Movie Review Predator: Killer of Killers (2025) ดูสนุกไม่ลุกไปไหนเพราะมันส์เกินคาดอาจเพราะไม่คาดหวังอะไรกับชั่วโมงครึ่งแห่งความตื่นเต้นที่ไอเดียอาจไม่ใหม่แต่รู้ตัวดีว่ามีอะไรมาขาย รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! อาจเพราะผู้เขียนอยู่ในวัยที่สามารถคิดวิเคราะห์แยกแยะอะไรหลายอย่างได้พอควรแล้วเมื่อเจ้าตัวละครตัวร้ายที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งยุคสมัยเป็นไอคอนของโลกภาพยนตร์อย่างเจ้ามนุษย์ต่างดาวเดรดลอกจากหนัง Predator (1987) แน่นอนเดิมทีเจ้าตัวที่ว่านี้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นคู่ต่อกรของพระเอกดังในยุคนั้น Arnold Schwarzenegger ตามธรรมเนียมแต่กลายเป็นว่าตัวมนุษย์ต่างดาวหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวตัวนี้กลายเป็นขโมยหนังมาไว้ในมือ จากนั้นมาก็อย่างที่ทราบคือมีหนังที่ขายเจ้าตัวนี้ออกมาเรื่อยๆที่ความจริงหนังต้นฉบับอาจไม่ใช่หนังคุณภาพมากมายหรือเรียกง่ายๆไม่ใช่หนังดีเด่อะไรแต่มันสนุกเป็นบ้า แถมหนังที่คลอดตามๆกันมาก็ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้คำว่าหนังดีสักเรื่องแถมยังไม่พอบางเรื่องยังเฉียดเข้าใกล้คำว่าห่วยด้วยซ้ำแต่ถ้าถามถึงความสนุกหนังชุดนี้ก็มีดีพอตัว จนวันนี้ผ่านมาแล้วเกือบสี่สิบปีตัวละครนี้ยังโลดแล่นให้แฟนเก่าได้ดูเหมือนเป็นหน้าที่แล้วยังเก็บเกี่ยวแฟนใหม่ไปเมื่อไม่นานจากหนัง Prey (2022) และทำท่าว่าจะบานปลายไปต่อไม่หยุดซะแล้ว ในยุคไวกิ้ง Ursa (Lindsay LaVanchy) พาเหล่าทหารของนางมาเพื่อแก้แค้นและทำสำเร็จเพราะนางใช่โล่คู่กายสังการศัตรูแต่หารู้ไม่ว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งกำลังล่านักสู้ที่แกร่งที่สุดของโลกและคนคนนั้นคือนาง แต่แม้จะด้อยกว่าทกอย่างนางยังสามารถโค่นเจ้าอสุรกายตนนั้นลงได้แต่สุดท้ายนางกลับไปโผล่ในยานอวกาศเหมือนถูกจับมาและหนึ่งในนั้นยังมีบุรุษอีกคนหนึ่ง บุรุษนั้นคือ Kenji (Louis Ozawa) อดีตซามูไรที่กลายมาเป็นนินจาเพราะต้องแตกหักกับน้องชายในการเป็นผู้สืบทอดสำนักจนวันที่เขามาทวงสิทธิ์นั้นคืนการต่อสู้นองเลือดนั้นได้ดึงดูดนักล่าจากต่างดาวมาเป็นคู่ต่อกรและนินจาสามารถโค่นมันลงได้ และในยานอวกาศยังมีทหารอเมริกันอีกหนึ่งนายผู้ที่เป็นนักบินที่ไม่ได้รับการยอมรับจากพวกพ้องแต่เมื่อฝูงบินในสงครามโลกครั้งที่สองของเหล่าสหายต้องถูกยานบินต่างดาวโจมตีผู้ที่พิชิตยานต่างดาวนั้นก็คือเขา Torres (Rick Gonzalez) แล้วทั้งสามก็ต้องมาสู้กันเพื่อเป็นสุดยอดรักรบเพื่อต้องไปต่อสู้กับราชานักล่าจากต่างดาวแล้วใครจะรอดเป็นคนสุดท้าย คงเส้นเรื่องเแบบเดิมๆเพิ่มเติมคือการเล่าถึงสามเรื่องเพื่อมาใส่ความสดใหม่บ้างในตอนสุดท้ายที่อาจง่ายๆแต่จุดขายมันอยู่ตรงนี้ ในหนัง Predator ทุกเรื่องรวมถึงงาน Cross Over เส้นเรื่องก็จะเป็นแบบนี้คือเจ้าเอเลี่ยนนักล่าต้องมาต่อกรกับนักรบที่แกร่งที่สุดแห่งดวงดาวที่มันมาเยือนเพื่อสะสมหัวกะโหลกแห่งชัยชนะเป็นถ้วยรางวัล แล้วเมื่อมาถึงเรื่องนี้ที่ย้อนกลับไปยุคไวกิ้งหรือญี่ปุ่นยุคโบราณซึ่งหลังจากที่สู้กับอินเดียนแดงในยุคบุกเบิกอเมริกาเรื่องแค่นี้ก็ไม่ใช่ปัญหา รวมไปถึงการมาเยือนยุคสงคามโลกครั้งที่สองที่มาพร้อมความใหม่นิดๆกับการรบกลางเวหาระหว่างยานรบต่างดาวกับเครื่องบินสับปะรังเค แน่นอนมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์ในสมองต้องเอาชนะได้สุดท้ายก็นำพาความสดใหม่มาให้เมื่อเอาสามนักรบมาต่อสู้ในถิ่นของพวกมนุษย์ต่างดาวเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดคิดถึง Predators (2010) ไม่ได้อยู่ดีที่มีอะไรมาอ้างอิงเชื่อมโยงของเก่าอย่างปืนโบราณและในตอนสุดท้ายที่เล่นเอาเหวอรวมถึงเปิดทางใหม่ให้ได้ไปต่อกันแบบเนียนๆ แม้เป็นอะนิเมชันก็ยังคงเอกลักษณ์ความโหดเลือดสาดเต็มที่เดินหน้าเข้าหาความมันส์แบบ Non-Stop ใช้เวลาเท่าที่มีอย่างสนุกทุกนาที ในหนัง Predator สิ่งที่เป็นเสมอมาคือความโหดเลือดสาดแขนขาศีรษะขาดกระจายแล้วแม้จะเป็นงานอะนิเมชันกับเรื่องนี้ก็ยังคงเอกลักษณ์นั้นไว้ กับความซื่อตรงที่จะเดินหน้าเขาหาความบันเทิงอัดความมันส์ด้วยการแบ่งเป็นสามเหตุการณ์สามยุคสมัยที่แม้จะเล่าบนเส้นเรื่องเดิมแต่ก็มันส์ถึงใจ แถมการเล่าเรื่องสามเรื่องในเวลาอันจำกัดทำให้ความมันส์มาแบบ Non-Stop เอากันแบบไม่ต้องหยุดพักหายใจจากการสู้กันเองของมนุษย์มาสู่การประหัตประหารกันระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยน ซึ่งทั้งสามเรื่องเล่าก็มาพร้อมความเร้าใจระทึกใจเพราะตั้งใจมาทางนี้แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าในที่สุดมนุษย์จะเป็นฝ่ายชนะตามฟอร์ม ซึ่งแม้จะยังเดิมๆแต่ก็มีความใหม่ที่หวือหวากับฉากรบกลางเวหาที่มีให้มาตื่นเต้นลุ้นว่าเครื่องบินสับปะรังเคจะชนะยานรบเอเลียนทรงพลานุภาพได้ยังไง จนถึงบทสรุปสุดท้ายที่ทั้งสนุกตื่นเต้นลงเอยด้วยความเป็นมนุษย์อย่างสุดมันส์ ขนาดหนังคนแสดงทุกเรื่องยังไม่มีความลึกล้ำหรือมิติเชิงลึกใดจึงคงไม่ต้องคิดหวังอะไรกับงานอนิเมชันที่ตั้งใจส่งลงสตรีมมิ่ง ถ้าจะมีให้ติก็คงจะเป็นเรื่องมิติตัวละครและความรู้สึกทางอารมณ์ร่วมที่ยังไม่มีเพราะเอาจริงหนังออกมามันส์เป็นบ้าก็จริงแต่มันยังเหมือนกับคนดูเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ แต่เมื่อมองความเป็นจริงว่านี่คือหนังอะนิเมชันที่ส่งตรงลงจอสตรีมมิ่งแม้จะเป็นงานกำกับร่วมของ Dan Trachtenberg ผู้กำกับ Prey ก็ตาม แต่ถ้าจะว่ากันแบบไม่เกรงใจคือเอาจริงไอ้มิติเชิงลึกอะไรทำนองนี้เนี่ยอย่าว่าแต่หนังอะนิเมชันเลยหนังคนแสดงที่ผ่านมาที่เป็นหนัง Predator ก็ยังหาทำยายากเลยจึงไม่พึงควรไปคิดหวัง ก็ใช่ที่ใน Prey อาจดูดีขึ้นมากแต่ตั้งแต่อดีตกาลที่ผ่านมาการแสดงของมนุษย์จะไม่ค่อยมีอะไรให้น่าจดจำอยู่แล้ว แล้วเมื่อมาเป็นอะนิเมชันที่เอาจริงก็เกรดบีลบด้วยซ้ำจะมาอะไรกับเรื่องมิติเอาแค่ว่าหนังตั้งใจมาขายของที่ตัวเองรู้ดีว่ามีของมาขายคือความเป็นหนัง Predator ดังนั้นก็อย่าไปแสวงหาความลึกอะไรกับหนังประมาณนี้เอาแค่ความสนุกที่พึงมีก็พอ มันก็หนัง Predator ก็ยังต้องเป็นหนัง Predator วันยังค่ำที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องมาเพื่อบันเทิงแต่เรื่องนี้เมื่อไม่คาดหวังอะไรก็บันเทิงได้อย่างเกินคาด สารภาพว่าสำหรับผู้เขียนแล้วการดูหนังเรื่องนี้เป็นเพราะหน้าที่ล้วนๆเพราะผู้เขียนติดตามเจ้าตัวนี้มาตั้งแต่ภาคแรกที่กลายเป็นความคลาสสิค จากนั้นมาเอาจริงก็ดูทุกเรื่องรวมไปถึงงาน Cross Over กับเจ้า Alien ในนาม AVP ที่เอาตรงๆคือหนังหลายเรื่องยังอาจไม่ใช่หนังดี แต่บางครั้งมนุษย์ก็เป็นซะแบบนี้ที่หนังบางเรื่องอาจไม่ดีเด่ค่อนไปทางแย่แต่มันมีความรักความชอบส่วนตัวและผู้เขียนเป็นแบบนั้นเวลาที่ดูหนัง Predator และกับเรื่องนี้ที่มาเป็นงานอะนิเมชันคั่นเวลาการมาของหนังคนแสดงเรื่องต่อไปหรือไม่อย่างไรก็ไม่ทราบผู้เขียนยังดูสนุก แม้ว่าเอาจริงคือถ้าจะให้ดูซ้ำได้ไม่มีเบื่อก็อาจจะยังเป็นภาคแรกปี 1897 ถัดมาก็ภาค 2 ปี 1990 แต่กับเรื่องอื่นจนถึงเรื่องนี้ยังไม่สามารถทำให้ผู้เขียนดูซ้ำได้ แต่ไม่ว่ายังไงหนังที่เหมือนมาเพื่อคั่นเวลาเรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความสนุกจนหนังคนแสดงบางเรื่องยังอาจต้องอาย ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram predator จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !