพอใจและทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าผลตอบรับดีอาจจะมีมาอีกเพราะตัวละครขายได้ แล้วถ้ามีมาก็คงดูอีกเพราะเสน่ห์ของจอนจองซอได้หลอมเข้ากับเสน่ห์ของตัวละครได้แล้วจึงไม่ยากหากต้องการให้ติดตามดูไปบ่นไปhttps://www.youtube.com/watch?v=r6znaRzvRAw&ab_channel=NetflixThailandขอบคุณภาพประกอบภาพปก จาก Instagram netflixthภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6,7,8 จาก Instagram netflixkrVDO ตัวอย่าง จาก YouTube Netflix Thailand ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้https://entertainment.trueid.net/detail/B1qgGRPZJAzjอ่านบทความผลงานของ "จอนจองซอ" โดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่https://entertainment.trueid.net/detail/G1e69AgMNObRhttps://entertainment.trueid.net/detail/jXEVzBa92R0Jhttps://entertainment.trueid.net/detail/5gD91drk3kVJ จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !