Short CommentIshiko and Haneo: You're Suing Me? อิชิโกะกับฮาเนโอะ: จะฟ้องร้องด้วยเรื่องแบบนั้นเหรอ? (2022)ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากแล้วแปลงเรื่องยากนั้นให้เป็นเรื่องง่ายได้สนุกลื่นไหลเข้มข้นถึงใจถึงอารมณ์บ่อยครั้งที่หัวใจอยู่เหนือสมองที่เชื่อว่าท่านผู้อ่านทุกท่านก็เคยเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อุทิศชีวิตให้กับการดูหนังและซีรีส์ เพราะบางครั้งสมองสั่งให้ดูเรื่องหนึ่งด้วยหน้าหนังหน้าเสื่อที่น่าดูแต่เมื่อมีอีกเรื่องหนึ่งที่หน้าหนังหน้าเสื่ออาจมีไม่เท่าแต่หัวใจกลับทรยศสมอง เหตุผลนั้นเชื่อว่าทุกคนก็เป็นนั่นเพราะนักแสดงที่ชื่นชอบหรือที่รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทนรักโดยไม่มีเงื่อนไขพร้อมที่จะมอบความรักให้ด้วยการติดตามผลงาน ซึ่งถ้าว่ากันถึงความรักแบบนี้ผู้เขียนอาจกลายเป็นคนหลายใจเพราะมอบความรักให้หลายคนและหนึ่งในนั้นก็คือคนนี้ที่ทำให้หัวใจขัดขืนสมองในการเลือกดูละครญี่ปุ่นเรื่องนี้ก่อนเรื่องอื่นว่ากันทีหลัง เธอคนนั้นคือคาสุมิ อาริมุระที่นับตั้งแต่ตกหลุมรักนัยน์ตาเศร้าๆของเธอจาก Cafe Funiculi Funicula (2018) ก็ไม่มีอะไรมากั้นขวางความรักที่มีให้เพราะเมื่อเห็นงานแสดงของเธอออกมาเมื่อไหร่หัวใจจะขัดขืนสมองด้วยการติดตามดูทุกเรื่องไม่ว่าหนังหรือซีรีส์ ซึ่งการดูเรื่องนี้ที่ความจริงไม่ได้คาดหวังมากมายขอให้ได้ดูคาสุมิจังเท่านั้นแต่พอดูแล้วกลายเป็นว่าเจอของดีที่ไม่ควรพลาดเข้าให้นี่คือเรื่องราวของคนสองคน หนึ่งคือโชโกะ อิชิดะ (คาสุมิ อาริมุระ) หญิงสาวที่ทั้งเก่งและฉลาดแม่นในข้อกฏหมายแต่ดันสอบเนติบัณฑิตไม่ผ่านถึงสี่รอบ อีกหนึ่งคือโยชิโอะ ฮาเนโอกะ (โทโมยะ นากามูระ) ทนายที่ก้ำกึ่งระหว่างความเก่งกับกากแต่ที่แน่ๆคือเหมือนหลงตัวเองขี้เก๊กและกวนบาทาไม่น้อย แล้วสองคนต้องมาพบกันในการไกล่เกลี่ยคดีที่โยชิโอะไม่เข้าตาโชโกะที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยทนายอย่างที่สุดกับความเป็นเขา แต่กลับต้องมาร่วมมือกันเพราะโยชิโอะเข้ามาทำงานในสำนักงานทนายความของพ่อของโชโกะเพื่อการรับทำคดีที่...เอ่อเหมือนเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่นร้านค้าที่ฟ้องลูกค้าที่ชาร์จโทรศัพท์ในร้านงี้หรือแม่ที่ฟ้องขอเงินที่ลูกซื้อไอเทมในเกมออนไลน์ทางโทรศัพท์คืนงี้หรือไปเป็นทนายของรัฐให้กับผู้ทำความผิดเรื่องลิขสิทธิ์ด้วยการทำคลิปสปอยล์หนังงี้และอีกหลายคดี ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเป็นคดีหรือต้องขึ้นโรงขึ้นศาลแต่มันก็เป็นไปแล้วและด้วยความที่ทั้งสองคนไม่ต่างจากน้ำกับน้ำมันฟาดงวงฟาดงาใส่กันตลอด แล้วทั้งคู่จะทำคดีให้ชนะหรือผ่านมันไปยังไงนะเมื่อคนหนึ่งกวนมาก็กวนกลับเอาเรื่องง่ายๆไม่น่าจะเป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องยากแล้วแปลงเรื่องยากนั้นให้เป็นเรื่องง่ายอีกทีด้วยความลื่นไหล ถ้าว่ากันที่แต่ละคดีที่หนึ่งทนายจอมกวนกับผู้ช่วยที่มากวนทนายอีกทีต้องเจออาจจะมองได้ว่าเป็นเรื่องง่ายๆเป็นเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องพื้นฐานที่เกิดขึ้นได้ในสังคมและสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยปานตื่นเช้าต้องแปรงฟันด้วยซ้ำ แน่นอนก่อนจะดูเรื่องนี้ไม่มีใครคิดหรอกว่าไอ้เรื่องแค่นี้เนี่ยนะมาเป็นคดีแต่บทละครก็ทำให้มันเป็นไปแล้วด้วยการทำเรื่องง่ายๆที่ว่านี่มาทำให้เป็นคดีที่ก็จัดการยากเพราะเรื่องกฎหมายไม่มีใครรู้ถ่องแท้นอกจากคนที่มีอาชีพทางนั้น แล้วเมื่อเรื่องมันยากมีอะไรมากมายมาพัวพันทั้งคู่กรณีทั้งพยานเยอะแยะยุ่บยั่บไปหมดบทละครก็จัดการเอาความยากนั้นมาเล่าให้เข้าใจง่ายไม่เล่นท่ายากต่อให้ต้องท่องตัวบทกฎหมายก็ยังไม่ยากเพราะย้อนกลับมาหาจุดเดิมคือมันคือเรื่องพื้นฐานที่ไม่คิดว่าจะเป็นคดี แล้วที่ทำได้ดีคือความลื่นไหลที่ไปเร็วด้วยการใส่ความสามารถพิเศษให้โยชิโอะมีความจำเป็นรูปถ่ายทำให้การคลี่คลายข้อพิพาทเป็นไปอย่างสนุกไม่ต่างจากซีรีส์สืบสวนดีๆสักเรื่องได้เลยเล่าเรื่องซอยย่อยเป็นตอนโดยซ่อนแกนกลางไว้ในเรื่องความสัมพันธ์โดยเรื่องย่อยและเบื้องหลังประสานกันได้ดี เช่นเดิมตามขนบของละครโทรทัศน์ญี่ปุ่นที่คุ้นเคยคือการซอยเรื่องย่อยให้เป็นตอนละคดีที่จบในตอนที่ซ่อนปมไว้ให้เคลียร์กันในบั้นปลาย ซึ่งต้องชื่นชมคือการเดินทางผ่านไปแต่ละคดีมีพัฒนาการให้เห็นว่าการทำคดีที่ผ่านมาส่งผลกับมิติทางใจเพราะแต่ละคดีใช่ว่าจะมีแค่ข้อพิพาทธรรมดาที่ต้องจัดการด้วยกฎหมาย กลับกันกลับเต็มไปด้วยมิติทางหัวใจที่อาบชโลมอยู่ข้างหลังทุกคดีที่เห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ว่า และสิ่งที่เหมือนตั้งใจมาบอกคือเรื่องความสัมพันธ์ทั้งในครอบครัวและสังคมที่หากมีมิติทางหัวใจที่มองกว้างมองลึกอีกสักนิดข้อพิพาทเล็กๆไม่น่าจะเป็นเรื่องก็คงไม่เกิด หรือเรียกง่ายๆว่าลดความเห็นแก่ตัวลงสักหน่อยสังคมก็น่าอยู่ขึ้นแล้วใช้สิ่งนี้สะท้อนกลับมาหาเรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัวที่อยู่เบื้องหลังเพราะสองคนทั้งอิชิโกะกับฮาเนโอะต่างก็มีปมของใครของมันที่รอให้คลาย จึงเป็นการประสานกันดีระหว่างเรื่องเบื้องหน้าที่เข้มข้นในเวลาอันจำกัดกับเรื่องเบื้องหลังที่กินใจทั้งเรื่องย่อยเรื่องใหญ่เรื่องหลัก ทำให้มาหมดทุกอารมณ์ครบทุกอย่างโดยไม่พยายามขยี้ตามแนวทางของละครญี่ปุ่นที่ยังถึงใจถึงอารมณ์ยอดเยี่ยมในการกระตุกสังคมให้หันมามองเรื่องเล็กน้อยที่ผลกระทบอาจไม่น้อยตามด้วยเรื่องเคยๆคือเจตนารมณ์ของกฎหมาย เพราะนี่คือการเอากฎหมายมาขายขำพร้อมขยำรวมกันด้วยความลึกซึ้งกินใจให้เห็นทั้งสองด้านของนิติธรรมกับมโนธรรมตามสูตร กระนั้นความยอดเยี่ยมคือการกระตุกให้สังคมหันมามองเรื่องเล็กน้อยที่ถ้าไม่จัดการดีๆก็อาจจะไม่น้อยกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวอย่างที่แต่ละตอนในเรื่องนี้ได้บอกเล่า แน่นอนเมื่อเล่าเรื่องที่เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยเป็นเรื่องที่คนตัวเล็กตัวน้อยต้องเผชิญมันก็คือการเปิดหน้าท้าดวลกันระหว่างเจตนารมณ์ของกฎหมายกับผู้ใช้กฏหมายที่ในที่นี้คือชนชั้นที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกระดับ ที่ฉลาดคือไม่เล่นเรื่องของอำนาจรัฐแต่เล่นในเรื่องของความรู้และไม่รู้กฎหมายขอชนชั้นชาวบ้านที่เรื่องเล็กน้อยก็ต้องมีที่ปรึกษาคือทนาย สุดท้ายเจตนารมณ์ของกฎหมายคืออะไรก็คือการมีกฎหมายคือความต้องการให้คนที่มีอำนาจและคนที่ไม่มีอำนาจได้อยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม ซึ่งมันคือมุมมองของญี่ปุ่นที่ลึกซึ้งไปอีกแบบหลังจากได้เห็นจากที่อื่นมาบ้างแล้วทำให้เรื่องที่อาจดูขำๆแต่คมคายอย่างน่าทึ่งเคมีของนักแสดงสองคนที่เข้ากันดีมีพัฒนาการทั้งที่ไม่มีเรื่องความรักมาเจือปนแต่มีดีที่ความกวนและปั่นกันเอง คงไม่เกินเลยไปถ้าจะบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือเคมีของนักแสดงทั้งพระเอกนางเอกที่เป็นพระเอกนางเอกที่ไม่มีมิติเรื่องความรักมาเจือปนเลย เพราะทั้งคาสุมิ อาริมุระและโทโมยะ นากามูระแสดงกันอย่างมันส์ประสานงานประสานงากันอย่างสนุกที่ไม่ใช่เรื่องพ่อแง่แม่งอนแต่เป็นเรื่องของมุมมองที่ต่างกัน ทำให้บางครั้งอาจดูเหมือนทะเลาะกันไม่เข้าใจกันกวนกันปั่นหัวกันแขวะกันด้วยคำพูดกิริยาสายตาและภาษากายแต่ทุกอย่างเป็นธรรมชาติและขำได้ตลอด คือรู้ว่าไม่ได้เกลียดกันแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ในที่สุดก็จะเข้าใจกันและกันแล้วทั้งหมดมาจากเรื่องานไม่มีเรื่องความรักเลย อาจมีเรื่องส่วนตัวบ้างคือเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อที่ต่างฝ่ายต่างเป็นภาพสะท้อนของกันและกันและทุกอย่างไหลลื่นดูสนุกมีพัฒนาการ แล้วยังได้ตัวสอดแทรกที่มีเรื่องของหัวใจมาเล็กๆจากเออิจิ อาคาโสะแต่ดันกลายเป็นก้างขวางคอให้สองคู่หูทีมทนายจอมกวนซะงั้น ยิ่งได้ดนตรีและซาวด์ที่เหมาะเหม็งสมกับเป็นงานแนวกฎหมายยิ่งทำให้ละสายตาไม่ได้เลยก็ใช่ที่ "คาสุมิ อาริมุระ" ทำให้เรื่องนี้น่าดูแต่เมื่อดูไปกลับเป็นความสนุกเพลิดเพลินระดับเอบวก แน่นอนคาสุมิ อาริมุระคือแรงดึงดูดสายตาทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้เช่นเดิมและนั่นคือความน่าดู แต่เมื่อดูไปเรื่อยๆด้วยความที่เล่าเรื่องออกมาเบาสมองขายขำด้วยเรื่องที่เหมือนจะต้องเจอหรือเคยเจอกับตัวเองทำให้เหมือนมีส่วนร่วม สิ่งที่ตามมาคือความเพลิดเพลินในการดูแต่ละเรื่องที่การเล่าเรื่องก็ครบถ้วนทุกอย่างในเวลาหนึ่งตอนเสียด้วยเพราะอยากให้มีอารมณ์แบบไหนก็จัดมาได้ทุกตอน เพราะเรื่องทุกเรื่องจะมีเบื้องหลังที่ไม่คาดคิดเสมอแล้วยิ่งการเล่าเรื่องที่ไม่ต้องมีชั้นเชิงเล่าเรื่องไปตรงๆง่ายๆคือการสืบหาหนทางชนะคดีเพื่อที่จะคลายปมที่อยู่หลังทุกเรื่องราวที่แม้ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยน่าจะเป็นเรื่องแต่ทุกเรื่องจะมีมิติเชิงลึกที่จับต้องได้ ที่เยี่ยมคือการไม่พยายามบดบี้อารมณ์ด้วยการขยี้ดราม่าซึ่งเป็นข้อดีของงานจากญี่ปุ่นเสมอมา ทำให้เรื่องนี้ที่ทีแรกดูเพราะคาสุมิ อาริมุระแต่ด้วยเนื้อหาที่จับใจประกอบกับนักแสดงเล่นกันอย่างมันส์ลื่นไหลทำให้เป็นงานที่สนุกเกินคาดและไม่อยากให้พลาดเพราะแม้จะเป็นเรื่องง่ายๆแต่เป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนต้องรู้ดูไปบ่นไปของคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram ishiko.to.haneo_tbs ถ้าคุณชอบ "คาสุมิ อาริมุระ" คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/akeWJ2Pmv0Y5https://entertainment.trueid.net/detail/4mKVjWRrRLQ7https://entertainment.trueid.net/detail/0lyAWbv7OBJlhttps://entertainment.trueid.net/detail/O18oj0brLjXK จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !