ทำเลดี ราคาได้ มีผีทุกตารางเมตร คุณจะอยู่มั้ย ?32 malasana street (ประเทศสเปน) ได้ฉายาว่า "ถนนแห่งความตาย" ภาพยนตร์กระตุกขวัญที่เพิ่งออกโรงมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา สร้างความขนหัวลุกชวนผวาให้ผู้ชมเป็นอย่างมาก และพบกับคดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจริงและกลายมาเป็นเเรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้คดีที่เคยเกิดขึ้นจริงและนำมาสร้างเป็นหนัง 32 malasana street (ย่านผีอยู่)สเปนคือหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสิ่งลี้ลับ คำสาบ หรือมนต์ดำ ที่เหล่าคอหนังสยองขวัญต้องเคยได้ยินถึงกิติศักดิ์ความน่ากลัวและความโหดของเหล่าวิญญาณที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ณ สถานที่แห่งนี้ จนถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนที่ต้องคำสาบมากกว่าร้อยปี ไม่เว้นแม้แต่ย่านศิวิไลอย่างมาลาซานญ่าในกรุงมาดริด ที่เต็มไปด้วยอาคารทรงโบราณที่ดูงดงามแปลกตา แต่ใครจะไปคิดล่ะครับ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ กลับซ่อนเรื่องราวชวนสยองขวัญเอาไว้ณ Antonio Grilo หรือฉายาที่ถูกเรียกขานกันว่า ถนนสีดำแห่งความตาย ย้อนกลับไปในช่วงปี 1945 ซึ่งเป็นยุคกลางหลังจากที่สเปนเปิดพรมแดนให้ชาวฝรั่งเศสอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน และส่งผลให้ถนน Antonio Grilo ย่านมาลาซานญ่า กลายเป็นแหล่งการค้าขนาดใหญ่ แต่กลับเสื่อมโทรมลงด้วยคดีอาชญากรรมมากมายรวมไปถึงคดีฆาตกรรมสุดโหดหลายร้อยคดีคดีแรกคือ สารกัดกร่อน ในปี 1909 หญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปี เธอป่วยเป็นอัมพาต ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หมายเลขสามบนถนนAntonio Grilo ย่านมาลาซานญ่า หลังจากที่เธอพบว่าผู้เป็นสามีได้หนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับหญิงสาวสวย เธอจึงบันดาลโทสะด้วยการสาดกรดกำมะถันใส่หญิงสาวคนนั้น จนใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นถูกน้ำกรดกัดกร่อนจนไม่เหลือเค้าโครงแห่งความงามอีกต่อไปคดีถัดมาคือ ฆาตกรรมช่างตัดเสื้อ ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 1945 ได้มีการพบศพช่างตัดเสื้อฝีมือดีคนหนึ่งในสภาพนอนพิงผนังพร้อมแผลฉกรรจ์บริเวณหัว ในมืออีกข้างหนึ่งมีกระจุกผมของใครบางคนที่ถูกเขากระชาก แล้วกำเอาไว้แน่น โดยหนังสือพิมพ์รายงานข่าวว่า ช่างตัดเสื้อคนนี้ถูกฆาตกรรมด้วยการถูกค้อนหรือกระบองตีเข้าที่หัว แต่สิ่งที่น่าพิศวงต่อผู้คนก็คือ ศพของเขาถูกพบในอพาร์ทเม้นท์หมายเลขสาม ซึ่งประตูปิดตายจากข้างใน แถมไม่มีรอยงัดแงะแต่อย่างใด และจากหลักฐานกระจุกผมในมือของศพ มันแสดงให้เห็นว่าเกิดการต่อสู้เอาชีวิตรอดของเขากับฆาตกร แต่สภาพห้องกลับไร้ร่องรอยการต่อสู้คดีนี้จึงกลายเป็นคดีปริศนาที่ยากจะตามหาฆาตกร จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณสามปี จึงได้มีการพบศพชายคนนึง ที่มีลักษณะการตายคล้ายชายหนุ่มช่างตัดเสื้อคนนี้ทุกประการคดีที่สาม วิปริต ฆาตกรรมโม เรือนสยองขวัญนี้เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 1 พฤศภาคม ปี 1962 เมื่อช่างตัดเสื้อวัยสี่สิบแปด มีนามว่า "โคเซ่" ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์หมายเลขสาม ชั้นสาม ได้กระทำการลงมือสังหารภรรยาวัยสี่สิบปี และลูก ๆ ทั้งห้าของเขาทีละคนด้วยค้อน ปืน และมีดทำครัว จากนั้นเขาอุ้มศพลูก ๆ ของเขาไปที่ระเบียง และตะโกนร้องดังว่าฉันคือฆาตกร ฉันรักพวกเขามาก ฉันฆ่าพวกเขาทั้งหมด และพวกเราจะยังอยู่ที่นี่ตลอดไปแม้ว่าตำรวจจะพาบาทหลวงมาเพื่อเกลี้ยกล่อมจากด้านนอกอาคาร แต่กลับไม่เป็นผล โคเซ่ตะโกนกลับออกมาว่า พระเจ้าไม่เคยใยดีกับพวกเราเลยสักนิด จากนั้นช่างตัดเสื้อก็ใช้ปืนปิดชีวิตตัวเองท่ามกลางสายตาประชาชนที่มุงดูมากมายคดีที่สี่คือ ศพเด็ก วันที่ 10 เมษายน ปี 1964 ได้เกิดคดีที่ต้องทำให้ชาวมาดริด อกสั่นขวัญหายอีกครั้ง เมื่อฟินล่า หญิงสาววัยยี่สิบปี ผู้อาศัยอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอพาร์ตเมนต์หมายเลขสาม ได้แอบคลอดลูกเองที่บ้าน และได้ตัดสินใจฆาตกรรมลูกของตัวเองด้วยการกดน้ำ เพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด ความอับอาย และการถูกปฏิเสธจากสังคมในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว จากนั้นเธอก็ทำการห่อศพทารกด้วยผ้าและซ่อนเอาไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง สองวันถัดมา พี่สาวของเธอได้กลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรงโชยออกมา และเมื่อตามกลิ่นปริศนานั้นไป ก็ได้พบกับศพเด็กทารกที่ได้ซ่อนเอาไว้อย่างน่าอนาถใจ โดยคดีทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงแค่ส่วนนึงในเรื่องเล่าสยองขวัญของถนนแห่งความตาย ดินแดนต้องคำสาบในย่านมาลาซานญ่า และหากลองสังเกตดี ๆ เราจะพบเบาะแสบางอย่างที่ชวนให้ขวัญผวา เพราะทุก ๆ จุดเชื่อมโยงคดีทั้งหมดก็คืออพาร์ทเม้นท์หมายเลขสาม คดีที่ไม่มีใครทราบถึงสาเหตุและยังคงเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้ในประเทศสเปน และก็ได้มีการสร้างฝันร้ายอีกครั้งในเรื่องภาพยนตร์ 32 malasana street ขอบคุณประกอบทั้งหมดจาก : mongkol major YouTube / mongkol major Facebook / IMDb #32malasanastreet #ย่านผีอยู่ #มีผีทุกตารางเมตร #ย้อนคดีจริง #ประเทศสเปน