เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สนุกมาก ๆ สำหรับซีรีส์เรื่อง “ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change” ซีรีส์จีนแนวย้อนยุค ที่บอกเล่าและนำเสนอถึงการปรับตัวของผู้หญิง across ช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงของจีน ความฝันความสูญเสีย และการฟื้นตัว ที่ขออวยเลยว่าสนุกมาก! เรียกว่าพล็อตดีมาก และในวันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ มาดูซีรีส์เรื่องนี้ผ่านทาง ‘รีวิว ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change (2025) ซีรีส์จีนแนวดราม่าชีวิต’ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ซีรีส์ ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change ซีรีส์ “ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change” บอกเล่าเรื่องราวผ่าน “บ้านสไตล์ตะวันตก ในเขต French Concession” ที่ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราว และเล่าผ่านชีวิตของผู้หญิงสามรุ่น โดยจะไล่เรียงตั้งแต่ยุคก่อนจนถึงยุคปัจจุบัน ยุค 1930s “หลินซื่อหยุน (Lin Siyun)” หญิงสาวที่กลับมาจากต่างประเทศด้วยความฝันที่จะเปิดโรงพยาบาลมารดาแต่สถานการณ์สงครามทำให้ฝันนั้นต้องสะดุด ยุค 1950s โรงพยาบาลถูกดัดแปลงเป็นโรงงานเสื้อผ้า และยังได้ลูกพี่ลูกน้องของหลินซื่อหยุน คือ “อี้อี้ (Yi Yi)” อยากเป็นดีไซเนอร์ แต่เธอต้องเผชิญทั้งปัญหาชีวิตและเรื่องรัก เนื่องจากการเป็นหม้ายของเจ้าหน้าที่ก๊กมินตั๋ง ยุค 1990s บ้านหลังเดิมกลายเป็นโรงแรมหรู “เย่ซีหนิง (Ye Xining)” เธอคือหลานสาวของอี้อี้ ที่กำลังเตรียมจัดงานแต่งเพื่อนสนิท แต่กลับถูกพัวพันในแผนการลับที่ทำให้เธอตกงานและมีหนี้มาก ซึ่งเรื่องราวจะมีการบอกเล่าผ่านการเดินทางของสามรุ่นในรอบ 60 ปี โดยตัวซีรีส์สะท้อนถึง หญิงสาวทั้งสามที่มีความฝัน ที่มาหารเปลี่ยนแปลงไป และยังคงต้องเผชิญและต่อสู้เพื่อชีวิตของตนเองด้วยความกล้าหาญและพลังที่ไม่ยอมแพ้ ในซีรีส์เรื่อง “ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change” จะมีหนึ่งจุดสำคัญเลยคือมีการใช้ “ตัวละครนำหญิง”เป็นศูนย์กลางทั้งสามช่วงเวลา ทำให้คนดูแบบเรา ได้เห็นพัฒนาการของ “บทบาทผู้หญิงในสังคมจีน” จากยุคอนุรักษ์นิยม, สังคมนิยม และทุนนิยมเปิดประเทศ แถมยังได้แทรกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงเข้ากับเรื่องแต่ง เรียกว่าดูแล้วเหมือนได้ฟีลอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนึ่งเลย สำหรับการดำเนินเรื่องของซีรีส์เรื่อง ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change จะมีการใช้โครงสร้างแบบเล่าเรื่องตามยุคสมัย โดยจะแยกออกเป็น 3 ช่วงเวลา ซึ่งเชื่อมโยงกันผ่าน สถานที่เดียวกัน นั่นคือ “บ้านหลังหนึ่งในเซี่ยงไฮ้” และ “สายเลือดของตัวละครหญิงสามรุ่น” มีรูปแบบการดำเนินเรื่อง ที่ไม่ได้เล่าเรียงตามเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่จะมีการตัดสลับไปมา ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เป็นแนวแบบ Flashback เพื่อเปรียบเทียบประสบการณ์ของผู้หญิงแต่ละรุ่น และมี “บ้านหลังหนึ่ง” เป็น “ตัวกลาง” และจุดสำคัญในเรื่องนี้อีกหนึ่งอย่างคือ “การสะท้อนสังคม” แต่ละยุคสะท้อนภาพสังคมจีนจริง ๆ อย่างชัดเจน ยุค 1930s : ชนชั้น ศักดินา สงคราม ยุค 1950s : การเมือง สังคมนิยม อุดมการณ์ ยุค 1990s : เศรษฐกิจเสรี ทุนนิยม และการแข่งขัน โปรดักชันดี งานภาพย้อนยุคสวยงาม มีโทนสีอบอุ่นแต่หม่น ๆ ช่วยเพิ่ม ทำให้คนดูแบบเรามีฟีลแบบอบอุ่น-เศร้าอย่างมีความหวัง และยังช่วยสะท้อนอารมณ์ของช่วงเวลา มีการใช้เทคนิคแสง สี และมุมกล้องช่วยเน้นความรู้สึกของตัวละคร และยังมีจุดโดดเด่นคือการตัดต่อ และเล่าเรื่อง มีการ “ตัดสลับยุคเวลา” อย่างสมูทมาก รวมถึงยังมีฉากย้อนยุคอย่างสวยงาม ทั้งเสื้อผ้า ฉาก และบรรยากาศของแต่ละยุคถูกถ่ายทอดด้วยความประณีตและตรงกับบริบท อย่าง 1930s : คลาสสิก หรูหรา แต่แฝงความกดดันจากสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศ 1950s : ขึงขัง เรียบง่าย แสดงอุดมการณ์ใหม่แบบหนักแน่น! 1990s : คึกคัก สับสน มีทั้งความหวังและความเครียดจากสภาพแวดล้อม และยังมีเรื่องของการออกแบบฉาก & คอสตูม ย้อนยุคได้อย่างประณีต มีเผยทั้ง 3 แบบ ยุค 1930s : โทนสีอบอุ่น สไตล์เซี่ยงไฮ้สมัยสงคราม ยุค 1950s : เครื่องแบบโรงงานเรียบง่าย โทนเทา-แดง ยุค 1990s : เสื้อผ้าสมัยใหม่ผสมความวินเทจแบบประเทศจีน และหนึ่งในจุดแข็งของซีรีส์นี้เลยคือคุณภาพการแสดงของนักแสดงนำ สาวคนแรกคือ “หลินหยุน (Lin Yun)” ที่เธอสามารถแสดงบทบาทของ ‘หลินซื่อหยุน (ยุค 1930s)’ หญิงสาวผู้มีอุดมการณ์จากตะวันตก กลับมาจากต่างประเทศพร้อมความฝันที่จะเปิดโรงพยาบาลสำหรับมารดา สามารถถ่ายทอดความแข็งแกร่งภายนอกและความอ่อนโยนภายในได้อย่างลึกซึ้ง ใช้แววตาและภาษากายได้อย่างโดดเด่น สาว “ถงเหยา (Tong Yao)” รับบทเป็น ‘อี้อี้ (ยุค 1950s)’ หลานสาวของหลินซื่อหยุน ที่ต้องการเป็นดีไซเนอร์แฟชั่นแต่สถานะ แม่ม่ายของเจ้าหน้าที่ก๊กมินตั๋ง ทำให้ต้องเจอกับแรงกดดันมากมาย มีการแสดงโดดเด่นมาก โดยเฉพาะฉากดราม่าทางอารมณ์และความอดกลั้น ทรงพลังมาก “หวังเหอรุ่น (Wang Herun)” รับบทเป็น ‘เย่ซีหนิง (ยุค 1990s)’ หลานสาวของอี้อี้ เธอคือผู้ใช้ชีวิตในยุคจีนเปิดประเทศ เธอเตรียมจัดงานแต่งเพื่อนสนิท แต่กลับถูกหักหลังจากแผนลับจนตกงานและต้องเผชิญหนี้สินมากมายแสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครได้ชัดเจน จากหญิงสาวสดใส มีการสูญเสีย และกลับกลายเป็นความกล้าหาญ พัฒนาการของการแสดงในแต่ละตอนทำให้ผู้ชมเอาใจช่วย เรียกว่าเป็นซีรีส์ที่สนุกมาก มีการสะท้อนประเด็นสังคมการเมือง และบทบาทของผู้หญิงได้อย่างหนักแน่นเวอร์!🩷 จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รีวิว ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change (2025) ซีรีส์จีนแนวดราม่าชีวิต โดยในซีรีส์เรื่อง “ร่องรอยในทรงจำ Footprints of Change” จะมีจำนวน 30 ตอน เริ่มฉายตอนแรกวันที่ 4 กันยายน 2025 ผ่านแพลตฟอร์ม iQiyi เลยค่า~ เครดิตภาพหน้าปก @电视剧足迹 ภาพหน้าปก เครดิตภาพประกอบบทความ @电视剧足迹 ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7 / ภาพที่8 / ภาพที่9 / ภาพที่10 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !