สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้เราจะมารีวิวหนังสือ Who Moved My Cheese? หรือชื่อภาษาไทยว่า ใครเอาเนยแข็งของฉันไป เขียนโดย Spencer Johnson, M.D. ฉบับแปลไทยโดยคุณ ประภากร บรรพบุตร ของนานมีบุ๊คส์ บางคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว ที่หน้าปกมีเขียนไว้ว่าได้แปลไปแล้วถึง 42 ภาษา ถือว่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว หนังสือเล่มที่เราจะนำมารีวิวนี้เป็นแค่หนังสือเล่มบางๆ แต่ส่งผลต่อความคิดของเรามาก สามารถนำไปขบคิดได้ยาว ๆ เลย เรื่องราวในหนังสือบอกเล่าผ่านตัวละครสมมติเพียงแค่ 4 ตัวด้วยกัน ได้แก่ สนิฟฟ์ สเคอร์รี่ เฮม และ ฮอว์ กับอีกหนึ่งเนยแข็งที่ใช้แทนเป็นความสุขของเรา ผ่านมุมมองการเล่าที่แสนเรียบง่าย น่ารัก ไม่ซับซ้อน เล่าจากมุมมองปกติเลยค่ะ มีการเรียบเรียงมาอย่างดี ทำให้เข้าใจง่าย ตีความตามรวมถึงคิดตามได้ง่าย ส่วนตัวชอบมากค่ะเพราะเล่มไม่ได้หนาเกินไป สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือนาน ๆ หรือหนังสือเล่มใหญ่ ๆ นั้นเล่มนี้ก็น่าจะตอบโจทย์พอสมควรเลย หนังสือเล่มที่อยู่ในมือเราเขียนไว้ว่าพิมพ์ครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2544 และพิมพ์ครั้งที่ 38 ในปี พ.ศ. 2561 แสดงให้เห็นถึงความเป็นอมตะของหนังสือเล่มนี้ เป็นเนื้อหาที่อยู่ตลอดทุกยุคสมัย ไม่เคยตกยุคการบรรยายจะเป็นเรื่องราวที่ไม่สั้นไม่ยาวนักของตัวละคร 4 ตัวดังที่กล่าวไปข้างต้น เล่าตีแผ่แนวความคิดของตัวละครในเรื่อง การกระทำ การแก้ไขปัญหา การรับมือและเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่เกิดขึ้น ชี้ให้ผู้อ่านเห็นว่าตัวละครตัวไหนมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร ทำให้ได้ย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองว่า แล้วเราล่ะ เป็นแบบตัวละครตัวไหน ? ส่วนตัวรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันสามารถนำไปปรับใช้ได้กับสถานการณ์จริง ในชีวิตของเราจริง ๆ ในสังคมปัจจุบัน เราสามารถหยิบยืมวิธีแก้ไขปัญหาของตัวละครในเรื่องไปปรับใช้กับชีวิตจริงของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน เรื่องการทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตาม มันค่อนข้างเกี่ยวกับเป็นความเป็นจริงของชีวิต ความเป็นสัจธรรม การเปลี่ยนแปลงที่เราไม่ได้ต้องการ แต่มันก็เข้ามาในชีวิต แล้วจะรับมืออย่างไรล่ะ ? ตรงนี้ล่ะที่หนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้จะบอกเพื่อน ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรส่วนตัวคิดว่า Who Moved My Cheese? หรือ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ทุกสายอาชีพเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใคร จะประกอบอาชีพอะไรก็อ่านได้และเป็นประโยชน์แน่ ๆ มันเป็นเพียงแค่การนำเสนอสิ่งทั่วไป สิ่งที่เห็นได้ปกติในทุกสังคมในโลก เหมือนผู้เขียนหยิบยกจุดเล็ก ๆ จุดหนึ่งออกมาเล่า เป็นจุดที่เราทุกคนไม่เคยตระหนักถึงมัน เรียกได้ว่า เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่แฝงข้อคิดไว้มหาศาลเลยล่ะ อยากแนะนำให้ลองหยิบมาอ่านดูสักครั้ง แล้วเพื่อน ๆ จะได้ข้อคิดกลับมาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน อาจจะเกิดการขบคิดในระยะยาว เกิดประโยชน์หรือการเปลี่ยนแปลงที่ดีอื่น ๆ ต่อตัวเพื่อน ๆ ตามมาในภายภาคหน้าก็ได้ค่ะ (: