ช่วงที่ผ่านมา หนังระทึกขวัญที่มีพลอตว่าด้วย "ข้อห้าม" กำลังกลายเป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Don't Breathe ที่ว่าด้วยการห้ามหายใจ ,A Quiet Place ที่ว่าด้วยการห้ามส่งเสียง และBird Box ที่ว่าด้วยการห้ามมองเห็น ล่าสุดสำหรับ Into the Night ซีรีส์สัญชาติเบลเยี่ยมที่มาพร้อมพลอต "ข้อห้าม" สุดน่าสนใจอีกเรื่องที่กำลังฉายบน Netflix ที่ครั้งนี้กฏข้อห้ามก็คือ "ห้ามถูกแสงอาทิตย์!!"โดยซีรีส์จะว่าด้วยเรื่องราวของเครื่องบินลำหนึ่ง ที่ระหว่างที่เครื่องกำลังจะขึ้น ก็ได้ถูกนายทหารชาวอิตาลีคนหนึ่งได้ถือปืนบุกเข้ามาข่มขู่คนในเครื่อง พร้อมบอกให้กัปตันเครื่องบินนำเครื่องขึ้นโดยด่วน ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น เนื่องจากว่าตอนนี้โลกได้เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่มนุษย์คนไหนที่ถูกแสงอาทิตย์จะต้องตาย ทางเดียวที่จะสามารถเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ครั้งนี้ คือการขับเครื่องบินเดินทางไปยังฝั่งทิศตะวันตก แต่ทว่าเงื่อนไขการเอาชีวิตรอดในครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อทุกคนบนเครื่องบินต่างเต็มไปด้วยความลับ และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่เป็นใจ การเอาชีวิตท่ามกลางเครื่องบินหนึ่งลำ ท่ามกลางกลุ่มคนแปลกหน้าก็ได้เริ่มขึ้นตัวซีรีส์เรียกได้ว่ามาพร้อมสูตรสำเร็จของหนังแนวระทึกขวญ เอาชีวิตรอด ที่ตลอดเนื้อหาของซีรีส์จะเป็นการพาคนดูไปร่วมลุ้น เอาชีวิตรอดของเหล่าตัวละคร ที่แต่ละคนล้วนแต่มีที่มาที่ไปที่แตกต่างกันไป ซึ่งในแง่ของความสนุก ความน่าติดตามของซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้สนุกเข้มข้น และบริหารระยะเวลา และทุนของซีรีส์มาใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าทุกนาที ไม่ว่าจะเป็นการปูความสัมพันธ์ และที่มาที่ไปตัวละครที่รวบรัด และการใส่สถานการณ์ให้ได้ลุ้นในแต่ละตอนจนแทบไม่มีช่วงให้คนดูได้พักหายใจ ด้วยความยาวเพียง 6 EP. ความยาวเพียง EP. ละ 30-40 นาที ที่ผู้ขมสามารถดูรวดเดียวจบได้ไม่ยากสำหรับการดำเนินเรื่องของ Into the Night จะไม่ได้เป็นหนังภัยพิบัติ เน้นซีจียิ่งใหญ่อลังการเหมือนหนังระทึกขวัญฟอร์มยักษ์เรื่องอื่น ๆ ตัวซีรีส์จะเป็นการเน้นพูดถึงการเมือง การสะท้อนจิตใจมนุษย์ที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ แทน โดยเนื้อหาของซีรีส์ได้สร้างเหตุการณ์ต่าง ๆ ในแต่ละ EP. ของซีรีส์ จะว่าด้วยการแก้ปัญหา และหาทางเอาชีวิตรอดของกลุ่มคนในเครื่องบิน ในขณะเดียวกันบรรดาตัวละครแต่ละตัวบนเครื่องบิน ก็ค่อย ๆ เผยความลับอันดำมืดของตัวเองออกมา ซึ่งความบันเทิงหลักของซีรีส์เรื่องนี้ คือการเห็นคนกลุ่มหนึ่งวางแผนที่จะเอาชีวิตรอดจากหายนะที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดมากมายอีกส่วนที่น่าชื่นชม และทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ เข้มข้น จนอดที่จะกดดูต่อไม่ได้ คือการทำหน้าที่ของทีมนักแสดงนำ ที่สามารถถ่ายทอดบทบาท แต่ละคาแรคเตอร์ได้เป็นอย่างดี โดยซีรีส์ได้มีการเฉลี่ยบทบาทให้แต่ละตัวละครออกมาได้อย่างลงตัว ด้านนักแสดงนำแต่ละคนในเรื่องเองก็สามารถทำหน้าที่ตัวเองได้ดีเยี่ยม ด้วยการช่วยกันแบกซีรีส์เรื่องนี้ให้ไปถึงฝั่งอย่างเท่าเทียมกัน และสามารถสร้างสีสัน ความสนุกให้กับซีรีส์แบบที่แทบไม่จำเป็นต้องพึ่งงานโปรดักชั่นฟอร์มยักษ์ หรือฉากแอคชั่นไล่ล่าใด ๆอย่างไรก็ตาม Into the Night ก็ยังมีจุดด้อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หนังแนวนี้มักประสบกัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคาแรคเตอร์ของตัวละครที่ยังขาดความชัดเจนของที่มาที่ไป ที่ชัดเจนของบางตัวละคร รวมถึงเงื่อนไขการเอาชีวิตรอดที่ดูเป็นนามธรรมจน มากกว่ารูปธรรม อาจด้วยเนื่องจากทุนการสร้างที่จำกัดทำให้ตลอดทั้งเรื่องหนังแทบไม่ยอมเผยให้เราได้เห็นฉากการตายจากแสงอาทิตย์ให้เราได้เห็น หรือการถ่ายทอดความวินาศสันตะโรแต่อย่างใด พร้อมทั้งยังสร้างสรรค์ฉากในความมืดเท่านั้น ทำให้แทนที่หนังจะสามารถทำให้คนดูรู้สึกหวาดกลัวแสงแดด ไปกับตัวละครได้เหมือนหนังแนวนี้เรื่องอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดหนังก็ล้มเหลวในส่วนนี้ จนทำให้ความหลากหลาย ความสมบูรณ์แบบในฐานะซีรีส์เอาชีวิตรอดในเรื่องนี้ดูดรอปลงไปอย่างน่าเสียดายโดยรวม Into the Night ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานหนังที่มาพร้อมกฏข้อห้าม สูตรสำเร็จที่ทำออกมาได้สนุก ชวนลุ้น ตลอด 6 EP. ของซีรีส์ แม้ว่าซีรีส์จะไม่ได้มาพร้อมฉายภัยพิบัติฟอร์มยักษ์ แต่ซีรีส์ก็สามารถทำได้ดีในแง่ของการเป็นซีรีส์เอาชีวิตรอด ที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ผ่านตัวละครได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังจบแบบทิ้งท้ายให้คนดูได้ลุ้นว่าเราอาจจะได้ดูซีซั่นที่ 2 ในเร็ว ๆ นี้สามารถรับชม Into the Night บน Netflix ผ่านกล่อง True-id ได้แล้ววันนี้ Cr. ภาพประกอบ และภาพหน้าปก https://www.netflix.com/title/81008221