หลังจากที่เมื่อปี 1995 คอหนัง และผู้คนทั่วโลกได้รู้จักกับเกมกระดานมหัศจรรย์ที่มีขื่อว่า Jumanji ที่นอกจากจะมอบความสนุก ตื่นเต้นในแบบหนังบล็อคบัสเตอร์แล้ว หนังยังมอบเสียงหัวเราะ และความสุข โดยเฉพาะคาแรคเตอร์ อลัน พาริชของ โรบิน วิลเลี่ยมที่กลายเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่เมื่อปี 2017 ผู้กำกับสายฮาอย่าง เจค คาสดาน(Bad Teacher ,Sex Tape) ได้ชุบชีวิตเกมกระดานมหัศจรรย์นี้อีกครั้งใน Jumanji: Welcome to the Jungle ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากทั้งคนดู และนักวิจารณ์ จนทำให้เรื่องราวของ Jumanji ยังไม่สิ้นสุดลง และในปี 2019 นี้การผจญภัยครั้งใหม่ก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งใน Jumanji: The Next Level ในหนังภาคนี้จะว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์หลังจากภาค Welcome to the Jungle เมื่อแก๊งเด็กเกรียนทั้งสี่ที่ประกอบไปด้วย สเปนเซอร์ ,ฟริดจ์ ,เบธทานี่ และมาร์ธ่า ได้เติบโตจากเด็กวัยรุ่น ม.ปลาย เข้าสู่วัยมหาลัย จนกระทั่งในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส สเปนเซอร์ ที่กำลังรู้สึกท้อแท้กับชีวิต ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมแม่ และ เอ็ดดี้ คุณตาของเขา ซึ่งความรู้สึกท้อแท้นี่เองก็ได้ทำให้ เสปนเซอร์เกิดความคิดแผลง ๆ อย่างการกลับเข้าไปผจญภัยในเกม Jumanji อีกครั้งเพียงลำพัง ทำให้เพื่อน ๆ คนที่เหลือต้องกลับเข้าไปในเกมอีกครั้ง เพื่อช่วย สเปนเซอร์ แต่ทว่าทุกอย่างดันกลับตาลปัตร เมื่อเกมได้เปลี่ยนด่านใหม่ นอกจากนี้เกมก็ได้ดูด เอ็ดดี้ และ ไมโล สองคุณตา เข้ามาในเกมอีกด้วย ทำให้พวกเขาต้องช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ และพาสเปนเซอร์ ออกมาจากเกมให้ได้โดยในภาคนี้ หนังยังมาพร้อมคอนเซ็ปต์เดียวกับภาคที่แล้วแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการผจญภัย และทีมนักแสดงที่ยังคงใช้ชุดเก่ากันอย่างครบทีม ความน่าสนใจคือในภาคนี้หนังได้มีการใช้บรรดาตัวละครใหม่ เข้ามาสร้างสีสันได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร เอ็ดดี้ (ที่รับบทโดย แดนนี่ เดอร์วิโต้) และไมโล (รับบทโดย แดนนี่ โกลเวอร์) ที่เข้ามาร่วมแสดงสมทบ แม้อาจจะไม่ได้มีบทบาทมากนัก แต่เคมีของทั้งคู่ก็ช่วยสร้างสีสันให้หนังได้ไม่น้อย รวมถึงบท หมิงตัวละครในเกมตัวใหม่ ที่รับโดย อควาฟิน่า ซึ่งถือว่าเป็นอีกบทบาทของเธอในปีนี้ ที่น่าสนใจเพราะนอกจากเธอจะสร้างเสียงฮาไม่แพ้ทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ในเรื่องนี้เธอยังถ่ายทอดบทแอคชั่น ออกมาได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันในภาคนี้หนังพยายามมีการเล่นใหญ่กว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการพยายามโชว์งานวิชวลต่างๆ ผ่านฉากไล่ล่า ต่อสู้ ระหว่างกลุ่มตัวเอก กับกองทัพนกกระจอก และฝูงลิง พร้อมทั้งยังมีฉากระเบิดภูเขา เผากระท่อม ที่ยิ่งใหญ่ตระการตากว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงซีเควนซ์สุดท้ายของหนัง ที่กลายเป็นฉากแอคชั่นที่ใหญ่ที่สุดของแฟรนไชล์ชุดนี้เลยก็ว่าได้ส่วนมุกตลกในภาคนี้หนังยังทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน แม้ว่ามุกของหนังในภาคนี้จะยังคงเล่นกับสวมร่างของตัวละคร พร้อมเพิ่มสีสันด้วยการสลับร่างที่ต่างจากภาคที่แล้ว แต่ทีเด็ดที่ไม่พูดไม่ได้ คือการแสดงของ ดเวย์น จอห์นสัน และเควิน ฮาร์ท ที่ในภาคนี้คนที่สวมร่างตัวละครทั้งสองคนคือ เอ็ดดี้ และไมโล ที่เป็นคุณตาในโลกจริง ทำให้ทั้งคู่ต้องเล่นมุกตลกโวยวาย ตามประสาคนแก่ และยังต้องกลายเป็นลิ้นกับฟัน ที่ทะลเาะกันตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทั้งสองนักแสดงก็สามารถรับส่งมุกกันได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ แบล็ค แจ็ค ก็ยังคงสามารถสร้างเสียงฮาได้ แม้ในภาคนี้จะไม่โดดเด่นเท่าภาคที่แล้ว รวมถึงบทของ คาเรน กิลเลี่ยน ในภาคนี้ ก็ยังเซ้กซี่ ร้อนแรงเหมือนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากแอคชั่นประกอบเพลง Baby ,I Love You Way ที่ในภาคนี้หนังก็นำกลับมาเซอร์วิสแฟนๆ อีกครั้งนอกจากนี้หนังก็ยังได้มีการเอาใจแฟนบอยหนังชุดนี้ ตั้งแต่ฉบับปี 1995 และแฟนบอยจากภาคก่อน ด้วยการใส่ลูกเล่น และอีสเตอร์เอ้ก มาแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะใครที่เคยประทับใจกับมุก และลูกเล่นในภาคก่อน หนังก็เสิร์ฟให้คนดูในแบบที่หายคิดถึงกันอย่างแน่นอนในส่วนของข้อด้อยของหนัง เรียกได้ว่าเป็นชะตากรรมที่แทบไม่ต่างจากหนังภาคต่อเรื่องอื่นๆ ที่หนังแทบจะไม่มีความแปลกใหม่จากภาคก่อนหน้า หนังมาพร้อมสูตรสำเร็จที่คนดูสามารถเดาทางได้เกือบทั้งหมด ในขณะที่วายร้ายในภาคนี้ ที่ได้ รอรี่ แมคเคลน จากซีรีส์ Game of Thrones มาร่วมแสดง หนังกลับไม่สามารถนำเสนอบทบาทวายร้ายในเรื่องนี้ให้ออกมาน่าจดจำได้เท่าที่ควร จนทำให้เขากลายเป็นวายร้ายที่ทั้งขาดมิติ และขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดายมองโดยภาพรวม Jumanji: The Next Level อาจไม่ถึงกับเป็นหนังภาคต่อที่ยอดเยี่ยม หากเทียบกับผลงานสองภาคก่อน แต่ก็ถือว่านี่เป็นหนังที่ยังสามารถรักษามาตรฐานงานของตัวเองได้อย่างคงเส้นคงวา และที่สำคัญนี่เป็นอีกหนังที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะรับชมในช่วงเทศกาลแห่งความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหยุดยาวอย่างวันคริสต์มาส วันปีใหม่ ยิ่งใครที่เป็นแฟนคลับตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อน ๆ ภาคนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ขอขอบคุณรูปภาพประกอบจากเว็ปไซต์ https://www.imdb.com/