รีวิวหนัง "ตาคลี เจเนซิส Taklee Genesis" และแล้วอาถรรพ์หนังไซไฟก็ถูกลบล้างได้เสียที

นี่ก็คือโปรเจกต์หนังไทยฟอร์มใหญ่ยักษ์ที่ถูกจับตามอง นับตั้งแต่ประกาศสร้างออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะนี่คือความท้าทายครั้งสำคัญที่อาจจะมาเปลี่ยนโฉมหน้าวงการหนังไทย กับการเลือกหยิบจับประเภทหนังไซไฟ ที่มักจะถูกตราหน้าเป็นแนวหนังที่เป็นอาถรรพ์ที่สุดของวงการนี้ แต่การมาของ "ตาคลี เจเนซิส Taklee Genesis" ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและแพสชันที่ยิ่งใหญ่ของผู้สร้าง จึงกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ และกล้าเสี่ยงที่จะลุกขึ้นลบล้างอาถรรพ์นั้น ที่แทบจะยังไม่มีหนังไทยเรื่องไหนล้างคำสาปนี้มานานถึง 30 ปีแล้ว

ตาคลี เจเนซิส เป็นเรื่องราวของ สเตลล่า คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ชีวิตกำลังอยู่ในช่วงพลิกผัน เธอได้รับโทรศัพท์จาก อิษฐ์ เพื่อนสมัยเด็กของเธอ ขอร้องให้สเตลล่ากลับไปดูแลแม่ที่กำลังป่วยหนัก ณ หมู่บ้านดอนหาย สถานที่ที่เธอจากมาตั้งแต่ยังเด็กพร้อมความทรงจำอันเลวร้าย เมื่อเธอเป็นประจักษ์พยานการหายตัวไปอย่างลึกลับของพ่อภายในป่าต้องห้าม แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย

30 ปีต่อมา สเตลล่ากลับบ้านมาพร้อม วาเลน ลูกสาวที่พยายามพิสูจน์ตัวเองกับแม่ของเธอที่ดอนหาย สเตลล่ายังได้เจอกับ จำนูญ หัวหน้าชุมชน และ ก้อง ลูกชายของเขา ซึ่งทั้งคู่ยังมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากเดิมอย่างเหลือเชื่อ และในคืนหนึ่ง สเตลล่าได้รับการติดต่อกลับมาจากพ่อของเธออีกครั้ง ผ่านวิทยุสื่อสารเครื่องเก่า จุดเริ่มต้นการผจญภัยสู่อดีตถึงอนาคตที่กินระยะเวลานับพันปีได้เกิดขึ้น

นับว่าเป็นจังหวะที่ดีที่หนังเรื่องนี้กลายเป็นผลงานครบรอบ 20 ปีในการคร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังไทยของ "มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล" ที่กลายเป็นการเฉลิมฉลองอาชีพนี้ด้วยชิ้นงานที่ยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าเขายังคงรับหน้าที่ดูแลหลาย ๆ ส่วนในแง่งานสร้างของหนังตัวเอง โดยเฉพาะงานกำกับ ร่วมเขียนบทหนัง และดูแลในส่วนของการตัดต่อ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นชิ้นงานที่เขาได้ทุ่มเทเวลาชีวิตช่วงหนึ่งให้กับผลงานนี้ด้วยวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นความทะเยอทะยานแห่งจินตนาการของเขา

เราได้สืบค้นมาว่า ตาคลี เจเนซิส เป็นหนังที่เกิดขึ้นจากแนวคิดข้างในหัวของมะเดี่ยวที่โลดแล่นและพรั่งพรูออกมาเป็นบทหนัง นี่คือแนวคิดโครงสร้างหนังที่เขาพยายามปลุกปั้นและเขียนบทแบบไม่หยุดตลอดช่วง 2-3 ปี กลายเป็นแนวคิดที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะเกิดขึ้นได้จริงในวงการหนังไทย ที่ต้องทำการตัดแต่งและปรุงรสชาติอยู่หลายครั้ง กว่าจะออกมาเป็นบทหนังที่ออกมาเป็นภาพยนตร์อย่างถ่องแท้ ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่เป็นผลงานอีกเรื่องที่ได้ทำการสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นในวงการหนังไทย

ถึงแม้ว่าท่วงท่าในการเล่าเรื่องของ ตาคลี เจเนซิส จะยังค่อนข้างเจอส่วนที่ติด ๆ ขัด ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ต้องรับเลยว่านี่คือบทหนังไทยที่ค่อนข้างแข็งแรงเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีมาเลย เส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ชัดเจนดี เจตนารมณ์และการกำกับทิศทางของเรื่องค่อนข้างเด่นชัดเช่นเดียวกัน จึงทำให้การร้อยเรียงเรื่องราวความไซไฟปล่อยไหลไปเรื่อย ๆ กับห้วงเวลาที่เอื้ออำนวยในการเล่าออกมาในรูปแบบหนัง

นี่คือหนังขนาดความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่อาจจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ จนอยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเป็นฉบับตัดต่อดั้งเดิมที่มีความยาวมากกว่า 3 ชั่วโมง จนยิ่งเติมเต็มความสมบูรณ์กว่านี้ได้หรือเปล่า เพราะเอาเขาจริง ๆ ช่วงเวลาที่หนังลำเลียงออกมา บางทีอาจจะยังไม่เพียงพอในการขยำเรื่องราวออกมาได้อย่างครบถ้วน บางทีก็อาจจะรู้สึกว่าการสร้างเสน่ห์ในคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ในหนังยังคงค่อนถูกบีบรัดด้วยเวลาไปสักหน่อย ทำให้องค์ประกอบนี้ยังจัดจ้านไม่ค่อยเพียงพอ

และไฮไลต์ที่ทำให้เกิดอาการน้ำตาคลอไประหว่างชมหนังเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นเทคนิคงานสร้างหนังไซไฟที่เฉียบขาดมาก ๆ จากฝีมือของค่าย FATCAT ตามที่กล่าวไปแล้วว่านี่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการหนังไทยจริง ๆ ยังไม่เคยมีหนังไทยเรื่องนี้ลงรายละเอียดยิบยับในองค์ประกอบงานสร้างได้เท่ากับหนังเรื่องนี้เลย งานซีจีที่ใช้เวลากว่า 2 ปีในการพิถีพิถันทำออกมาอย่างดี ตอบโจทย์ออกมาเป็นหนังที่ทำถึงและไม่มีจังหวะไหนที่ดูถูกคนดูเลยสักนิด นับว่าเป็นพาร์ทที่ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ รู้สึกประทับใจและภาคภูมิใจในฝีมือนักสร้างหนังคนไทย ที่ถ้ามีแรงสนับสนุนที่เพียงพอก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครเช่นกัน

ทางด้านพาร์ททางการแสดง ก็ต้องยอมรับว่าเหล่าทีมนักแสดงนำก็ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างไหลลื่น แม้ว่าตัวหนังจะประสบปัญหากับการสร้างเสน่ห์ในแต่ละคาแรกเตอร์อยู่ กับบทสนทนาและสำเนียงที่ยังฝืนไปหน่อย "พอลล่า เทย์เลอร์" ที่อาจจะต้องมาลับคมนิดหน่อยในการหวนกลับมาแสดงหนังในรอบ 10 ปี เธอยังคงทำออกมาได้คล่อง กับสำเนียงและการสื่อสารที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่นเดียวกับ "ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล" ที่มาช่วยประคองบทบาทเอาไว้ดี ถึงน้ำหนักแต่ละซีนต่าง ๆ ของเขาจะไม่ได้หนักแน่นมาก

แต่ดีเฉิดฉายสุด ๆ ก็ต้องยกให้ "วอร์ วนรัตน์" ที่เป็นอีกครั้งที่เขาได้มีโอกาสและเวทีในการปล่อยพลังทางการแสดง มากับบทบาทที่เข้ากับตัวเขาได้อย่างเหมาะเจาะ และกล้องในหนังก็ดูจะรักเขาจริง ๆ ยิ่งมาเข้าฉากต่อบทกับ "วิทย์ ภูธฤทธิ์" กลายเป็นว่าคู่นี้ได้ผสมโรงทางการแสดงออกมาได้น่าพึงพอใจ ขณะที่สาวน้อย "น้องนีน่า ณัฐชา" ก็ยังโชว์ศักยภาพเป็นดาราเด็กลูกครึ่งที่ฝีมือจัดจ้านจริง ๆ ชั่วโมงบินทางการแสดงของเธอมีแค่ไม่กี่ปี แต่ก็ก้าวกระโดดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะต้องสวมบทบาทไหนก็ตาม

เมื่อว่าถึงภาพรวมแล้วนั้น ตาคลี เจเนซิส ก็จัดได้ว่าเป็นหนังไทยที่สามารถก้าวขึ้นมาเพื่อลบล้างอาถรรพ์หนังไซไฟของเมืองไทยได้อย่างสำเร็จแล้ว นี่คือหนังที่เรารอคอยมานานแสนนาน นับตั้งแต่ กาเหว่าที่บางเพลง เมื่อปี 2537 กลายเป็นความทะเยอทะยานบนความเสี่ยงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างประทับใจ นี่คือหนังไทยที่จะมาสร้างประสบการณ์ทางภาพยนตร์ให้คนไทยได้อย่างครบทุกอรรถรส แค่ได้นั่งดูงานสร้างไซไฟตระการของหนังเรื่องนี้ก็เรียกว่าคุ้มค่าตั๋วแล้ว

ตาคลี เจเนซิส ยังเป็นหนังที่มีบทหนังที่ค่อนข้างแข็งแรง โดยเฉพาะข้อความที่สอดแทรกเอาไว้ในเนื้อเรื่องที่ยังเต็มไปด้วยอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของความเป็นมะเดี่ยว ชูเกียรติ บทหนังที่สะท้อนถึงความถึงในสังคมบางอย่าง แอบเสียดสีประเด็นทางสังคมและการเมืองแบบแสบ ๆ คัน ๆ เล็กน้อย ถึงแม้ว่าบรรดาข้อมูลทางด้านไซไฟต่าง ๆ จะประดาประดังเข้ามาจนเกือบจะจับใจความไม่ทันก็ตาม แต่ความมั่นคงในคอนเซ็ปต์ของหนังก็แจ่มแจ้งได้ดี นับเป็นหนังที่มาปลดแอกปฏิวัติวงการอีกครั้งในรอบปีนี้เลย