Movie ReviewAlienoid: Return to the Future วายร้ายเอเลี่ยน 2 (2024)สุดจัดชัดเจนที่จะมาบันเทิงแล้วก็บันเทิงสมใจสานต่อและสรุปได้สนุกลงตัวที่อาจดูรั่วๆแต่ไม่มั่วนะจ๊ะเมื่อตอนที่ผู้เขียนเห็นใบปิดของหนังเรื่องนี้ภาคแรกเมื่อไม่นานที่ผ่านมาสารภาพว่าสงสัยไม่หายว่าเรื่องราวจะออกมาเพี้ยนได้แค่ไหนที่วัยรุ่นข้างบ้านเรียกว่ากาว เพราะมีทั้งคนในชุดโบราณยุคจอมยุทธสู้กันด้วยวิชากำลังภายในแต่ก็มีบางคนถือปืนซะงั้น แต่ก็มีฉากในยุคปัจจุบันแถมด้วยยานอวกาศและเอเลี่ยนที่ความจริงการจับเอาเอเลี่ยนไปเยือนอดีตก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่จะผูกเรื่องยังไงเท่านั้น กระนั้นหนังก็มีความน่าสนใจสูงเพราะเป็นหนังรวมดาราชนิดที่ว่าถ้าเป็นคนชอบดูคอนเทนต์เกาหลีต้องตาลุกวาวที่นำโดยขวัญใจผู้เขียนคิมแทรี ร่วมด้วยรยูจุนยอลกับคิมอูบินแถมด้วยโซจีซบที่มาเป็นแถวหน้าสมทบด้วยระดับอีฮานีที่ก็ระดับนางเอกและยอมจองอาเรียกได้ว่ารวมเอาเหล่ายอดฝีมือมาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน ทว่าเมือได้ดูเป็นที่เรียบร้อยหนังกลับไม่กาวอย่างที่คิดแม้จะเหมือนไม่น่าจะถูไถไปได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกสองยุคเอาง่ายคือเหมือนจะมั่วแต่กลับเป็นการร้อยเรียงเรื่องราวได้อย่างเป็นระบบระเบียบ ทำให้หนังออกมาสนุกแบบตั้งใจมาให้สนุกโดยไม่มีอะไรเคลือบแฝงจนมาวันนี้ที่ได้ดูบทสรุปเสียทีที่คงต้องอกว่าสมการรอคอยหลังจากไล่ล่าและต่อสู้กับเอเลี่ยนผู้บัญชาการ (โซจีซบ) เพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโลกเพื่อปลดปล่อยนักโทษเอเลี่ยนจนหลุดทะลุเวลาไปยังยุคโบราณจนการ์ด (คิมอูบิน) ต้องสละชีพไป หญิงสาวปริศนาที่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าคืออีอัน (คิมแทรี) ต้องตามหาดาบศักดิ์สิทธ์จนไปพัวพันกับลัทธิใหญ่ที่มีเอเลี่ยนยึดร่างของผู้นำไว้แถมยังมีนักพรตจอมเห่ยอย่างมูรึก (รยูจุนยอล) ที่ตามพัวพันอีกด้วย ทางด้านยุคปัจจุบันที่ย้อนกลับมาเล่าเรื่องระหว่างที่การ์ดต่อสู้กับเอเลี่ยนผู้บัญชาการมินแกอิน (อีฮานี) เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ตามจับคนร้ายก็ได้เข้ามาพัวพัน ระหว่างนั้นในขณะที่เวลาในโลกปัจจุบันยังเดินไปไม่เท่าไหร่สถานการณ์การต่อสู้แย่งชิงดาบศักดิ์สิทธิ์ที่จะช่วยโลกให้พ้นภัยก็ทะลุกลับมายังโลกปัจจุบันโดยพกพาเอาเหล่าจอมยุทธ์จากยุคโบราณหลุดมาด้วย ซึ่งประกอบไปด้วยอีอัน,มูรึก,สองผู้วิเศษ (ยอมจองอากับโจอูจิน) แล้วมาร่วมมือกับมินแกอินที่สืบทอดวิชาและอาวุธมาจากจอมยุทธ์นึงพา (จินซอนคยู) เพื่อยับยั้งแผนการร้ายของพวกเอเลี่ยนและจะต้องช่วยโลกเอาไว้ให้จงได้ยังสืบทอดเจตนาเหมือนจะรั่วๆมั่วๆไม่น่าจะเข้ากันได้แต่เรื่องราวถูกร้อยเรียงไว้อย่างเรียบร้อย เมื่อภาคแรกมาในความเหมือนจะรั่วๆมั่วๆเพราะเอาหลายสิ่งอย่างสารพัดมัดผสมปนเปกันทั้งอดีตปัจจุบันเอเลี่ยนเวทย์มนต์ไซไฟปนแฟนตาซีมีดราม่าเล็กน้อยแต่การวางโครงเรื่องกลับแน่นหนานั่นคือจัดระเบียบสิ่งที่น่าจะมั่วไว้ได้อย่างเรียบร้อย แล้วภาคแรกก็ไม่ต่างจากการเล่าเรื่องสองส่วนในรูปประโยคคือประธานกับกริยาเพื่อทิ้งท้ายให้ค้นหากรรมคือบทสรุปเรื่องราวในภาคสอง ทำให้ในภาคสองก็ต้องสืบทอดเจตนาในการร้อยเรียงความน่าจะมั่วให้เป็นระเบียบและถ้านับกันที่ภาคนี้ก็เรียบร้อยดีไม่มีเลอะเทอะ เพราะเรื่องมีจุดหมายชัดในการเดินหน้าไปสู่บทสรุปที่อาจเหมือนหนังแนวนี้ทั่วไปคือการกู้โลกจากภัยคุกคามของมนุษย์ต่างดาวโดยมนุษย์ เพียงแต่หนังพาดทับหลายสิ่งอย่างเกินไปเลยทำให้เหมือนจะมั่วนั่นเองแต่การเขียนบทสามารถจัดการร้อยเรียงได้อย่างเข้าใจง่ายไม่มีความซับซ้อนให้ระทมกบาลใดๆ ทำให้เป็นหนังที่ดูง่ายทั้งที่มันไม่ควรง่ายเพราะผสานกันหลายเรื่องไปจนเป็นหนังกำลังภายในไซไฟแฟนตาซีได้อย่างลงตัวเอาเข้าไปสิเมื่อเป็นการสานต่อยำหม้อใหญ่ก็ต้องยำกันต่อไปที่เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อเป็นความบันเทิงล้วนๆ แน่นอนเมื่อหยิบจับเอาหลายสิ่งหลายแนวมายำรวมกันลูกเล่นก็เหมือนจับเอามายำกันเป็นยำรวมหม้อใหญ่ทั้งความเป็นหนังกำลังภายในดีๆสักเรื่องหรือจะเป็นแอ็กชันไซไฟหรือจะเป็นงานแฟนตาซีเวทมนต์และงานแนวข้ามยุคข้ามเวลา แต่ที่ต้องชื่นชมคือเจตนาในการมาเพื่อเป็นความบันเทิงแท้ๆแบบสุดขั้วโดยไม่ต้องไปแฝงอะไรไว้ให้มากความดราม่ามีบ้างแต่ก็เป็นส่วนผสมเป็นผงชูรสที่ทำให้ยำในหม้อรสชาดดีขึ้น แล้วเมื่อบทหนังได้จัดระเบียบความต่างของแนวทางที่หลากหลายเล่านั้นได้ดีลูกเล่นต่างๆที่ใส่เข้ามาจึงเป็นจังหวะที่ดีตามไปทั้งในความเป็นหนังกำลังภายในที่ถวิลหา ส่วนความตื่นเต้นเร้าใจในตอนท้ายก็อาจเคยเห็นมาในหนังไซไฟเอเลี่ยนบุกโลกที่ผสมโรงกับหนังแนวข้ามเวลาจนทำให้ในความสนุกความลุ้นความมันส์มีความบันเทิงแบบฮาๆมาด้วยเพราะไม่ลืมที่จะหยิบเอาจุเด่นของงานแนวต่างๆที่อยู่ในหม้อยำมาใช้ ผลที่ได้จึงเป็นความบันเทิงที่สั่งได้คือดูสนุกได้ดั่งใจโดยไม่ต้องไปพะวงว่าดราม่าจะมาทำให้เสียเรื่อง ถ้าว่ากันที่เป็นบทสรุปจากจุดที่ค้างคาก็คือจบอย่างน่าพอใจสนุกตื่นเต้นตื่นตาแม้ว่าซีจีจะไม่เต็มร้อย เมื่อได้ดูจุดเริ่มต้นและและการต่อสู้แล้วทิ้งท้ายให้อยากรู้บทสรุปที่จะว่าไปในภาคแรกที่เป็นช่วงปูก็มีอะไรที่ย้วยบ้างเล็กน้อย แต่พอมาภาคสองนี้เมื่อไม่มีอะไรให้ปูแล้วก็เข้าสู่การเดินหน้าสานต่อเรื่องราวเต็มที่โดยที่ย้อนกลับไปรื้อฟื้นความจำกันเล็กน้อยพอเป็นกระสาย จากนั้นก็เดินหน้ากันไปอย่างเมามันไม่รีรอแต่ก็มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบาที่เข้าทีทำให้ไม่เหนื่อยล้ากับการเดินหน้าไปด้วยความพยายามเร้าหัวใจคนดูนานๆแบบนั้น ทั้งยังมีการตัดสลับย้อนกลับมาเล่าปัจจุบันกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่สัมพันธ์กันทำให้การเชื่อมต่อเรื่องราวทำได้ดีเพราะถ้าลองนึกถึงภาคแรกระหว่างดูก็ยังเป็นเรื่องเดียวกันที่ถูกหั่นที่สองในสามแล้วส่วนที่สามแยกมาเล่าต่างหากด้วยความบันเทิงเต็มที่กว่า กระนั้นเมื่อเป็นการหยิบจับเอานู่นนี่นั่นมามากมายแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันสิ่งที่ตามมาคือไม่ไม่มีอะไรเหนือกว่าการคาดเดายกเว้นเรื่องหนึ่งที่ใครมันจะไปคิด นั่นหมายความว่าเป็นบทสรุปที่น่าพอใจหลังจากที่ค้างคามานานพอดูแม้ว่าซีจีจะลอยๆไปบ้างก็ไม่เป็นไรการพยายามให้นักแสดงได้มีเวลาของตัวเองที่ได้ผลเพราะทุกคนสามารถมีเวลาที่ดีบนจอแม้ว่าเวลาอาจไม่เท่ากัน เมื่อได้นักแสดงแถวหน้ามารวมกันในหนังสักเรื่องสิ่งที่ปวดหัวหนักคงจะเป็นการเกลี่ยบทให้แต่ละคนมีเวลาที่ดีบนจอเพราะหนังบางเรื่องแค่ดูดาราก็คุ้มแล้วและหนังเรื่องนี้ก็จัดอยู่ในกลุ่มนั้น เพราะนักแสดงอย่างคิมแทรี,รยูจุนยอลหรือคิมอูบินต่างก็มีเอฟซีรอดูอยู่ไม่น้อยไปกว่ากัน กระนั้นเมื่อเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องตัดมาเป็นสองภาคความเด่นอาจไม่เท่ากันแต่เอาตามตรงคือมาตรฐานนักแสดงเกาหลีสำหรับบทหนังที่ไม่ได้เน้นมิติเชิงลึกทางตัวละครมากแบบเรื่องนี้ก็เหมือนขนมหวานที่ละลายในปากสำหรับการแสดง สิ่งที่ต้องเป็นคือเสน่ห์ที่เอามาช่วยยกระดับด้วยพลังดาราซึ่งเรื่องนี้จัดว่าใช้ได้คุ้มค่าทุกหยาดเหงื่อแรงงานของนักแสดง นั่นเพราะไม่ว่าจะมาแบบไหนหนังสามารถพาคนดูไปข้างหน้าอย่างสนุกเหมือนกับพวกเขามาเล่นสนุกในหนังที่เน้นซีจีและงานเทคนิคแบบนี้ ทำให้ทั้งสามคนที่ว่ามาและทั้งอีฮานี,จินซอนคยู,โจอูจินและยอมจองอาต่างมีเวลาที่ดีบนจอแม้กระทั่งโซจีซบที่บทอาจจะน้อยในภาคนี้แต่ก็เป็นที่จดจำดูสนุกดูเพลินถ้าไม่ดูภาคแรกมาก็น่าจะยังรู้เรื่องแต่ควรดูภาคแรกมาก่อนจึงจะสนุกได้เต็มที่ ถ้านับกันที่ภาคนี้เพียวๆผู้เขียนคิดว่าสนุกกว่าภาคแรกเหตุผลคือภาคนี้คือการเดินหน้าไปหาบทสรุปโดยไม่ต้องเล่าเรื่องเพื่อปูทาง นั่นคือย้อนแค่พองามแล้วเดินหน้าไปอย่างเมามันทำให้เป็นความบันเทิงที่เอนจอยกว่าเพราะภาคที่แล้วยังมีบ้างที่เนือยๆแต่ภาคนี้ไม่ ส่วนถ้าใครที่ไม่ได้ดูภาคแรกมาถ้าเลือกดูภาคนี้เลยก็ยังสนุกเพราะไม่ใช่หนังที่ต้องทำความเข้าใจนั่นคือเปิดมาก็ตั้งท่าเอาสนุกเรียบร้อย แต่ถ้าให้ดีก็ควรดูภาคแรกมาก่อนดีกรีความสนุกจะเพิ่มขึ้นเพราะได้รู้รายละเอียดเงื่อนปมและแรงจูงใจ แล้วถ้าคิดด้วยการเอาสองภาคมาต่อกันก็ยังเห็นเป็นหนังเรื่องเดียวที่ถูกหั่นเพราะทุกอย่างยังคงชัดเจนจุดหมายที่จะไปก็ยังแน่วแน่ ที่สำคัญนี่คือหนังที่ตั้งใจมาเป็นความบันเทิงเต็มที่ที่ไม่ต้องคิดมากอะไรเพราะเอาแค่จอมยุทธและผู้วิเศษใช้เวทมนต์มาสู้กับเอเลี่ยนในยุคปัจจุบันมันก็บ้าพอแล้ว ที่เจ๋งคือดูทรงแล้วน่าจะชวนงงแต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับเป็นหนังที่ดูง่ายตั้งใจมาให้คนดูดูสนุกแล้วก็สนุกสมใจหรือถ้าจะดูดาราก็เป็นความคุ้มค่าแบบสุดจัดชัดเจนดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram cjenmmovie อ่านบทความของภาคแรกได้ที่นี่ https://entertainment.trueid.net/detail/l4ZvXOA271R4เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !