ไรอัน เรย์โนลด์ส ต้องเข้าพบ มาดอนนา เป็นการส่วนตัว เพื่อขอใช้เพลงประกอบหนัง "Deadpool & Wolverine"
ใครที่เคยได้มีโอกาสชม ‘Deadpool’ (2016) และ ‘Deadpool 2’ (2018) นอกจากมุกตลกห่าม ๆ และการใส่ Easter Egg ล้อชาวบ้านแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว สิ่งที่ถือเป็นของเด็ดอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คือบรรดา Playlist ที่ Deadpool จัดมาให้ในเรื่อง ซึ่งแต่ละเพลงก็นับว่าร้ายกาจทีเดียว
และใน ‘Deadpool & Wolverine’ เองก็เช่นกัน เพราะคราวนี้พวกเขายังเลือกใช้เพลงป๊อปแดนซ์กอสเปลสุดฮิตจากปี 1989 อย่างเพลง “Like a Prayer” ของแม่มาดอนนา (Madonna) ด้วย ซึ่งในคลิป Trailer จะมีเพลงนี้ที่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ให้ Epic กว่าเดิม
ดูเหมือนทุกอย่างจะง่าย แต่ ไรอัน เรย์โนลส์ (Ryan Reynolds), ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) และผู้กำกับ ชอว์น เลวี (Shawn Levy) ได้เปิดเผยในการสัมภาษณ์ทาง SiriusXM ว่า กว่าจะได้เพลงนี้มาใช้ในหนัง พวกเขาถึงกับต้องเข้าไปขออนุญาตกับมาดอนนาเป็นการส่วนตัว
แจ็กแมน: “นายพูดถึงตอนที่ไปขออนุญาตใช้เพลง “Like a Prayer” หน่อยได้ไหม”
เลวี: “คือตอนนั้นมันเป็นตอนที่ไปเยี่ยมมาดอนนาเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้เอาฉากที่เราใช้เพลง “Like a Prayer” ไปให้เธอดูน่ะ”
เรย์โนลด์ส: “เอางี้ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เราต้องบอกว่าทีแรกพวกเขาไม่อนุญาตให้เราใช้เพลง มาดอนนาไม่ได้อนุญาตให้ใช้เพลงของเธอ โดยเฉพาะกับเพลงนั้น การขออนุญาตใช้เพลงนี้จึงเป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่การได้ใช้เพลงนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่า พวกเราก็เลยเข้าไปพบกับเธอเพื่อแสดงให้เธอดูว่าเราจะใช้เพลงยังไง ใช้กับฉากไหน และใช้ทำไม”
ถึงตรงนี้ เลวีเล่าเสริมบรรยากาศและความเกร็งของพวกเขาในการเข้าพบมาดอนนา ก่อนที่เรย์โนลส์จะเล่าว่า เขาควรจะวางตัวอย่างไร เมื่อตอนที่เขาได้พบกับศิลปินเจ้าของฉายาราชินีเพลงป๊อปในตำนาน
เลวี: “ส่วนตัวผม ผมคิดว่ามันไม่ต่างอะไรกับการไปเข้าเฝ้าพระราชวงศ์เลยล่ะ”
เรย์โนลด์ส: “ผมถามกับคนที่ทำงานให้กับมาดอนนาด้วยว่า ‘ผมเรียกเธอว่ามาดอนนาเฉย ๆ ได้ไหม’ แบบประมาณว่า ‘สวัสดีครับมาดอนนา กูชื่อไรอันนะครับ ‘ไรแบบนี้…’ มันเป็นอะไรที่ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตเลย”
“Like a Prayer” เป็นซิงเกิลแรกจากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของมาดอนนา ‘Like a Prayer’ (1989) ที่ออกโปรโมตครั้งแรกในปี 1989 เป็นเพลงแนวป๊อปแดนซ์ที่ผสมผสานกับฟังกี้และเพลงแนวกอสเปล ซึ่งมาดอนนาได้แต่งเนื้อร้องขึ้นเพื่อสื่อสารถึงความศรัทธาในพระเจ้าของเธอเอง โดยในตอนบันทึกเสียง เพลงนี้เคยได้ พรินซ์ (Prince) ศิลปินผู้ล่วงลับมาบันทึกเสียงกีตาร์โซโลเอาไว้ แต่สุดท้ายโปรดิวเซอร์ก็ตัดสินใจเอาแทร็กเสียงกีตาร์ออกไปจนเกือบหมด เพราะรู้สึกว่าเสียงกีตาร์มันดีเกินตัวเพลงไปหน่อย
นอกจากเนื้อหาที่มีการพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับศาสนาที่มีความสองแง่สองง่ามอย่างชัดแจ้ง สิ่งที่เป็นกระแสไม่แพ้กันก็คือมิวสิกวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอาชญากรรม การเหยียดสีผิว ภาพของไม้กางเขนลุกเป็นไฟ และตอนที่มาดอนนาจุมพิตกับนักบวชผิวดำในโบสถ์ ทำให้ถูกมองว่าเป็นการลบหลู่ศาสนา นอกจากนี้ยังเป็นเพลงแรกที่ถูกใช้ในโฆษณาโทรทัศน์ก่อนเปิดตัวซิงเกิลทางวิทยุ เนื่องจาก Pepsi ได้เซ็นสัญญาจำนวนเงิน 5 ล้านเหรียญเพื่อดึงเอาเพลงนี้มาใช้ในโฆษณาชุด ‘Make A Wish’ แต่สุดท้ายก็ทนกระแสต่อต้าน MV ไม่ไหว ทำให้ Pepsi จำต้องถอดโฆษณาตัวนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว