รีวิว God's Crooked Lines (เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า) หนังสืบสวนที่ทุกคนไม่ควรพลาด สับขาหลอกไปมาพร้อมกับตอนจบสุดตราตรึง บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ God's Crooked Lines (เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า)ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมาในแนวสืบสวนสอบสวนแบบเต็มขั้น โดยจะติดตามเรื่องราวของ Alice (รับบทโดย Bárbara Lennie) หญิงสาวที่ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง เนื่องจากเธอได้วางยาพิษสามีตัวเองจนถูกส่งมารักษา ทว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่ผู้ป่วย แต่เธอคือนักสืบเอกชนที่แฝงตัวเป็นคนไข้เข้ามาสืบคดีการตายอย่างปริศนาของคนไข้รายหนึ่ง แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่พลิกผัน งานนี้คนดูจึงต้องติดตามและลุ้นกันต่อไปว่าแท้จริงแล้ว Alice เป็นนักสืบจริงๆ หรือเธอเป็นแค่ผู้ป่วยที่พูดโกหกกันแน่ สุดท้ายแล้วความจริงคืออะไรและเรื่องทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง God's Crooked Lines (เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า) รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix (ไม่มีพากย์ไทย)ตัวอย่าง God's Crooked Lines (เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า)รีวิว God's Crooked Lines (เส้นบิดเบี้ยวของพระเจ้า)สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ความรู้สึกหลังจากดูจบคือเกินความคาดหวังไปพอสมควร อาจเป็นเพราะว่าผมชอบหนังสไตล์นี้อยู่แล้ว คือมันมาทางสืบสวนแบบเข้มๆ บวกกับการสับขาหลอกคนดูไปมา อารมณ์คล้ายๆ Shutter Island (2008) ของป๋ามาร์ติน แต่ก็ต้องยอมรับว่า Shutter Island ไปได้สุดทางและเหนือกว่า แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ตราตรึงเท่าแต่มันก็มีดีในหลายส่วนจนคุ้มค่าให้คุณเสียเวลาดู ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่ารีวิวนี้มีสปอยล์แบบจัดเต็ม เพราะอยากพูดถึงในหลายอย่างเลย ดังนั้น ใครยังไม่ดูแนะนำให้ไปลองดูก่อนครับ ค่อยมาอ่าน แต่ผมการันตีได้ว่าไม่ผิดหวังแน่นอน บทของหนังปูมาแบบดีงามมาก เขาใส่ข้อมูลในสมองคนดูตั้งแต่ตอนต้นเรื่องว่านางเอกมีอาการเป็นพวกพูดจริงบ้างพูดโกหกบ้าง อย่าเชื่อทุกอย่างที่เธอพูด ซึ่งแค่เปิดมาแค่นี้ผมก็สนใจแล้ว เพราะอยากรู้ว่ามันจะไปใช้ประโยชน์ได้ตอนไหน จากนั้นเรื่องก็พลิกให้เราไปเชื่อนางเอกว่า เห้ย ที่จริงเธอเป็นนักสืบ มาสืบคดีต่างหาก ไม่ได้ป่วยเลย จากนั้นก็ให้เราเห็นกันว่านางเอกพูดจารู้เรื่องเหมือนคนปกติ และทุกอย่างก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ให้เห็นนางเอกได้รับการทดสอบซึ่งคำตอบก็ค่อนข้างกำกวมแต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเธอไม่ได้ป่วย จากนั้นเธอก็เริ่มสืบคดีแบบจริงจังซึ่งส่วนตัวผมคือไม่ได้ตั้งแง่หรืออะไรกับหนังแต่ต้น ผมปล่อยให้มันพาผมไปเรื่อยๆ ผมเลือกปักใจเชื่อไปตามที่เขาอยากให้เราเชื่อว่านางเอกมาสืบคดี จนกระทั่งช่วงกลางเรื่องที่ผู้อำนวยการโรงบาลกลับมาและบอกว่าไม่รู้จักเธอ ทั้งที่เธอคุยกับเขาก่อนที่จะเข้ามาสืบคดี อันนี้คือการสับขาครั้งแรก แต่มันไม่จบแค่นั้น เพราะตัวหนังได้เพิ่มฉากการวินิจฉัยโรคเข้ามาซึ่งผมชอบมากๆ เพราะเขาหยิบรายงานตอนต้นเรื่องมาอ่านที่บอกว่านางเอกจะชอบพูดโกหกไปเรื่อยๆ ไม่รู้อันไหนเรื่องจริงเรื่องปลอม ต่อด้วยนางเอกแก้ต่างต่อไปว่าเธออาจโดนจัดฉากให้มาโดนขังอยู่ที่นี่ งานนี้คือก็เชื่อได้ไม่เต็มร้อยแล้ว เพราะหนังย้ำกับคนดูเป็นรอบที่ 2 แล้วว่านางเอกชอบพูดโกหก (ถ้าหากเธอบ้าจริง) จากนั้นก็สืบต่อและพลิกอีกรอบในตอนท้ายว่านางเอกอาจจะไม่ได้บ้า อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบคือการที่เขาตัดฉากการฆาตกรรมใส่มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง และหลอกให้ผมเชื่อไปเลยว่าที่ตัดมานั่นคือคดีในอดีตที่นางเอกมาตามสืบ แต่ตอนท้ายกลับกลายเป็นว่ามันคือเรื่องราวของนางเอกเอง หนังมันปั่นหัวเราดีจริงๆ จนช่วงท้ายของหนังราวๆ 20 นาทีสุดท้าย ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติและเหมือนกำลังจะจบแบบสวยๆ ว่านางเอกไม่ได้บ้า แต่เขาดันปิดซีนสุดท้ายที่ทำให้คนดูเหวอกันหมด ซึ่งส่วนนี้ผมยอมรับเลยว่าเขาตัดสินใจถูกมากๆ เพราะหากจบไปแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งมันจะไม่น่าจดจำเลย เขาเลือกด้วยการจบแบบให้เราตั้งคำถามต่อไปว่า นางเอกบ้าหรือไม่บ้ากันแน่? เพราะหลักฐานทุกอย่างก็มีว่านางเป็นนักสืบจริงๆ ดังนั้นนางอาจไม่ได้บ้าและหมอก็เป็นหนึ่งในคนที่รวมหัวกับสามีเธอ หรือแบบที่ 2 คือเธอเป็นนักสืบจริงๆ แต่ก็บ้าและวางยาสามีจริงๆ สุดท้ายแล้วมันจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคน เพราะตัวหนังเขาตั้งใจจบให้เราได้ตั้งคำถามกันต่ออยู่แล้ว นอกจากบทที่อยู่ในเกณฑ์ที่โคตรดีและงานละเอียดแล้ว งานภาพการโปรดักชั่นต่างๆ ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน การแสดงของนักแสดงในเรื่องก็ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะนางเอกที่แบกหนังทั้งเรื่องได้แบบสบายๆ เป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งที่อิ่มเอมจริงๆ ยกให้เป็นหนังสเปนอีกเรื่องที่น่าจดจำมากๆ และอยากให้ทุกคนได้ลองดู อย่างไรก็ตาม รีวิวนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวของผมเท่านั้น ผมชอบก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะชอบ ทางที่ดีคือคุณต้องไปตัดสินมันด้วยตาของตัวเองสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับชื่อเรื่อง: Amsterdam (อัมสเตอร์ดัม) ประเภท: สืบสวนสอบสวน, ระทึกขวัญผู้กำกับ: Oriol Pauloความยาว: 155 นาทีระบบเสียง: เสียงไทยและบรรยายไทยช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รู้จัก+เปิดวาร์ป Jenna Ortega นักแสดงสาวหน้านิ่งจากซีรีส์ Wednesdayรีวิว Connect (2022) หนุ่มฆ่าไม่ตายที่ต้องออกล่าดวงตาหายไปรีวิว Lookism (2022) อนิเมะจากมังฮวาบนเว็บตูนที่ทุกคนไม่ควรพลาด ดูได้ทาง Netflix [มีพากย์ไทย]รีวิว Alchemy of Souls 2 (เล่นแร่แปรวิญญาณ 2) [2 ตอนแรก] การกลับมาที่ยังดีไม่มีแผ่ว แถมนางเอกน่ารักมาก!รีวิว Avatar: The Way of Water (อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ) ภาคต่อที่สมการรอคอย เหนือกว่าภาคแรกในทุกระดับ!เครดิตภาพทั้งหมดจาก Facebook: Warner Bros. Pictures Españaภาพปก: ภาพที่ 1 ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 วิดีโอ: Los renglones torcidos de Dios - Tráiler Oficial จาก Youtube: Warner Bros. Pictures España จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !