ในช่วงเวลาที่จักรวาลภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่าง Marvel Cinematic Universe หรือ 'MCU' กำลังเตรียมตัวก้าวเข้าสู่บทสรุปของมหากาพย์สงครามครั้งใหม่ใน "The Multiverse Saga" บัดนี้ เมื่อเรื่องราวของ 'Phase 5' ได้ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ด้วยซีรีส์ Ironheart (2025) กับฮีโร่หญิงเกราะเหล็กหน้าใหม่ พร้อมกันนั้น จักรวาล MCU ก็ได้เปิดม่านเข้าสู่เฟสใหม่อย่างเป็นทางการกับ 'Phase 6' ด้วยภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ครอบครัวเรื่องแรกของจักรวาล The Fantastic Four: First Steps (2025) ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวอันอบอุ่นของสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยเคมีเฉพาะตัว สร้างความสดใหม่ให้กับจักรวาล MCU และเตรียมตัวผู้ชมให้พร้อมสำหรับสงครามครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! MCU Phase 5 ได้เริ่มต้นการเดินทางอย่างเป็นทางการในปี 2023 ด้วยภาพยนตร์เปิดเฟสอย่าง Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) จนเมื่อมาถึงปี 2024 และ 2025 MCU Phase 5 ก็ได้ก้าวเข้าสู่ช่วงกลางและท้ายของเฟสที่เต็มไปด้วยการปรับทิศทางของจักรวาลครั้งใหญ่ และพร้อมปรับปรุงคุณภาพครั้งสำคัญ เพื่อยกระดับความเดิมพันของเรื่องราวให้สูงขึ้น เราจึงได้เห็นผลงานที่กล้าแหวกแนวแบบสุดโต่งจาก Marvel Studios กับการกลับมาของแอนตี้ฮีโร่ขวัญใจแฟน ๆ อย่าง Deadpool & Wolverine (2024) ที่ผสมผสานความดิบเถื่อนกับอารมณ์ขันแบบไม่เกรงใจใคร และผลงานสุดยิ่งใหญ่จาก Marvel Television กับการฟื้นคืนชีพฮีโร่ปีศาจแห่ง Hell's Kitchen ที่แฟน ๆ หลายคนทั่วโลกต่างรอคอยมานานแสนนานอย่าง Daredevil: Born Again (2025) ที่มาพร้อมกับเรื่องราวใหม่ที่เข้มข้นขึ้นและลึกซึ้งขึ้นยิ่งกว่าเดิม บทความ [Part] ก่อนหน้า MCU PHASE 5 [Part One]: จุดเริ่มต้นของสงครามแห่งมัลติเวิร์ส ด้วยเรื่องราวอันหลากหลายและเชื่อมโยงกันในจักรวาล MCU ทุกการกระทำของตัวละครล้วนมีผลกระทบต่อภาพรวม และกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ปูทางสู่อนาคตของจักรวาล ซึ่งหลังจากบทความ [Part] ก่อนหน้าพาผู้อ่านไปทบทวนภาพรวมของ MCU Phase 5 ในช่วงปี 2023 กลับมาในบทความ [Part] นี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เราจะย้อนกลับไปทบทวนภาพรวมของ MCU Phase 5 โดยเฉพาะผลงานในช่วงกลางถึงท้ายเฟสของ MCU Phase 5 ในช่วงปี 2024-2025 นับตั้งแต่ซีรีส์ Echo (2024) ที่ฉายแสงให้กับตัวละครใหม่ ไปจนถึงซีรีส์บทสุดท้ายของเฟส Ironheart (2025) พร้อมกับวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่คาดว่าจะส่งผลไปยังเรื่องราวในเฟสถัดไป และอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญสู่มหาสงครามครั้งใหญ่ใน The Multiverse Saga จุดกำเนิดชีวิตฮีโร่ระดับท้องถนน - Echo (2024) https://pbs.twimg.com/media/GStO1cFWsAEldRr?format=jpg&name=900x900 "You and I...are the same. So...who's the monster?" (เธอกับฉัน...เราเหมือนกัน แล้ว...ใครล่ะเป็นอสูร?) - Wilson Fisk - หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในซีรีส์ Hawkeye (2021) นักแสดงชาวอเมริกันพื้นเมือง Alaqua Cox กลับมารับบทเป็น Maya Lopez นักสู้หญิงหูหนวกผู้มีเชื้อสายชนพื้นเมืองอเมริกัน และอดีตหัวหน้ากลุ่ม Tracksuit Mafia ในซีรีส์เดี่ยวของเธอ 'Echo' กับการเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนและคุณค่าของตัวเธอเอง เมื่อ Maya Lopez ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดในชุมชนชนเผ่า Choctaw ที่เมืองโอคลาโฮมา ณ ที่นั่น เธอต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เชื่อมโยงกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมของเธอ และโอบรับความหมายของครอบครัวและมรดกที่สืบทอดต่อกันมา ทว่าสิ่งที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลังก็ยังคงตามติดกลับมาเป็นภัยคุกคาม ทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับ Wilson Fisk/Kingpin (Vincent D'Onofrio) คุณลุงของเธอ ผู้ที่เธอเคยคิดว่าได้ปลิดชีพเขาไปแล้วด้วยมือของเธอเอง นอกจากจะเป็นซีรีส์ภาคแยกจาก Hawkeye (2021) แล้ว อีกหนึ่งความพิเศษของซีรีส์ Echo คือ การเป็นซีรีส์เรื่องแรกของ Marvel Studios ที่ได้รับเรท TV-MA (ซึ่งเทียบเท่าได้กับ R-Rated ในฉบับภาพยนตร์) พร้อมทั้งเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ถูกนำเสนอภายใต้แบนเนอร์ 'Marvel Spotlight' เพื่อแสดงให้เห็นว่า นี่เป็นเรื่องราวที่มีความเป็นเอกเทศ เน้นไปที่ตัวละครเป็นหลัก และไม่ได้เชื่อมโยงหรือส่งผลกระทบต่อจักรวาล MCU มากนัก ซึ่งหนึ่งในแง่มุมที่ทำให้ Echo น่าสนใจ ก็คงจะหนีไม่พ้นการนำเสนอทางวัฒนธรรมผ่านเรื่องราวที่ติดดินและมีความสมจริงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการนำเอาองค์ประกอบจากมรดกของชนพื้นเมืองอเมริกันมาผสมผสานให้เข้ากับเรื่องราวได้อย่างกลมกลืน ก่อให้เกิดการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงเป็นการเปิดเส้นทางสู่เรื่องราวของฮีโร่ระดับท้องถนนที่น่าตื่นเต้นและหลากหลายมากขึ้นในอนาคตของ MCU เส้นทางใหม่ของ 'Echo' | 'Echo' Just Goes Beyond A Street-level Hero https://pbs.twimg.com/media/GDrFSVwbAAAHezx?format=jpg&name=900x900 แม้ว่ากระแสของซีรีส์ Echo จะเรียบง่าย และอาจไม่หวือหวาเท่ากับซีรีส์เรื่องอื่น ๆ แต่เรื่องราวของ Maya Lopez ก็กำลังถูกปูทางไปสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่ในจักรวาล MCU จากอดีตหัวหน้าแก๊งมาเฟีย นักสู้หญิงหูหนวกผู้ไม่มีพลังพิเศษ สู่การอัปเกรดพลังครั้งใหญ่ของเธอ โดยในซีรีส์ Maya ได้ค้นพบว่าเธอสามารถใช้พลังความสามารถของบรรพบุรุษจากเผ่า Choctaw ที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง ความทนทาน หรือแม้แต่ความสามารถในการรักษาผู้อื่น ซึ่งด้วยพลังใหม่ที่เธอได้รับนี้เอง ทำให้ Maya กลายเป็นฮีโร่หน้าใหม่ที่มีพลังพิเศษเฉพาะตัว และอาจส่งผลให้เธอมีบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในอนาคตของ MCU แผนการสุดยิ่งใหญ่ของ 'Kingpin' | Kingpin's New Master Plan Is About To Begin https://pbs.twimg.com/media/GDxJPuabkAAjtjv?format=jpg&name=900x900 ความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่าง Maya Lopez และ Wilson Fisk ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ ที่ซึ่งได้รับการขยายความเพิ่มเติมมาจากซีรีส์ Hawkeye (2021) และหากยังจำกันได้ ในฉากกลางเครดิตของซีรีส์ Echo ได้แอบบอกใบ้ถึงแผนการใหม่ที่อาจส่งผลต่ออนาคตของ MCU อย่างมีนัยสำคัญ นั่นคือ การลงสมัครเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนิวยอร์กคนใหม่ของ Wilson Fisk สัญญาณทั้งหมดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่กำลังจะตามมาใน Daredevil: Born Again (2025) ซึ่งจะเป็นซีรีส์ที่สานต่อเรื่องราวของศาลเตี้ยปีศาจ Daredevil โดยจะดัดแปลงเรื่องราวมาจากส่วนหนึ่งในอีเว้นท์ที่ยิ่งใหญ่จากหน้าคอมมิคอย่าง Devil's Reign กับการก้าวขึ้นสู่อำนาจของ Wilson Fisk ที่ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอำนาจของเมือง แต่ยังทำให้ชีวิตของเหล่าฮีโร่และศาลเตี้ยใน MCU ต้องเผชิญกับอุปสรรคที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น การกลับมาของคู่ซี้(?)ออกผจญภัยกอบกู้ไทม์ไลน์ - Deadpool & Wolverine (2024) https://pbs.twimg.com/media/GLxYAHeaIAAsUCo?format=jpg&name=900x900 Deadpool: "Let's f****** go!" (ลุยแม่งไปเลย!) Wolverine: "Let's f****** go." (ลุยแม่งไปเลย) นักแสดงสุดกวน Ryan Reynolds กลับมารับบทเป็นตัวละครแอนตี้ฮีโร่สุดโคตรจะใช่ของเขา Deadpool พร้อมชักชวนเพื่อนสนิท Hugh Jackman ให้กลับมารับบทบาทสุดไอคอนิกอย่าง Wolverine อีกครั้งในภาพยนตร์คู่หูข้ามจักรวาลฟอร์มยักษ์แห่งปี 'Deadpool & Wolverine' เมื่อชีวิตพลเรือนอันสงบสุขของ Wade Wilson/Deadpool ถูกขัดขวางโดยองค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA และจักรวาลของเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามครั้งใหญ่ เขาจึงต้องออกตามหาเพื่อนเก่าตัวแปรใหม่อย่าง Wolverine ให้มาร่วมทำภารกิจปกป้องจักรวาลครั้งสำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการผจญภัยที่โคตรบ้าระห่ำ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของ MCU ไปตลอดกาล ยังคงยืนยันได้เต็มปากว่า "คุณจะไม่ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย" กับการกลับมาครั้งที่สามของแฟรนไชส์ Deadpool ที่ครั้งนี้ขอกระโดดโลดโผดข้ามจักรวาลมายังบ้านใหม่ใน MCU อย่างเต็มตัว หลังจากที่ Disney เข้าซื้อกิจการของ 20th Century Fox มาเมื่อปี 2019 ส่งผลให้ Deadpool & Wolverine กลายเป็นภาพยนตร์จากโลกของ X-Men เรื่องแรกที่ Marvel Studios รับหน้าที่เป็นผู้ผลิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งถึงแม้เรื่องราวการผจญภัยข้ามจักรวาลของ Deadpool และเพื่อนซี้อาจจะดูไม่ได้ซับซ้อนนัก แต่สิ่งที่อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยมเลย ก็คือ จิตวิญญาณของแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ความมันส์ ความเกรียนแสบสันต์ และมุกตลกขบขันในแบบที่มีแต่ Deadpool และ Wolverine เท่านั้นที่ทำได้ แถมครั้งนี้ยังได้มอบมิติของตัวละครที่ลึกซึ่งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ พร้อมด้วยบรรดาตัวละครลับ Cameo ที่ปรากฏตัวกันแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว ทั้ง ***(สปอย)***, ***(สปอย)***, ***(สปอย)*** ที่ต่างออกมาสร้างโมเมนต์อันน่าจดจำ และทำให้เหล่าแฟน ๆ พันธุ์แท้ของ Marvel ต้องร้องว้าว!กันลั่นโรงเลยทีเดียว บทบาทของสองตัวละครสุดไอคอนิก | Deadpool & Wolverine Are Back! https://pbs.twimg.com/media/GjOuVM3XIAA9Jt4?format=jpg&name=900x900 แน่นอนว่า หนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ Deadpool & Wolverine มีความน่าตื่นเต้นมากขึ้นเป็นเท่าตัว คือ การกลับมาขึ้นจอพร้อมกันอีกครั้งของสองนักแสดงขวัญใจแฟน ๆ อย่าง Ryan Reynolds ในบทบาททหารรับจ้างจอมกวน Wade Wilson/Deadpool และเพื่อนซี้ของเขา Hugh Jackman ในบทบาทสุดไอคอนิกอย่าง Logan/Wolverine และเคมีอันยอดเยี่ยมระหว่างทั้งสองก็กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์อย่างไม่ต้องสงสัย จากเรื่องราวใน Deadpool & Wolverine ยังทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า บทบาทของฮีโร่ทั้งสองอาจมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของมัลติเวิร์ส โดยเฉพาะ Wolverine ที่ถูกยกให้เป็น 'Anchor Being' ตัวตนผู้ยึดเหนี่ยวสมดุลของจักรวาลไม่ให้พังทลาย และ Deadpool ผู้ที่สามารถกอบกู้จักรวาลของตนไว้ได้ อีกทั้งยังรับรู้ถึงการมีอยู่ขององค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA และเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ (Earth-616) ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหาก Marvel Studios จะวางแผนอนาคตครั้งใหญ่ไว้ให้กับทั้ง Deadpool และ Wolverine โดยเฉพาะในสองภาคใหม่ของภาพยนตร์รวมทีม Avengers ที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง Avengers: Doomsday นั้นก็มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะมีการปรากฏตัวของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ X-Men จากอีกจักรวาลหนึ่งด้วย เป็นไปได้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างทีม Avengers จากจักรวาลหลัก MCU และทีมฮีโร่มนุษย์กลายพันธุ์ X-Men จากจักรวาลใหม่จะนำไปสู่ความขัดแย้งอันเข้มข้น และผู้ที่อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนชะตาของทั้งสองฝั่ง อาจไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Deadpool และ Wolverine ก็เป็นได้ 'TVA' โฉมใหม่ | 'TVA' Now Has A New Mission https://x.com/deadpoolmovie/status/1819766414133317929 องค์กรควบคุมเส้นเวลา TVA กลับมามีบทบาทอีกครั้ง หลังจากที่เริ่มมีการปรับโฉมใหม่ในตอนจบของซีรีส์ LOKI Season 2 (2023) โดยภารกิจล่าสุดขององค์กร TVA ตอนนี้ คือ การเฝ้าระวังและตรวจสอบความเป็นไปของมัลติเวิร์สทั้งหมด ซึ่งใน Deadpool & Wolverine ก็ได้มีการแนะนำตัวละครใหม่อย่าง Mr. Paradox (Matthew Macfadyen) เจ้าหน้าที่ TVA ผู้รับผิดชอบการตรวจสอบจักรวาลของ Deadpool หรือ Earth-10005 และแม้ว่าการกระทำของเขาจะขัดแย้งกับแนวทางใหม่ขององค์กร แต่ในภาพยนตร์ก็เผยให้เห็นว่า ตอนนี้บทบาทของ TVA จะมีความสำคัญมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมแน่นอน ภายใต้การนำของหนึ่งในผู้บริหารคนใหม่อย่าง Hunter B-15 (Wunmi Mosaku) กับการเป็นปราการด่านแรกในการตรวจจับความผิดปกติในมัลติเวิร์ส พร้อมทั้งหาทางป้องกันและขอความช่วยเหลือจากฮีโร่ทั่วจักรวาล เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่อาจสั่นคลอนโครงสร้างของทั้งมัลติเวิร์ส จักรวาลซุปเปอร์ฮีโร่ของ Fox | Fox's Marvel Universe Is Saved In The Multiverse https://x.com/deadpoolmovie/status/1822680492141154401 อย่างที่ทราบกันดี ภารกิจหลักของ Deadpool ใน Deadpool & Wolverine คือ การกอบกู้จักรวาลที่กำลังจะตายของเขา จากน้ำมือของ Mr. Paradox ผู้ที่ต้องการจะเร่งเวลาให้จักรวาลนั้นล่มสลายแทนที่จะปล่อยให้มันค่อย ๆ จางหายไป ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการที่ Wolverine ตัวละครสำคัญของจักรวาลได้เสียชีวิตลงในตอนจบของ Logan (2017) ซึ่งการสูญเสีย Anchor Being อย่าง Wolverine นั้นส่งผลให้จักรวาลดังกล่าวค่อย ๆ สูญสลายไปทีละน้อย สะท้อนให้เห็นถึงสถานะของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Marvel ของค่าย 20th Century Fox ในขณะนั้น ที่หลังจากภาพยนตร์ Logan (2017) ออกฉายไป แฟรนไชส์ก็ดูเหมือนไร้จุดหมายและขาดความทรงพลังไปค่อนข้างเยอะ จนกระทั่งเมื่อ Disney เข้าซื้อค่าย 20th Century Fox และ Deadpool & Wolverine ก็กลายเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกจากโลก X-Men ที่ผลิตโดย Marvel Studios นั่นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญว่าทำไม Deadpool & Wolverine จึงเปรียบเสมือนดั่งจดหมายรักที่ส่งถึงแฟน ๆ ที่ผูกพันกับตัวละครและเรื่องราวในจักรวาลภาพยนตร์ของ Fox มาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่มนุษย์กลายพันธ์ุจากแฟรนไชส์ X-Men ไปจนถึงเหล่าตัวละครซุปเปอร์ฮีโร่ระดับตำนานจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะฮีโร่มนุษย์ไฟ Johnny Storm/Human Torch จากทีมสี่พลังคนกายสิทธิ์, นักฆ่าสาว Elektra Natchios และนักล่าแวมไพร์ Blade ที่เราได้เห็นนักแสดงเจ้าของบทเดิม ได้แก่ Chris Evans จาก Fantastic Four (2005) และ Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer (2007), Jennifer Garner จาก Daredevil (2003) และ Elektra (2005) และ Wesley Snipes จากไตรภาค Blade (1998-2004) กลับมารับบทเดิมอีกครั้งในรอบ 20 ปี การกลับมาของตัวละครเหล่านี้ล้วนตอกย้ำว่า จักรวาลซุปเปอร์ฮีโร่ของ Fox ยังคงมีตัวตนอยู่ในฐานะส่วนหนึ่งของมัลติเวิร์สอันกว้างใหญ่ ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้ทุกตัวละครในอดีตได้หวนกลับมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ MCU กันได้อีกครั้ง ออกเดินทางสู่ถนนแห่งแม่มด - Agatha All Along (2024) "I'm gonna walk the witches’ road." (ฉันจะท่องถนนแม่มด) - Agatha Harkness - แม่มดจอมปั่นประสาท Agatha Harkness กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในซีรีส์เดี่ยว สำรวจโลกเวทย์มนต์ของเธอใน 'Agatha All Along' ซีรีส์ที่เป็นดั่งภาคต่อและภาคแยกจาก WandaVision (2021) พร้อมได้นักแสดง Kathryn Hahn กลับมารับบทบาทเดิมอีกครั้ง ซึ่งหลังจากสร้างความประทับใจสุดแสบสันต์ไว้ในการปรากฏตัวครั้งแรก เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของ Agatha เริ่มต้นขึ้นในเมืองเวสต์วิว เมื่อเธอถูกปลดปล่อยจากมนตร์สะกดที่ใช้กักขังเธอไว้ ด้วยความช่วยเหลือของเด็กวัยรุ่นลึกลับนามว่า Teen (Joe Locke) ผู้ซึ่งต้องการให้เธอนำทางเขาเข้าสู่ "ถนนแม่มด" (The Witches’ Road) เส้นทางในตำนานที่เชื่อกันว่าจะมอบสิ่งที่ปรารถนาอย่างที่สุดให้แก่ผู้ที่สามารถเดินทางไปจนถึงจุดสิ้นสุด เมื่อไร้ซึ่งพลังวิเศษ Agatha และ Teen จึงต้องรวบรวมทีมแม่มดผู้มีทักษะเฉพาะตัว เพื่อร่วมกันเผชิญหน้ากับบททดสอบด่านเวทมนตร์สุดอันตราย ในขณะเดียวกัน ศัตรูเก่าแก่ของ Agatha ก็กำลังคืบคลานเข้ามา และพร้อมหมายเอาชีวิตของเธออย่างไม่ลดละ เชื่อได้ว่า หนึ่งในตัวละครสุดแย่งซีนจาก WandaVision (2021) ที่ยังคงตราตรึงในใจผู้ชม คงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อนบ้านจอมจุ้นอย่าง Agnes หรือ Agatha Harkness แม่มดผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ต้องห้าม ที่แฝงตัวอยู่ในฐานะเพื่อนบ้านของ Wanda Maximoff (Elizabeth Olsen) ความลึกลับและเสน่ห์เฉพาะตัวของเธอจึงกลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การกลับมาอีกครั้งใน Agatha All Along นั้นน่าหลงใหลและชวนขนลุกไม่น้อย จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้ คือ การผสมผสานระหว่างโลกเวทมนตร์สุดดาร์กและแฟนตาซีให้เข้ากับบรรยากาศของปริศนาเหนือธรรมชาติได้อย่างน่าพิศวง พร้อมกับการสำรวจอารมณ์ของตัวละครที่เข้าขั้นละเอียดอ่อนจนน่าประหลาดใจ Agatha All Along จึงไม่ได้เป็นเพียงการกลับมาของแม่มดคนเดิมเท่านั้น หากแต่เป็นการเปิดประตูสู่มุมมองใหม่ของโลกเวทมนตร์ในจักรวาล MCU ที่เต็มไปด้วยความสยองขวัญอันลึกลับ บรรยากาศแห่งความโกลาหล และพล็อตชวนหักมุมที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเรานั้นทั้งตื่นเต้น และหวาดกลัวไปพร้อม ๆ กัน มันเป็นแผนมาตั้งแต่ต้น | It's Agatha (& Billy) All Along เรียกได้ว่าเป็นตอนจบที่ชวนหักมุมไม่น้อย เมื่อความจริงเปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว ถนนแม่มด ไม่เคยมีอยู่จริง! ทั้งหมดเป็นเพียงแผนกลลวงของ Agatha ที่หวังจะขโมยพลังจากเหล่าแม่มดมาตั้งแต่หลายศตวรรษก่อน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ ผู้ที่ทำให้ถนนแม่มดกลายเป็นความจริงขึ้นมา กลับเป็นวัยรุ่นลึกลับ Teen หรืออีกชื่อ William Kaplan หรืออีกชื่อที่แท้จริง เขาคือ Billy Maximoff หนึ่งในลูกชายฝาแฝดของคู่รัก Wanda และ Vision จากซีรีส์ WandaVision (2021) ที่เผลอใช้เวทมนตร์ของตนโดยไม่ได้ตั้งใจ จนเนรมิตถนนแม่มดขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งยิ่งทำให้สอดรับกับอารมณ์ขันอันแสบสันต์ของชื่อซีรีส์ เพราะแม้ทุกอย่างจะดูเหมือนเป็นแผนของ Agatha มาตั้งแต่แรก ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง... ก็เป็น Billy มาตั้งแต่ต้นเช่นเดียวกัน! และหากยังจำกันได้ ในตอนจบของ Agatha All Along เราได้เห็นว่า Billy และวิญญาณของ Agatha ตัดสินใจร่วมมือกัน ออกเดินทางเพื่อตามหา Tommy น้องชายฝาแฝดของ Billy ซึ่งในซีรีส์ก็ได้มีการแอบบอกใบ้ถึงตัวตนของ Tommy เอาไว้นิดหน่อยแล้ว ยิ่งทำให้แฟน ๆ เชื่อมั่นว่า ทั้งคู่จะกลับมาอีกครั้งในจักรวาล MCU อย่างแน่นอน โดยสองโปรเจกต์ตัวเต็งที่คาดว่าเป็นไปได้ คือ ซีรีส์ใหม่อย่าง Vision Quest ซีรีส์ที่เป็นดั่งภาคต่อและภาคแยกจาก WandaVision (2021) อีกเช่นกัน กับการติดตามการเดินทางต่อไปของ White Vision (Paul Bettany) หลังจากที่เขาได้ความทรงจำเดิมกลับคืนมา และอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่แฟน ๆ หลายคนต่างเฝ้ารอ นั่นคือการรวมทีมฮีโร่วัยรุ่น Young Avengers ที่ซึ่ง MCU ได้แอบพยายามวางรากฐานเอาไว้แล้วในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา เพราะเป็นที่แน่นอนว่า Billy หรือที่รู้จักกันในชื่อ Wiccan จะกลายเป็นหนึ่งในฮีโร่คลื่นลูกใหม่ของจักรวาลอย่างไม่ต้องสงสัย และด้วยภารกิจครั้งใหม่ของเขา ก็ยิ่งช่วยเสริมความน่าสนใจให้กับการรวมทีมฮีโร่วัยเยาว์นี้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว แม่มดหน้าใหม่แห่ง MCU | The MCU Is Not Done With Witches Yet ในฐานะซีรีส์ที่เจาะลึกถึงโลกของแม่มดและเวทมนตร์ Agatha All Along จึงไม่พลาดที่จะเปิดตัวบรรดาแม่มดหน้าใหม่จากหน้าคอมมิคเข้าสู่จักรวาล MCU พร้อมทั้งใช้เวลาในการเล่าเรื่องอย่างลุ่มลึกถึงเรื่องราวส่วนตัว ความสามารถ และพลังของแต่ละคนผ่านด่านทดสอบที่หลากหลายได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Jennifer Kate (Sasheer Zamata) แม่มดผู้เชี่ยวชาญด้านการปรุงยา, Alice Wu-Gulliver (Ali Ahn) แม่มดผู้พิทักษ์ และ Lilia Calderu (Patti LuPone) แม่มดคำพยากรณ์ผู้มองเห็นนิมิตในรูปแบบสุดแปลกประหลาด และแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็น Alice และ Lilia รอดพ้นออกจากถนนแม่มดในตอนจบ เว้นแต่ Jennifer ผู้ที่ได้รับพลังของเธอกลับคืนมาจากการถูกพันธนาการ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า เรื่องราวของพวกเธออาจยังไม่จบลงเพียงแค่นี้ และอาจได้หวนคืนมาอีกครั้งในอนาคต เพราะสิ่งที่ซีรีส์นี้ทิ้งไว้ ไม่ใช่แค่พลังของเวทมนตร์ อาคม และคาถา แต่เป็นการเปิดโลกแห่งความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในจักรวาล MCU ที่ชวนให้น่าค้นหายิ่งกว่าเดิม ตัวจริงของ 'Rio' | Death Comes For All หนึ่งในตัวละครปริศนาที่แฟน ๆ ต่างจับตามองมาตั้งแต่ตัวอย่างแรกของซีรีส์ ก็คือ Rio Vidal ตัวละครของ Aubrey Plaza แม่มดเขียวผู้ทรงพลังซึ่งมีอดีตอันซับซ้อนเกี่ยวพันกับ Agatha โดยที่เป้าหมายและเจตนาของเธอก็ยังคงเป็นปริศนาจนกระทั่งถึงตอนจบ เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย และพบว่าแท้จริงแล้ว Rio Vidal คือ 'Death' ตัวตนของความตาย หนึ่งในสิ่งมีชีวิตระดับจักรวาล (Cosmic Entity) ผู้ให้กำเนิด Infinity Stones และมีพันธกิจในการฟื้นฟู 'สมดุลศักดิ์สิทธิ์' ให้แก่จักรวาล จนเป็นเหตุให้เธอต้องเผชิญหน้ากับ Agatha ผู้ซึ่งเป็นอดีตคนรักของเธออีกครั้ง การปรากฏตัวของ Death ในครั้งนี้ได้ปลุกกระแสถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตระดับจักรวาลใน MCU ขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ Eternity ตัวตนแห่งความเป็นนิรันดร์ เคยเผยตัวออกมาแล้วใน Thor: Love and Thunder (2022) ในช่วงเวลาที่สงครามระหว่างมัลติเวิร์สกำลังจะอุบัติ ความเป็นไปได้ว่าตัวตนระดับจักรวาลเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ปกป้อง หรือแม้กระทั่งผู้ทำลายทั้งจักรวาล ก็ยิ่งชวนให้น่าติดตามมากขึ้น เพื่อนบ้านที่แสนดีของคุณทะยานสู่โลกอันกว้างใหญ่ - Your Friendly Neighborhood Spider-Man (2025) "Just consider it, a good deed from your friendly neighborhood Spider-Man" (ถือซะว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากเพื่อนบ้านที่แสนดีของคุณ สไปเดอร์แมน) - Peter Parker/Spider-Man - ซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจผู้ชมทั่วโลกและเพื่อนบ้านที่แสนดีของคุณกลับมาแล้วในแอนิเมชั่นซีรีส์สุดทะเยอทะยานเรื่องใหม่จาก Marvel Animation กับ 'Your Friendly Neighborhood Spider-Man' การผจญภัยครั้งใหม่ของเจ้าหนูไอ้แมงมุมในรูปแบบใหม่และจักรวาลใหม่ที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน บอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของ Peter Parker (ให้เสียงโดย Hudson Thames) นักเรียนมัธยมปลายหนุ่มวัย 15 ในฐานะฮีโร่เพื่อนบ้านที่แสนดี Spider-Man โดยที่เรื่องราวถูกตั้งอยู่ในจักรวาลคู่ขนานที่แตกต่างจากจักรวาลหลัก MCU เมื่อ CEO มหาเศรษฐีบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Norman Osborn (ให้เสียงโดย Colman Domingo) มาช่วยเป็นที่ปรึกษาของ Peter แทนที่ Tony Stark ตัวละคร Spider-Man ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงสุดจาก Marvel Comics อย่างไม่ต้องสงสัย และแอนิเมชั่นซีรีส์เรื่องใหม่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จและความรักของผู้ชมทุกวัยทั่วโลกที่มีต่อตัวละครตัวนี้ สิ่งที่ทำให้ซีรีส์ Your Friendly Neighborhood Spider-Man มีความพิเศษมากกว่าแอนิเมชั่น Spider-Man เรื่องอื่น ๆ คือ การเล่าเรื่องที่สดใหม่ในโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ แม้จะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่อ้างอิงมาจากจักรวาลหลักของ MCU แต่ถ้าหากเราจะเปรียบว่า ซีรีส์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในโลกของ What If...? ที่ตั้งคำถามว่า "สมมติว่า...สไปเดอร์แมนเจอกับ Norman Osborn แทนที่จะเป็น Tony Stark?" ก็คงจะเป็นนิยามที่ตรงตัวที่สุด การที่เราได้เห็นฮีโร่เพื่อนบ้านมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครใหม่ ๆ ในแบบที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ผ่านเรื่องราวอันเข้มข้นที่เจาะลึกถึงชีวิตการเป็นวัยรุ่นและภาระหน้าที่ของการเป็นฮีโร่ พร้อมด้วยงานภาพสไตล์ย้อนยุคสุดคลาสสิกที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ ก็ล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่มากเพียงพอที่ผลักดันให้ซีรีส์ Your Friendly Neighborhood Spider-Man ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนต้องประกาศสร้าง Season 2 ตามมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทิ้งเบาะแสของเรื่องราวในซีซั่นถัดไปเอาไว้มากมาย ความลับของ 'Nico' | Nico Also Has Her Own Secret หนึ่งในตัวละครที่สร้างความเซอร์ไพรส์นับตั้งแต่วันประกาศพัฒนาซีรีส์ Your Friendly Neighborhood Spider-Man ก็คือ Nico Minoru (ให้เสียงโดย Grace Song) เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทของ Peter Parker ตัวละครที่ครั้งหนึ่งเคยปรากฏตัวในเวอร์ชั่นคนแสดงโดยนักแสดงสาว Lyrica Okano ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเวทย์มนต์ประจำทีมซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นหนีออกจากบ้านจากซีรีส์ Runaways (2017–2019) เคมีและปฏิสัมพันธ์ระหว่าง Nico กับ Peter กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่เติมเต็มความสดใหม่และความน่าสนใจให้กับเรื่องราว อีกทั้งเรายังได้เห็นเบาะแสถึงพลังเวทมนตร์อันลึกลับของ Nico ที่แอบบอกใบ้มาตลอดทั้งซีรีส์ โดยสิ่งนี้ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ Nico สามารถใช้พลังเวทมนตร์ของเธอในการเข้าช่วยเหลือ Spider-Man พร้อมกับการก้าวขึ้นเป็นฮีโร่เวทมนตร์ในฐานะ Sister Grimm ตามแบบในฉบับคอมมิค แต่ยังอาจปูทางไปสู่เรื่องราวใหม่ของทีมซูเปอร์ฮีโร่ Runaways กลุ่มวัยรุ่นพลังพิเศษผู้รวมตัวกันต่อต้านพ่อแม่ผู้ชั่วร้ายของพวกเขาและเธอ ซึ่งไม่แน่ว่า เราอาจจะได้เห็นตัวละครจากซีรีส์ Runaways กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น หรือแม้กระทั่งแอนิเมชั่นซีรีส์ภาคแยกของพวกเขาเองในอนาคต แต่ที่แน่ ๆ คือ Spider-Man อาจจะได้จอมเวทย์คนใหม่มาคอยช่วยเหลือและสนับสนุนแล้ว บทบาทของ 'Harry' | Harry Has A Whole New Introduction ตัวละครสุดคลาสสิคจากหน้าคอมมิคอย่าง Harry Osborn (ให้เสียงโดย Zeno Robinson) เพื่อนรัก(และบางครั้งศัตรู)ของ Peter Parker ได้มีการนำเสนอจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองใหม่ในซีรีส์เรื่องนี้ โดยแทนที่จะเปิดตัวในฐานะเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมายาวนาน เขากลับเริ่มต้นบทบาทในฐานะคู่หูและผู้ช่วยสนับสนุนของ Spider-Man ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงสร้างความแปลกใหม่ แต่ยังช่วยให้พัฒนาการของตัวละคร Harry ในเวอร์ชั่นนี้มีมิติมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีหน้าใหม่ในตอนจบของซีซั่นที่มีชื่อว่า Worldwide Engineering Brigade หรือ W.E.B. องค์กรที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากหน้าคอมมิค แต่เป็นเครื่องเล่นในสวนสนุกของ Disney Parks ที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั่วโลก และป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มนายทุนผู้มีอำนาจ อีกทั้งรายชื่อผู้ร่วมทีมที่ Harry อยากเชิญก็เต็มไปด้วยตัวละครจากจักรวาล Marvel ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็น Ned Leeds เพื่อนสนิทของ Peter ในจักรวาลหลัก, Max Dillion หรือวารร้ายพลังไฟฟ้า Electro จาก The Amazing Spider-Man 2 (2014) และอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้ W.E.B. กลายเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งพันธมิตรและศัตรูที่คาดไม่ถึงสำหรับ Spider-Man เรื่องราวที่คาดไม่ถึงของ 'Tombstone' และตัวละครรับเชิญอีกมากมาย | This Spider-Man World Is Full Of Unexpected Cameos หนึ่งในองค์ประกอบที่น่าสนใจที่สุดของ Your Friendly Neighborhood Spider-Man คือ เรื่องราวของ Lonnie Lincoln (ให้เสียงโดย Eugene Byrd) จากกัปตันทีมอเมริกันฟุตบอลผู้โดดเด่นสู่การถูกบีบบังคับให้ต้องเดินเข้าสู่เส้นทางของอาชญากร หรือที่แฟน ๆ คอมมิครู้จักกันในชื่อ Tombstone วายร้ายผิวเหล็กกล้าสุดคลาสสิคของ Spider-Man ดังนั้นในตลอดทั้งซีซั่นนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการปูทางสู่บทบาทใหม่ของ Lonnie ในฐานะ Tombstone ที่ซึ่งทำให้การพัฒนาตัวละครของ Lonnie กลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นและทรงพลังเป็นอย่างมากในซีรีส์ และแน่นอนว่า ช่วงเวลาแห่งการปะทะกันอย่างบีบคั้นอารมณ์ระหว่าง Spider-Man กับอดีตเพื่อนร่วมชั้นคนนี้คงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า เป็นที่แน่นอนว่า อีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นของซีรีส์ Your Friendly Neighborhood Spider-Man คือ การปรากฎตัวของเหล่าตัวละครรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์จากจักรวาลคอมมิคของ Marvel ที่ขนกันมาอย่างคับคั่ง นับตั้งแต่ Pearl Pangan หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของ Peter Parker ซึ่งในคอมมิค เธอคือฮีโร่ชาวฟิลิปปินส์นามว่า Wave สมาชิกของทีมฮีโร่เชื้อสายเอเชียอย่าง Agents of Atlas ที่แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอ, Amadeus Cho นักศึกษาฝึกงานในบริษัท Oscorp ผู้ซึ่งในคอมมิค เขาคืออัจฉริยะชาวเกาหลีผู้สามารถกลายร่างเป็นยักษ์เขียวฮัลค์นามว่า Brawn และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Jeanne Foucault อีกหนึ่งนักศึกษาฝึกงานในบริษัท Oscorp ที่เปิดเผยออกมาแล้วว่า เธอคือ Finesse ฮีโร่ศาลเตี้ยผู้ทำงานร่วมกับ Matt Murdock/Daredevil ในฐานะสายลับเพื่อสอดแนมครอบครัว Osborn ซึ่งเป็นไปได้ว่า ในที่สุดทั้ง Spider-Man และ Finesse จะได้รับรู้ตัวตนของกันและกันในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้ฮีโร่ปีศาจ Daredevil ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในซีรีส์ได้อย่างน่าตื่นเต้น แผนการของ 'Norman' | Norman Is 'Norman' After All การเปิดตัว Norman Osborn ซีอีโอแห่ง Oscorp ในฐานะที่ปรึกษาของ Peter Parker ได้เติมเต็มสีสันและสร้างความน่าสนใจให้กับซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองที่เต็มไปด้วยความระแวง เพราะ แฟน ๆ ต่างรู้ดีว่า Norman ไม่ใช่ตัวละครที่ขาวสะอาด เขายังคงเป็นบุคคลอันตรายที่เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยานไม่ต่างจากเวอร์ชั่นก่อน ๆ ซึ่งอย่างที่เปิดเผยไปในตอนจบของซีซั่นแรก Norman ได้แอบใช้ผลงานของนักศึกษาฝึกงานสร้างเครื่องจักรที่สามารถเปิดประตูสู่อวกาศ หรือ Project Monolith และแม้ว่าการทดลองจะล้มเหลว แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่กลับเป็นเบาะแสชิ้นสำคัญ นั่นคือ เศษชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตคล้ายปรสิต Symbiote สีดำที่ถูกค้นพบโดย Norman การที่สิ่งมีชีวิตสุดอันตรายนี้ตกไปอยู่ในมือของชายผู้แสวงหาแต่อำนาจย่อมเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยครั้งใหม่ที่ Spider-Man จะต้องเผชิญในซีซั่นถัดไป และยังเป็นการปูทางไปสู่การปรากฏตัวของ Venom อย่างชัดเจน ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า ผู้ที่จะได้สวมชุด Symbiote สีดำจะเป็น Peter Parker เอง หรือจะเป็นตัวละครใหม่อย่าง Eddie Brock ที่อาจจะเปิดตัวในซีซั่นหน้า เบื้องหลังของ 'Richard Parker' | Peter Parker's Dad Is Alive?! ซีซั่นแรกของ Your Friendly Neighborhood Spider-Man จบลงด้วยการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ด้วยการเปิดเผยว่า Richard Parker พ่อของ Peter Parker ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟน ๆ เป็นอย่างมาก และแม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเหตุใดเขาต้องติดคุก หรือว่า Peter จะรู้หรือเปล่าว่าพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่การปรากฏตัวของ Richard ก็นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะ น้อยครั้งมากที่เราจะได้รู้จักเรื่องราวของพ่อและแม่แท้ ๆ ของ Peter บนจอหนังหรือซีรีส์ โดยในฉบับคอมมิค Richard และ Mary Parker เป็นสายลับให้กับหน่วย S.H.I.E.L.D. ขณะที่ในภาพยนตร์ The Amazing Spider-Man 2 (2014) Richard เป็นนักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Oscorp ซึ่งไม่แน่ว่า เรื่องราวของ Richard และ Mary ใน Your Friendly Neighborhood Spider-Man อาจถูกนำเสนอในเวอร์ชั่นที่ต่างกันออกไป และอาจนำไปสู่พัฒนาการความสัมพันธ์อันไม่คาดคิดของ Peter Parker ในซีซั่นถัดไป เพื่อนบ้านคนใหม่กำลังจะมา | More Neighbors Are Coming In The Next Season ดูเหมือนว่าฮีโร่เพื่อนบ้าน Spider-Man กำลังจะมีเพื่อนบ้านคนใหม่ย้ายเข้ามาร่วมละแวกในซีซั่นถัดไป เมื่อผู้สร้างซีรีส์ Your Friendly Neighborhood Spider-Man อย่าง Jeff Trammel ได้เปิดเผยภาพแรกของตัวละครใหม่ Gwen Stacy ที่จะมาปรากฎตัวใน Season 2 ซึ่งเธอก็ไม่ได้มาแค่ในลุคสาวน้อยมัธยมปลายรุ่นราวคราวเดียวกับ Peter Parker เท่านั้น แต่เธอยังจะมาในฐานะฮีโร่หน้าใหม่ภายใต้ชื่อ Spider-Gwen อีกด้วย มีความเป็นไปได้ว่า แมงมุมกัมมันตรังสีที่หนีหายไปในตอนแรกของซีรีส์นั้น อาจกัดคนที่สอง และคนนั้นก็คือ Gwen Stacy ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดฮีโร่คนใหม่ในจักรวาลนี้ และแม้จะยังไม่แน่ชัดว่า เธอจะมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ประจำบริษัท Oscorp แทนที่ Peter Parker หรือไม่ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การที่ Spider-Man ของ Peter Parker และ Spider-Gwen มาอยู่ร่วมกันในจักรวาลเดียวกันนั้น ถือเป็นความน่าตื่นเต้นที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของ Peter อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า Gwen Stacy คือ รักแรกที่สำคัญของเขาในฉบับคอมมิค กัปตันอเมริกากับศึกฮีโร่โลกใหม่ - Captain America: Brave New World (2025) https://pbs.twimg.com/media/GesSq53bsAEzCce?format=jpg&name=900x900 Thaddeus Ross: "You may be Captain America, but you're not Steve Rogers." (นายอาจเป็นกัปตันอเมริกา แต่นายไม่ใช่สตีฟ โรเจอร์ส) Sam Wilson: "You're right...I'm not." (ถูกครับ...ผมไม่ใช่) Anthony Mackie กลับมารับบทบาทเป็น Sam Wilson อดีตพลร่มกู้ภัยสู่ตำแหน่งใหม่อันทรงเกียรติในฐานะกัปตันอเมริกาคนใหม่แห่งจักรวาล MCU ในภาพยนตร์แนวทริลเลอร์-การเมือง ภาคที่ 4 ในแฟรนไชส์ของกัปตันอเมริกาอย่าง 'Captain America: Brave New World' พร้อมเสริมทัพด้วยนักแสดงระดับตำนานอย่าง Harrison Ford ในบทบาท Thaddeus Ross แทนที่นักแสดงเจ้าของบทเดิม William Hurt ผู้ล่วงลับ การผจญภัยในโลกใหม่ของ MCU เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Sam Wilson กำลังพบว่า ตัวเองอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์แผนก่อการร้ายระดับนานาชาติที่มีความเกี่ยวพันโดยตรงกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ล่าสุด Thaddeus Ross กัปตันอเมริกาและคู่หูจึงต้องเร่งสืบหาแรงจูงใจและคลี่คลายปริศนาที่อยู่เบื้องหลังแผนการชั่วร้ายระดับโลกให้ได้ ก่อนที่ผู้บงการตัวจริงจะเปลี่ยนโลกทั้งใบให้ลุกเป็นไฟด้วยแผนการ สีแดง ที่ไม่มีใครคาดคิด Marvel Studios ตั้งใจเปิดโลกใบใหม่ของ MCU ให้ผู้ชมได้เห็นผ่านภารกิจบททดสอบครั้งสำคัญของ Sam Wilson ในฐานะกัปตันอเมริกาคนใหม่อย่างเป็นทางการ ดังนั้น เรื่องราวใน Captain America: Brave New World จึงพยายามพาผู้ชมกลับสู่บรรยากาศแนวแอ็กชั่นสายลับระทึกขวัญ ผสมเกมการเมืองอันเข้มข้นในแบบที่ Captain America: The Winter Soldier (2014) เคยสร้างไว้ในแฟรนไชส์กัปตันอเมริกา พร้อมกับการยกระดับฉากแอ็กชั่นกลางเวหาที่ให้ความรู้สึกลุ้นระทึกแบบเต็มสูบ สร้างเอกลักษณ์ใหม่ให้กับสไตล์การต่อสู้ของกัปตันอเมริกาคนล่าสุด ซึ่งแม้จะมีเสียงวิจารณ์จากผู้ชมบางส่วนว่า บทและทิศทางของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีจุดที่น่าเสียดาย เพราะเชื่อว่าภาพยนตร์ในแฟรนไชส์กัปตันอเมริกายังสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ แต่โดยรวมแล้ว Captain America: Brave New World ก็ยังคงรักษาเสน่ห์ของหนังแนวทริลเลอร์-การเมืองไว้ได้อย่างน่าติดตาม ด้วยความสนุกและความตื่นเต้นได้อย่างน่าชื่นชม ภารกิจต่อไปของกัปตันอเมริกา | Captain America's Next Mission Is A Crucial One For The Incoming War เราได้เห็นกัปตันอเมริกา Sam Wilson ออกปฏิบัติภารกิจสืบสวนอย่างกล้าหาญ พร้อมพุ่งทะยานกลางเวหาอย่างเกรียงไกร จนสามารถปกป้องโลกจากสงครามการเมืองระดับนานาชาติเอาไว้ได้สำเร็จ แต่ภารกิจครั้งต่อไปของเขากลับยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งกว่า เมื่อ Sam ยืนยันว่าเขาตั้งใจจะรวมทีมฮีโร่อเวนเจอร์สชุดใหม่ ตามคำแนะนำแรกเริ่มของประธานาธิบดี Thaddeus Ross สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ Ross เคยเป็นผู้ผลักดันข้อตกลงสนธิสัญญา Sokovia ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ใน Captain America: Civil War (2016) จนเป็นเหตุให้ทีมอเวนเจอร์สต้องล่มสลายในที่สุด การที่เขาหันกลับมาให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูทีมอเวนเจอร์ส จึงสะท้อนให้เห็นว่า ทีมอเวนเจอร์ส คือ ความหวังอันสำคัญที่โลกและจักรวาล MCU ต้องการมากที่สุดในเวลานี้ และสิ่งที่ตอกย้ำถึงความเร่งด่วนในการฟื้นฟูทีมอเวนเจอร์ส ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนในฉากหลังเครดิตของ Captain America: Brave New World เมื่อ Sam Wilson ได้เผชิญหน้ากับวารร้ายอัจฉริยะผู้อยู่เบื้องหลังแผนก่อการร้ายระดับนานาชาติในครั้งนี้อย่าง Samuel Sterns/Leader (Tim Blake Nelson) นักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งบังเอิญได้รับเลือดของ Bruce Banner/Hulk ระหว่างเหตุการณ์ใน The Incredible Hulk (2008) ซึ่งตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ในคุกเรือนจำพิเศษสำหรับผู้มีพลังเหนือมนุษย์ แต่ Sterns ก็ยังคงเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว และได้กล่าวเตือน Sam ว่า "พร้อมหรือยังสำหรับภัยคุกคามจากพิภพอื่นที่กำลังมาในไม่ช้า?" คำเตือนนี้ดูเหมือนจะเป็นการตอกย้ำถึงสถานการณ์ในมัลติเวิร์สของ MCU ในตอนนี้ที่กำลังปั่นป่วน เมื่อหลายจักรวาลกำลังเริ่มเคลื่อนตัวเข้าชนกัน จนอาจเกิดเป็นเหตุการณ์ Incursion ที่ทำลายหนึ่งหรือทั้งสองจักรวาล ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า กัปตันอเมริกาจึงต้องรีบรวมทีมฮีโร่ชุดใหม่ให้ทันเวลา เพื่อรับมือกับภัยสงครามจากมัลติเวิร์สที่กำลังจะปะทุขึ้นอย่างแท้จริงใน Avengers: Doomsday และนำไปสู่บทสรุปอันยิ่งใหญ่ใน Avengers: Secret Wars ในที่สุด คู่หูและพันธมิตรใหม่ร่วมปกป้องโลก | The First Member of Sam's Avengers Team Is The New Falcon หลังจากแอบบอกใบ้ถึงบทบาทในอนาคตของพลทหารหนุ่ม Joaquin Torres (Danny Ramirez) มาตั้งแต่ในมินิซีรีส์ The Falcon and the Winter Soldier (2021) ครั้งนี้เขากลับมาอีกครั้งใน Captain America: Brave New World พร้อมร่วมออกต่อสู้เคียงข้าง Sam Wilson ในฐานะ Falcon คนใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งแม้ Joaquin จะยังเป็นมือใหม่ในโลกของซูเปอร์ฮีโร่ แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศรัทธาในบทบาทนี้อย่างแรงกล้า และเมื่อ Sam ประกาศเจตนารมณ์ในการรวมทีมอเวนเจอร์สชุดใหม่ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Falcon คนใหม่จะกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมอเวนเจอร์สชุดใหม่ภายใต้การนำของกัปตันอเมริกาคนล่าสุดอย่างแน่นอน เช่นเดียวกันกับอีกสองพันธมิตรของกัปตันอเมริกา ผู้มีบทบาทสำคัญใน Captain America: Brave New World คือ อดีตนักฆ่าแบล็กวิโดว์ Ruth Bat-Seraph (Shira Haas) และ Isaiah Bradley (Carl Lumbly) กัปตันอเมริกาผิวสีในช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งแม้ว่าโอกาสที่ทั้งสองจะเข้าร่วมทีมอเวนเจอร์สชุดใหม่ของ Sam Wilson จะมีค่อนข้างต่ำถึงต่ำมาก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า พวกเขาทั้งสองจะกลับมามีบทบาทสำคัญในการเข้าช่วยเหลือกัปตันอเมริกาในศึกครั้งต่อไป อสุรกายยักษ์แดงคำราม! | The New Hulk Family Is Here In Red! อีกหนึ่งความเซอร์ไพร์สที่ถูกเปิดเผยมาตั้งแต่ตัวอย่างแรกของ Captain America: Brave New World คือ การปรากฎกายของอสุรกายร่างยักษ์สีแดง Red Hulk ของตัวละคร Thaddeus Ross นับเป็นอีกหนึ่งอสุรกายรังสีแกมม่าที่ถูกแนะนำเข้าสู่จักรวาล MCU ถัดจากยักษ์เขียว Bruce Banner/Hulk (Mark Ruffalo), อสุรกาย Emil Blonsky/Abomination (Tim Roth) และทนายความสุดแกร่ง Jennifer Walters/She-Hulk (Tatiana Maslany) ซึ่งหลังจากเหตุอาละวาดครั้งใหญ่ที่หน้าทำเนียบขาว ประธานาธิบดี Ross ก็ได้แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการลาออกจากตำแหน่ง และยอมรับการจำคุกในเรือนจำพิเศษสำหรับผู้มีพลังเหนือมนุษย์ ซึ่งการกระทำนี้ได้เปิดทางให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกัปตันอเมริกาเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และแม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานอะไรบ่งชี้ถึงการกลับมาของ Red Hulk ในอนาคต แต่มันก็คงจะสร้างเสียงฮือฮาและความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ MCU ได้ไม่น้อย หากยักษ์แดง Red Hulk จะได้มีโอกาสมาปรากฏตัวร่วมจอกับยักษ์เขียว Hulk ในภาพยนตร์ปิดบทสรุปของมหาสงครามแห่งจักรวาลอย่าง Avengers: Secret Wars แต่อีกหนึ่งตัวละครวารร้ายที่ส่งสัญญาณการกลับมาอย่างชัดเจนกลับเป็น Seth Voelker/Sidewinder (Giancarlo Esposito) หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหัวรุนแรง Serpent Society ซึ่งเดิมทีถูกวางให้เป็นหนึ่งในกลุ่มวายร้ายหลักของ Captain America: Brave New World ก่อนที่บทบาทของทั้งกลุ่มจะถูกปรับลดลง จนเหลือเพียงตัวละคร Sidewinder และ Copperhead (Jóhannes Haukur Jóhannesson) อีกหนึ่งสมาชิกที่ได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์ ซึ่งจากคำประกาศของนักแสดงเจ้าของบท Sidewinder อย่าง Giancarlo Esposito ที่แอบบอกใบ้ว่า ตัวละครของเขาจะกลับมาปรากฎตัวอีกครั้งในโปรเจคอนาคตของ MCU ก็ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า Sidewinder ยังไม่จบเกมง่าย ๆ และตัวละครของเขาพร้อมที่จะกลับมาสร้างความปั่นป่วนให้กับกัปตันอเมริกาอีกครั้ง ซึ่งก็อาจรวมไปถึงการเผชิญหน้ากับฮีโร่คนอื่น ๆ ที่อาจโคจรมาพบกับเขาในอนาคต โลหะที่ทำลายไม่ได้ 'Adamantium' | The New Indestructible Metal Has Now Debuted In The MCU จุดที่น่าสนใจหลักใน Captain America: Brave New World ก็คงจะหนีไม้พ้นการค้นพบ Adamantium แร่โลหะชนิดใหม่ที่ขึ้นชื่อว่า 'ทำลายไม่ได้' ซึ่งปรากฏบนเกาะเซเลสเชียลกลางมหาสมุทรอินเดีย อันเป็นผลพวงจากเหตุการณ์ใน Eternals (2021) และแม้ว่าการค้นพบนี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษยชาติทั่วโลก แต่บทบาทของ Adamantium กลับลึกซึ้งและทรงพลังยิ่งกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อแท้จริงแล้ว Adamantium คือ โลหะชนิดเดียวกันกับที่ใช้สร้างกรงเล็บอันเป็นเอกลักษณ์ของ Wolverine มนุษย์กลายพันธุ์ผู้โด่งดังจากทีม X-Men การเปิดตัวโลหะ Adamantium จึงไม่เพียงเป็นจุดเปลี่ยนของโลกใบใหม่ในจักรวาล MCU แต่ยังเป็นประตูสำคัญที่เชื่อมโยงไปสู่แฟรนไชส์ใหม่ที่กำลังเตรียมเข้าร่วมจักรวาลนี้อย่างเต็มตัว ปีศาจแห่ง Hell's Kitchen ฟื้นคืน - Daredevil: Born Again (2025) https://pbs.twimg.com/media/GnLP-k2aoAAODiL?format=jpg&name=900x900 Matt Murdock: "Thank you for finding the time." (ขอบคุณที่สละเวลาให้) Wilson Fisk: "Well, I will admit...it's not entirely unpleasant...seeing you again." (ก็ต้องยอมรับ...ไม่ได้รู้สึกแย่ไปซะทั้งหมดที่เจอนาย) หลังจากมีกระแสเรียกร้องจากแฟน ๆ กันอย่างเนิ่นนาน ในที่สุด จ้าวปีศาจแห่ง Hell's Kitchen ก็ได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งในซีรีส์ใหม่ 'Daredevil: Born Again' ที่พร้อมพาที่สุดของฮีโร่สายดิบแห่งท้องถนนเข้าสู่จักรวาล MCU อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมได้นักแสดงนำชุดเดิมจากซีรีส์ฉบับดั้งเดิม Daredevil (2015–2018) ที่เคยออกฉายทาง Netflix กลับมารับบทเดิมกันอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะ Charlie Cox และ Vincent D'Onofrio ที่กลับมารับบทบาทเป็น Matt Murdock/Daredevil และ Wilson Fisk/Kingpin อีกครั้ง เรื่องราวการกลับมาในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจาก Matt Murdock ห่างหายจากการเป็นฮีโร่ศาลเตี้ยไปนานหนึ่งปี เขาหันกลับมาทำงานในฐานะทนายความอีกครั้ง อีกด้านหนึ่ง Wilson Fisk ก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีของนิวยอร์ก และเริ่มใช้อำนาจเพื่อปราบปรามเหล่าศาลเตี้ยทั้งหลายอย่างเต็มกำลัง เมื่อทั้งเมืองเริ่มถูกปกคลุมด้วยความรุนแรง พร้อมกับการปรากฏตัวของศัตรูหน้าใหม่ที่คุกคามผู้บริสุทธิ์ Matt Murdock จึงต้องกลับมาสวมหน้ากากอีกครั้ง เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมในนามของ Daredevil Daredevil: Born Again ถือเป็นการกลับมาอย่างดุเดือดและสมศักดิ์ศรีของปีศาจแห่ง Hell's Kitchen ที่ไม่เพียงแต่สานต่อเรื่องราวจากซีรีส์ฉบับ Netflix อันเป็นที่รักของแฟน ๆ และทำให้เรื่องราวของ 'The Defenders Saga' หรือ 'Marvel Knights' กลายเป็น Canon ในจักรวาล MCU อย่างเป็นทางการ แต่ยังกล้าหาญพอที่จะเปิดฉากการเล่าเรื่องใหม่ในแบบฉบับของ Marvel Television ได้อย่างน่าจับตามอง สิ่งที่ทำให้ซีรีส์ของฮีโร่ตาบอด Daredevil โดดเด่นเสมอมา คือการเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันเข้มข้น ทั้งความโกรธ ความเศร้า และความสับสนในจิตใจ และแน่นอนว่า Born Again สามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้อย่างน่าทึ่งและทรงพลัง เรื่องราวในซีรีส์ดำเนินท่ามกลางบรรยากาศของมหานครนิวยอร์กที่กำลังสั่นคลอนจากความวุ่นวาย ทั้งจากระบบการเมืองที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน และความตึงเครียดในชั้นศาลที่สะท้อนถึงความเปราะบางของความยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีฉากแอ็กชั่นสุดโหดแบบดิบเถื่อนที่การันตีเรต R อย่างสมศักดิ์ศรีของ Daredevil ที่แฟน ๆ คาดหวังไว้ ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ Born Again จึงไม่ใช่แค่การคืนชีพของตัวละครในตำนาน แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่การผจญภัยครั้งใหม่ของฮีโร่ฉบับท้องถนนในจักรวาล MCU อันกว้างใหญ่ และเชื่อได้ว่า ใน Daredevil: Born Again Season 2 ความท้าทายครั้งใหญ่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่ รวมพลกองทัพ 'Daredevil' | We Need An Army, All Of Them ในบทสรุปของซีซั่นแรก สถานการณ์ในเมืองนิวยอร์กมาถึงจุดวิกฤตครั้งใหญ่ Matt Murdock/Daredevil และ Karen Page (Deborah Ann Woll) จึงจำเป็นต้องหาหนทางใหม่ในการช่วยเหลือเมือง โดยเริ่มต้นจากการออกตามหา 'กองทัพ' ที่พร้อมจะร่วมต่อสู้เคียงข้างเขา การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการวางรากฐานสำหรับ Daredevil: Born Again ในซีซั่นถัดไปเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เหล่าฮีโร่สายท้องถนนแห่งนิวยอร์กจาก The Defenders Saga กลับมารวมตัวกันอีกครั้งได้อย่างน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็น Luke Cage ผู้พิทักษ์แห่งย่าน Harlem, Danny Rand ไอ้หนุ่มหมัดเหล็ก Iron Fist และโดยเฉพาะ Jessica Jones นักสืบสาวผู้แข็งแกร่ง ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่านักแสดงสาว Krysten Ritter จะกลับมารับบทเดิมอีกครั้งจากซีรีส์ต้นฉบับ Jessica Jones (2015–2019) นอกจากนี้ก็ยังมีโอกาสที่ตัวละครสมทบอันเป็นที่รักจากซีรีส์ฉบับ Netflix อย่าง Colleen Wing และ Misty Knight จะกลับมาร่วมเสริมทัพ พร้อมด้วยฮีโร่จาก MCU เช่น Echo (Alaqua Cox) และ Spider-Man (Tom Holland) ที่อาจปรากฏตัวเพื่อร่วมหยุดยั้งสงครามกลางเมืองที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดบนท้องถนน นายกเทศมนตรี 'Wilson Fisk' ครองเมือง | New York Is Now Full Of Control และแล้วความจริงก็ปรากฏ เมื่อ Matt Murdock ได้ค้นพบว่า Vanessa Fisk (Ayelet Zurer) คือ บุคคลผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารเพื่อนรักของเขา Franklin "Foggy" Nelson (Elden Henson) โดยแรงจูงใจที่ซุกซ่อนไว้คือ ความต้องการที่จะสร้างนครรัฐอันเอกเทศของ Vanessa และ Wilson Fisk บนพื้นที่ท่าเรือเสรี Red Hook จุดยุทธศาสตร์ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้บนพื้นที่นั้นโดยที่ไม่ต้องรับผลทางกฎหมาย อีกทั้งสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงสำหรับ Daredevil เมื่อนายกเทศมนตรี Wilson Fisk สั่งปิดมหานครนิวยอร์กทั้งหมด พร้อมส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่อต้านศาลเตี้ย Anti-Vigilante Task Force (AVTF) ออกปฏิบัติการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮีโร่สวมหน้ากากให้หมดสิ้น แผนการทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของคู่หูอำนาจมืดนี้ ทำให้เมืองนิวยอร์กเริ่มถูกปกคลุมด้วยความรุนแรงและความกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนระบบยุติธรรมในชั้นศาลแทบไม่อาจตอบโต้ได้ นี่คงจะเป็นจุดสูงสุดของอาณาจักร Kingpin เมื่อเมืองทั้งเมืองกลายเป็นตัวประกัน และเหล่าฮีโร่บนท้องถนนต้องเตรียมตัวรับศึกครั้งใหญ่ที่กำลังจะปะทุขึ้นในไม่ช้า พลพรรคบุคคลสำคัญในฝ่าย Wilson Fisk ต่างก็มีเรื่องราวและบทบาทที่น่าจับตามองไม่น้อยใน Daredevil: Born Again และรอวันที่จะเฉิดฉายในซีซั่นถัดไปอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ Buck Cashman (Arty Froushan) มือขวาผู้ภักดีของ Fisk อีกหนึ่งวารร้ายจากหน้าคอมมิคฉายา Bullet, ตำรวจนิวยอร์ก Cole North (Jeremy Isaiah Earl) สมาชิกทีมหน่วย AVTF ผู้มีอคติอย่างแรงต่อเหล่าฮีโร่ศาลเตี้ย, Daniel Blake (Michael Gandolfini) สมาชิกหนุ่มในทีมหาเสียงของนายกเทศมนตรี Fisk ผู้มีความกระตือรือร้นและความทะเยอทะยานขั้นสูงที่อาจนำพาเขาเข้าสู่เกมอันตรายโดยไม่รู้ตัว และที่น่าสนใจที่สุด คือ Heather Glenn (Margarita Levieva) นักบำบัดและอดีตคนรักของ Matt Murdock ในซีซั่นนี้ เธอได้เข้าร่วมทีมของ Fisk ในฐานะกรรมาธิการด้านสุขภาพจิต ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ Matt ต้องจบลงอย่างทันที อีกทั้ง หลังจากเหตุการณ์ที่เธอได้เผชิญหน้ากับ Muse (Hunter Doohan) ศิลปินฆาตกรโรคจิต ก็มีแนวโน้มว่า เธออาจจะกลายเป็นผู้สืบทอดความมืดในฐานะศิลปินฆาตกรโรคจิตคนใหม่ใน MCU ซึ่งเป็นที่น่าสะพรึงมากว่า มันจะสร้างผลกระทบได้มากขนาดไหน หาก Daredevil จะต้องเผชิญหน้ากับศิลปินฆาตกรโรคจิต Muse อีกครั้ง แต่คราวนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากกลายเป็นอดีตคนรักของเขาเอง การสาดกระสุนครั้งใหม่ของ 'Frank Castle' | The Punisher Always Has His Own Path หากยังจำกันได้ ในฉากหลังเครดิตของตอนจบซีซั่นแรก Daredevil: Born Again ได้เผยให้เห็นว่า Frank Castle/Punisher (Jon Bernthal) สามารถหลบหนีจากการคุมขังของ Wilson Fisk ได้สำเร็จ สิ่งนี้ไม่เพียงแค่ทำให้เขากลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่เข้าร่วมกับ Daredevil ในซีซั่นถัดไป แต่ยังเป็นการปูทางถึงโปรเจกต์พิเศษฉายเดี่ยวของเขาใน 'The Punisher Special Presentation' ซึ่งจะมาในรูปแบบภาพยนตร์สั้นฉายในเทศกาลพิเศษ พร้อมกับมีกระแสข่าวลือบ่งชี้ว่า Ma Gnucci หัวหน้าแก๊งมาเฟียแห่ง Gnucci Crime Family อาจปรากฏตัวในฐานะคู่ปรับคนใหม่ของ Frank Castle แต่อย่างไรก็ตาม เส้นทางของเขาจะไม่ได้หมดลงเพียงเท่านี้ในเฟสถัดไป เพราะมีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า The Punisher จะกลับมามีบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ไอ้แมงมุมภาคที่สี่ของจักรวาล MCU อย่าง Spider-Man: Brand New Day ซึ่งเรียกได้ว่า บทบาทของ The Punisher กำลังได้รับการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด และอาจกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ทรงอิทธิพลในเฟสถัดไป ชนิดที่ว่าผู้ชมก็ยังคาดไม่ถึง พันธมิตรหน้าใหม่กำลังเตรียมพร้อม | New Players Are Coming On The Street ในซีรีส์ Daredevil: Born Again ได้มีการเปิดตัวฮีโร่สวมหน้ากากคนใหม่อย่าง Hector Ayala หรือ White Tiger (Kamar de los Reyes) ที่ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อเส้นเรื่องหลักในซีรีส์ และแม้ว่าโชคชะตาของ Hector Ayala จะจบลงอย่างน่าสลดใจ แต่เรื่องราวของฮีโร่เสือขาวก็อาจจะยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ เพราะ เราอาจได้เห็น Angela Del Toro (Camila Rodriguez) หลานสาวของ Hector ก้าวขึ้นมาสืบทอดหน้าที่ในฐานะ White Tiger รุ่นที่สอง แทนที่ลุงของเธอ ตามแบบในฉบับคอมมิค ทำให้อนาคตของเธออาจไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในซีซั่นถัดไปของ Daredevil: Born Again แต่ยังมีโอกาสร่วมแจมในโปรเจกต์ทีมฮีโร่วัยรุ่นอย่าง Young Avengers หรือ Champions ที่กำลังเป็นที่จับตามองในจักรวาล MCU อีกสองตัวละครที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มจะกลายเป็นพันธมิตรหน้าใหม่ในซีซั่นถัดไปของ Daredevil: Born Again คือ Benjamin "Dex" Poindexter/Bullseye (Wilson Bethel) วายร้ายผู้มีความสามารถเฉพาะตัวในการเปลี่ยนทุกสิ่งที่อยู่ในมือให้กลายเป็นอาวุธอันน่าหวาดหวั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาเลือกยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Wilson Fisk เป็นที่น่าสนใจมากว่า ปฏิกิริยาของ Daredevil จะเป็นอย่างไร เมื่อเขาต้องมาทำงานร่วมกับอดีตศัตรูผู้เคยสังหารเพื่อนรักของเขา และอีกหนึ่งตัวละคร คือ Jack Duquesne/Swordsman (Tony Dalton) เศรษฐีผู้มีชีวิตสองด้าน ทั้งในฐานะนักธุรกิจผู้ร่ำรวย และฮีโร่สวมหน้ากากผู้เชี่ยวชาญดาบ ตัวละครนี้เคยปรากฎตัวในจักรวาล MCU มาแล้วในซีรีส์ยอดพลธนู Hawkeye (2021) โดยครั้งล่าสุดที่เราเห็นเขา เขาถูกควบคุมตัวโดย Wilson Fisk อย่างไรก็ตาม ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถหลบหนีจากการคุมขัง และกลับมาเข้าร่วมการต่อต้านการปกครองของ Fisk ร่วมกับ Daredevil ซึ่งหากเป็นจริง นี่จะเป็นการรวมตัวของพันธมิตรที่หลากหลาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพลิกเกมมหาอำนาจในนิวยอร์กอย่างดุเดือด รวมพลก๊วน 'คนไม่เอาไหน' แห่งจักรวาล MCU - Thunderbolts* (2025) https://pbs.twimg.com/media/Gorbtt-acAI8Tql?format=jpg&name=large "This team can be the heroes on the Wheaties box...with the little kiddy toy." (ทีมนี้จะเป็นฮีโร่ขวัญใจบนกล่องอาหารเช้า...แถมมีตุ๊กตาเป็นกล่องสุ่ม) - Alexei Shostakov/Red Guardian - เมื่อเหล่าผู้พิทักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่คอยปกป้องโลกอีกต่อไป Marvel Studios จึงตัดสินใจขอส่งตัวละคร 'สายสีเทา' ที่เคยถูกมองว่าไร้ความสามารถและวายร้าย 'รองบ่อน' จากภาพยนตร์และซีรีส์ก่อนหน้าในจักรวาล MCU มารวมตัวกันทำภารกิจปกป้องโลกที่ไม่มีใครคาดคิดใน 'Thunderbolts*' หรือ A.K.A. '*The New Avengers' นำโดยอดีตสายลับแบล็กวิโดว์ Yelena Belova (Florence Pugh), อดีตมือสังหารของไฮดร้า Bucky Barnes/Winter Soldier (Sebastian Stan), ซูเปอร์โซลเยอร์แห่งรัสเซีย Alexei Shostakov/Red Guardian (David Harbour), วารร้ายผู้มีพลังล่องหน Ava Starr/Ghost (Hannah John-Kamen), กัปตันอเมริกาผู้ถูกปลด John Walker/U.S. Agent (Wyatt Russell) และนักสู้ผู้สามารถเลียนแบบทักษะได้ทุกอย่าง Antonia Dreykov/Taskmaster (Olga Kurylenko) เมื่อสถานการณ์เข้าตาจนและภัยอันตรายเริ่มปกคลุมมหานครนิวยอร์ก พวกเขาทั้งหมดจึงต้องหักห้ามใจและหันมาทำงานร่วมกัน ติดอยู่เพียงปัญหาเดียว คือ พวกเขาจะทำได้จริงหรือ? จากโปรเจกต์ที่ทั้ง 'เสี่ยงและบ้าบิ่น' ของ Marvel Studios สู่ภาพยนตร์รวมทีมฮีโร่บทใหม่ที่ 'คุณอาจต้องการโดยไม่รู้ตัว' และสิ่งที่ทำให้ Thunderbolts* มีความโดดเด่นและแตกต่างจากภาพยนตร์รวมทีมแบบ The Avengers (2012) ที่ผ่านมา คือ การกล้าที่จะก้าวออกจากสูตรซูเปอร์ฮีโร่แบบเดิม ๆ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวอันเข้มข้น ลุ่มลึก และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อันดำดิ่ง ผ่านเหล่าตัวละครที่ต่างแบกรับอดีตอันซับซ้อนและบาดแผลในจิตใจของตัวเอง ซึ่งแนวทางใหม่ของ Thunderbolts* ไม่เพียงแต่เสริมสร้างมิติการเล่าเรื่องที่แตกต่างให้กับ MCU แต่ยังช่วยเติมเต็มสีสันใหม่ให้กับจักรวาลที่กำลังพัฒนาไปสู่ทิศทางใหม่ที่น่าสนใจมากขึ้น และแม้ว่าตอนจบของ Thunderbolts* อาจดู 'ง่ายเกินไป' สำหรับบางคน แต่ถ้าหากมองให้ลึกถึงแก่นแท้ของสิ่งที่เรื่องราวต้องการจะสื่อ ตอนจบที่เป็นเช่นนี้กลับทรงพลัง และสามารถสร้างผลกระทบต่อผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจมากเลยทีเดียว ผู้พิทักษ์ทีมใหม่พร้อมเปิดตัว | Meet 'The New Avengers' และแล้วความหมายของ [*] ที่หลายคนสงสัยมาเนิ่นนานก็ได้รับการเปิดเผย เมื่อ Valentina Allegra de Fontaine (Julia Louis-Dreyfus) เปิดตัวทีม Thunderbolts สู่สายตาชาวโลกในฐานะ The New Avengers ที่สังกัดอยู่ภายใต้การดูแลของเธอ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่และเอาชนะใจสาธารณชน ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งทีมรวมพลซูเปอร์ฮีโร่ที่โดดเด่นจากหน้าคอมมิค และได้ปรากฎตัวในจักรวาล MCU แต่สิ่งที่น่าสนใจจากการเปิดตัวทีม The New Avengers คือ ผลกระทบที่ตามมา โดยเฉพาะความขัดแย้งกับกัปตันอเมริกาคนใหม่ Sam Wilson (Anthony Mackie) ซึ่งถูกกล่าวถึงผ่านฉากหลังเครดิตของภาพยนตร์ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจนักกับการที่ทีม Thunderbolts เป็นที่รู้จักกันในชื่อ The New Avengers โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าเขากำลังจะรวบรวมทีม Avengers ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ความขัดแย้งระหว่างสองทีมนี้จึงกลายเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้นในภาพยนตร์รวมทีมเรื่องถัดไปอย่าง Avengers: Doomsday ซึ่งมีแนวโน้มว่าทั้งสองฝ่ายจะเผชิญหน้ากันแบบไม่ลงรอยในช่วงแรก ก่อนจะละทิ้งความแตกต่างและหันมาร่วมมือกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่าที่กำลังจะมาถึง บุรุษผู้มีพลังเทียบเท่าดวงอาทิตย์ 1,000 ดวง | Call Him 'BOB' แน่นอนว่า ตัวละครหน้าใหม่ที่เรียกได้ว่าเป็นม้ามืด และน่าจับตามองที่สุดใน Thunderbolts* ก็คงหนีไม่พ้น Bob หรือ Robert Reynolds (Lewis Pullman) ผู้ที่อาสาเข้ารับการทดลองจนได้รับพลังเหนือมนุษย์เทียบเท่า 'ดวงอาทิตย์ระเบิดนับ 1,000 ดวง' ในนามของ The Sentry ก่อนที่การใช้พลังของเขาจะทำให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยตัวตนด้านมืดอันชั่วร้ายที่น่ากลัวที่สุดอย่าง The Void และถึงแม้ว่าสมาชิกในทีม Thunderbolts จะสามารถช่วยให้ Bob หลุดพ้นจากเงามืดของ The Void ได้สำเร็จ แต่เราก็แทบปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Bob คือ หนึ่งในตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ไร้เทียมทาน และอาจจะทรงพลังที่สุดในจักรวาล MCU เลยทีเดียว ซึ่งในฉากหลังเครดิตของภาพยนตร์ก็เผยให้เห็นว่า Bob ยังคงอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ในทีม The New Avengers แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังพิเศษได้ตามต้องการ เนื่องจากการใช้พลังของ The Sentry มีความเสี่ยงสูงที่จะปลดปล่อยด้านมืดของ The Void ออกมาอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า Bob จะไร้ซึ่งบทบาทใน Avengers: Doomsday เพราะด้วยพลังอันแข็งแกร่งที่เขามี เขาอาจกลายเป็น 'ไพ่ตาย' ที่ทีมซูเปอร์ฮีโร่ต้องพึ่งพาในการรับมือกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ หรืออาจกลายเป็น 'อุปสรรค' ครั้งใหญ่ที่เหล่าฮีโร่ต้องเผชิญ หากด้านมืดของเขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 'Valentina' มีแผนเสมอ | The Master Boss Is Still Coming Around https://x.com/MarvelStudios/status/1921611259855908994/video/1 ในภาพยนตร์ Thunderbolts* ถือเป็นการปรากฎตัวครั้งที่สี่ของตัวละครสายสีเทาอย่าง Valentina Allegra de Fontaine ผู้อำนวยการของ CIA ในจักรวาล MCU หลังจากที่เคยปรากฏตัวมาแล้วในมินิซีรีส์ The Falcon and the Winter Soldier (2021), ภาพยนตร์ Black Widow (2021) และ Black Panther: Wakanda Forever (2022) ซึ่งแรกเริ่มเดิมที เธอตั้งใจวางแผนสังหารสมาชิกทีม Thunderbolts เพื่อปกปิดการกระทำอันผิดกฎหมายของเธอที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วย O.X.E. หน่วยปฏิบัติการลับทางวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเน้นการสร้างซูเปอร์ฮิวแมน ซึ่งต้องชื่นชมจากความพยายามของเธอในการปกปิดร่องรอยและกอบกู้ภาพลักษณ์โดยการประกาศตั้งทีม The New Avengers ขึ้นมา ที่ทำให้ดูเหมือนว่าทั้งตำแหน่งในรัฐบาลของเธอและปฏิบัติการของ O.X.E. จะยังคงอยู่ต่อไปอีกสักระยะ ทั้งหมดนี้จึงทำให้บทบาทของ Valentina กลายเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่น่าจับตามองในเฟสถัดไปของ MCU และคงจะน่าสนใจไม่น้อย หากเธอจะได้ร่วมจอหรือเผชิญหน้ากับอดีตผู้บัญชาการหน่วย S.H.I.E.L.D. อย่าง Nick Fury (Samuel L. Jackson) รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก MI6 อย่าง Sonya Falsworth (Olivia Colman) ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะกันของอุดมการณ์และเบื้องหลังทางการเมืองที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม อีกหนึ่งตัวละครจาก Thunderbolts* ที่แฟน ๆ MCU แอบจับตามองอย่างเงียบ ๆ คือ Mel (Geraldine Viswanathan) ผู้ช่วยส่วนตัวของ Valentina Allegra de Fontaine และแม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัด แต่จากรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างสร้อยคอรูปนกที่เธอสวมอยู่ ก็เพียงพอให้แฟน ๆ ตั้งข้อสงสัยได้ว่า แท้จริงแล้ว Mel อาจจะเป็นชื่อเล่นที่ย่อมาจาก Melissa Gold หรือ Songbird ฮีโร่สาวพลังคลื่นเสียง ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญ ผู้ก่อตั้งทีม Thunderbolts จากหน้าคอมมิค การที่เธออยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญในแวดวงการสร้างซูเปอร์ฮีโร่เช่นนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และไม่แน่ว่า เธอที่อาจดูเหมือนเป็นคนธรรมดาคนนี้อาจจะบังเอิญเจอกับเหตุการณ์อะไรบางอย่าง จนทำให้เธอได้รับพลังเหนือมนุษย์ และพร้อมเปิดโอกาสให้เธอเข้าร่วมกับทีม Thunderbolts หรือ The New Avengers ได้ในที่สุด แขกที่ไม่ได้รับเชิญจากต่างโลก | 'The F4' Has Arrived! นอกจากความขัดแย้งที่กำลังปะทุระหว่างสองทีมซูเปอร์ฮีโร่ ในฉากหลังเครดิตของ Thunderbolts* ยังมีการเปิดเผยเบาะแสบางอย่างที่เชื่อมโยงไปสู่ภาพยนตร์รวมทีมระดับจักรวาลเรื่องใหม่อย่าง Avengers: Doomsday อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีการกล่าวถึง 'ภัยร้ายจากอวกาศ' ที่ดูเหมือนว่าทีม The New Avengers จะยังไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผัน เมื่อพวกเขาตรวจพบสัญญาณจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญ พร้อมกับมียานอวกาศลำหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมโลโก้เลข '4' ขนาดยักษ์ ซึ่งแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยานอวกาศลำนี้เป็นของทีม Fantastic Four จากอีกจักรวาลหนึ่ง ที่ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาจะได้รับการแนะนำอย่างเป็นทางการในภาพยนตร์เปิดตัวของ 'Phase 6' อย่าง The Fantastic Four: First Steps (2025) และแม้ว่า Marvel Studios อาจจะสับขาหลอกผู้ชมถึงเจ้าของที่แท้จริงของยานอวกาศปริศนาที่กำลังเดินทางมานี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจได้อย่างชัดเจน ก็คือ กลุ่มตัวละครทีม The New Avengers และ Fantastic Four จะกลายเป็นสองในกลุ่มตัวละครหลักที่จะมีบทบาทสำคัญใน Avengers: Doomsday และ Avengers: Secret Wars อย่างแน่นอน การค้นหาตัวตนของมนุษย์หญิงเกราะเหล็ก - Ironheart (2025) "I wanna build something undeniable...something...iconic." (ฉันอยากสร้างสิ่งที่โลกต้องมี...สิ่งที่...เป็นตำนาน) - Riri Williams/Ironheart - สาวน้อยอัจฉริยะจากชิคาโก Riri Williams/Ironheart กลับมาอีกครั้งในจักรวาล MCU หลังจากเปิดตัวอย่างโดดเด่นใน Black Panther: Wakanda Forever (2022) พร้อมได้นักแสดงสาว Dominique Thorne กลับมารับบทเดิมอีกครั้งในซีรีส์การผจญภัยฉายเดี่ยวสุดเข้มข้น 'Ironheart' เล่าเรื่องราวของสาวน้อยอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ Riri Williams ที่ตัดสินใจเดินทางกลับมายังบ้านที่ชิคาโก หลังจากที่เธอถูกไล่ออกจากสถาบัน MIT ด้วยความมุ่งมั่นที่จะไล่ตามความฝันในการสร้างชุดเกราะอัจฉริยะของตัวเอง Riri จึงเลือกก้าวเข้าสู่โลกของอาชญากรรม ภายใต้การนำของ Parker Robbins/The Hood (Anthony Ramos) ชายลึกลับผู้ครอบครองพลังเวทมนตร์จากผ้าคลุมต้องคำสาป เมื่อความลับอันตรายเริ่มถูกเปิดเผย ทำให้เทคโนโลยีที่เธอเชื่อมั่นต้องเผชิญหน้ากับเวทมนตร์ที่ท้าทายหลักการของเธอ Riri จึงไม่เพียงต้องเลือกระหว่างสองโลกที่ขัดแย้งกัน แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับบาดแผลในอดีตที่เธอพยายามหลีกหนีมาโดยตลอด Ironheart ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามอันกล้าหาญจาก Marvel Television ในการขยายขอบเขตทางอารมณ์และแก่นเรื่องของจักรวาล MCU ผ่านสายตาของ Riri Williams ด้วยการปูทางให้เธอต้องเผชิญหน้ากับความโศกเศร้า ท่ามกลางเส้นทางแห่งการค้นหาตัวตนและความทะเยอทะยานอันแรงกล้า ซึ่งสิ่งที่น่าประทับใจในซีรีส์ Ironheart คือ การผสมผสานความสมจริงของชีวิตบนท้องถนนในชิคาโกให้เข้ากับองค์ประกอบของความเป็นแฟนตาซีได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการเผชิญหน้าระหว่างเทคโนโลยีและเวทมนตร์ที่เปรียบเสมือนเหรียญสองด้านของความจริงและความเชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม Ironheart ก็ยังคงเผชิญกับปัญหาในด้านการเล่าเรื่องที่ยืดเยื้อและจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้ฉากแอ็กชั่นและช่วงอารมณ์อันหนักแน่นกลับขาดพลังขับเคลื่อนอย่างที่คาดหวังไป อีกทั้งแม้ Riri จะเป็นตัวละครหลักที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่น่าเห็นใจ แต่การพัฒนาตัวละครของเธอกลับไม่สามารถสร้างความผูกพันกับผู้ชมได้เท่าที่ควร กลับกัน ตัวละครฝั่งตรงข้ามอย่าง Parker Robbins กลับมีมิติที่น่าสนใจและพัฒนาการที่ชวนน่าติดตามมากกว่า จนกลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ช่วยยกระดับซีรีส์ให้มีความลึกซึ้งมากขึ้น ราคาที่ต้องจ่าย | The Deal With The Devil Was Accepted ตลอดทั้งซีรีส์ Ironheart หนึ่งในประเด็นสำคัญที่โดดเด่น คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง Riri Williams และ N.A.T.A.L.I.E. (Neuro Autonomous Technical Assistant and Laboratory Intelligence Entity) ระบบเอไออัจฉริยะที่เธอสร้างขึ้นโดยอิงบุคลิกมาจาก Natalie Washington (Lyric Ross) เพื่อนสนิทที่เสียชีวิตไปของเธอความสัมพันธ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นแกนหลักของเรื่องราว แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ผลักดันให้ Riri ต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีต เพื่อเรียนรู้ที่จะเยียวยาและเติบโตเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่า เส้นทางของเธอกลับพลิกผันไปในทิศทางที่คาดไม่ถึง เมื่อสุดท้ายแล้วในตอนจบของซีรีส์ Riri ตัดสินใจทำข้อตกลงกับจ้าวปีศาจแห่งนรก เพื่อแลกกับการชุบชีวิต Natalie ให้กลับมาอีกครั้ง นั่นจึงทำให้เธอได้รับรอยแผลเป็นบนแขนแบบเดียวกับที่ Parker Robbins เคยได้รับ ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางในหัวใจมนุษย์ และยิ่งชวนตั้งคำถามถึงขอบเขตของความรัก ความสูญเสีย และราคาที่ต้องจ่ายเพื่อย้อนคืนสิ่งที่เคยหายไปให้กลับคืนมา แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า อะไรคือราคาที่ Riri ต้องจ่ายหลังจากทำข้อตกลงกับจ้าวปีศาจ แต่จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับ Parker เราก็พอจะรับรู้ได้ว่า มันต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เราก็อาจคาดหวังได้ว่า เรื่องราวของ Riri จะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เป็นไปได้ไหมว่าซีรีส์ Ironheart จะได้รับการพิจารณาให้ทำ Season 2 หรืออย่างน้อย ผลกระทบจากการตัดสินใจของเธออาจถูกขยายไปยังภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องอื่นในจักรวาล MCU โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องราวของทีมฮีโร่วัยรุ่นอย่าง Young Avengers หรือ Champions ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามอง และเมื่อ Kamala Khan/Ms. Marvel (Iman Vellani) กำลังเริ่มวางแผนรวมทีมฮีโร่วัยรุ่นของตัวเองขึ้นมา ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะไม่ทาบทาม Riri ให้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกของทีมด้วย เดินทางตามรอยบิดา | Like Father, Like Son หนึ่งในตัวละครที่น่าจับตามองที่สุดในซีรีส์ Ironheart ก็คือ Ezekiel Stane (Alden Ehrenreich) ลูกชายของ Obadiah Stane/Iron Monger วารร้ายของ Tony Stark/Iron Man จากภาพยนตร์ Iron Man (2008) และแม้ว่าในช่วงแรก Ezekiel จะแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ต้องการเดินตามรอยเท้าวารร้ายของผู้เป็นพ่อ แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เมื่อความโกรธค่อย ๆ กลืนกินจิตใจที่แสนดี และผลักดันให้เขาเลือกอัปเกรดตัวเองให้กลายเป็นอาวุธมนุษย์จักรกล พร้อมเข้าจัดการกับ Riri Williams ซึ่งในตอนจบของซีรีส์ก็แอบบอกใบ้ไว้ว่า เรื่องราวส่วนตัวระหว่างเขากับ Riri ยังไม่จบลงง่าย ๆ และการปะทะกันอีกครั้งก็อาจเกิดขึ้นในไม่ช้า เว้นเสียแต่ว่า Ezekiel จะตัดสินใจใช้พลังของเขาเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ตามเจตนารมณ์ที่เขาเคยตั้งใจเอาไว้ในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของตัวละคร Ezekiel Stane ยังเปิดกว้างสำหรับการขยายบทบาทในจักรวาล MCU โดยเฉพาะหากเขาได้ไปปรากฎตัวในซีรีส์ฉายเดี่ยวของ James "Rhodey" Rhodes (Don Cheadle) เพื่อนสนิทของ Tony Stark/Iron Man อย่าง Armor Wars ที่ในตอนนี้ถูกระงับการสร้างเอาไว้ ซึ่งไม่แน่ว่า อาจใกล้ถึงเวลาแล้วที่สงครามระหว่างชุดเกราะจักรกลจะได้รับการสานต่อขึ้นมาอีกครั้ง และ Ezekiel อาจเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของสงครามในครั้งนั้นก็เป็นได้ ความช่วยเหลือระดับสูงสุด | This Encounter May Be The Beginning Of Something Strange ในฉากหลังเครดิตของซีรีส์ Ironheart ได้เผยให้เห็นการปรากฏตัวอีกครั้งของ Parker Robbins ที่ซึ่งในตอนนี้เขาไม่มีผ้าคลุมเวทมนตร์ติดตัวอีกต่อไปแล้ว เขาได้เดินทางไปหา Zelma Stanton (Regan Aliyah) เพื่อนของ Riri Williams ผู้มีความสามารถและความรู้ในด้านเวทย์มนต์นิดหน่อย และเป็นตัวละครสำคัญจากหน้าคอมมิคที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในฐานะบรรณารักษ์ของ Doctor Strange โดยการเดินทางของ Parker ในครั้งนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจน เขาต้องการให้ Zelma ช่วยเขาค้นหา "Supreme-Like Help" (ความช่วยเหลือระดับสูงสุด) ซึ่งจากคำบอกเล่าดังกล่าวก็แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า Marvel Television กำลังวางแผนสร้างซีรีส์ Strange Academy อยู่ อันว่าด้วยเรื่องราวของโรงเรียนเพื่อฝึกฝนความสามารถทางด้านเวทมนตร์และคาถา ซึ่งก่อตั้งโดย Doctor Strange ในคอมมิค ไม่แน่ว่าในซีรีส์ Strange Academy ที่กำลังมีข่าวอยู่ในช่วงการพัฒนาในตอนนี้ อาจจะได้นักเรียนหรือคุณครูสองคนแรกที่สนใจเข้าร่วมโรงเรียนเวทมนตร์เข้ามาแล้ว และนั่นก็อาจให้เปิดทางให้ทั้งสองมีโอกาสได้พบกับ Wong (Benedict Wong) หรือแม้แต่ Doctor Strange (Benedict Cumberbatch) ในอนาคตของจักรวาล MCU จ้าวปีศาจแห่งนรกเผยตัว | Finally, Mephisto Himself! และแล้วช่วงเวลาที่แฟน ๆ MCU รอคอยก็มาถึง ในตอนจบของซีรีส์ Ironheart ได้มีการเปิดตัวจ้าวปีศาจแห่งนรกอย่าง Mephisto (Sacha Baron Cohen) เข้าสู่จักรวาล MCU อย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีข่าวลือเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเขามาตั้งแต่ซีรีส์ WandaVision (2021) ในที่สุด ความลับก็ถูกเปิดเผยว่า จ้าวปีศาจ Mephisto คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการมอบผ้าคลุมเวทมนตร์ให้กับ Parker Robbins เพื่อให้เขาสามารถบรรลุเป้าหมายของตน เช่นเดียวกันกับที่ Riri Williams ทำข้อตกลงกับเขาเพื่อต้องการชุบชีวิตเพื่อนสนิทของเธอให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่า การทำข้อตกลงกับปีศาจไม่ใช่เป็นเรื่องที่ฉลาดนัก แถมการเปิดตัว Mephisto ในจักรวาล MCU ก็ย่อมเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเส้นเรื่องหลักในอนาคตที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกับทีมฮีโร่วัยรุ่น Young Avengers, การแอบทำข้อตกลงลับกับ Spider-Man, การเปิดตัวฮีโร่ผู้ลงทัณฑ์คนชั่วอย่าง Ghost Rider หรือแม้แต่การเข้าช่วยเหลือ Doctor Doom ในการต่อสู้กับเหล่าอเวนเจอร์ส แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น Mephisto ยังอาจกลายเป็นวายร้ายหลักในโปรเจกต์ Midnight Sons การรวมทีมของเหล่าฮีโร่สายเหนือธรรมชาติที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากโลกมืด การปรากฏตัวของเขาไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างในจักรวาล MCU แต่ยังเป็นการเปิดประตูไปสู่เรื่องราวที่เข้มข้นและลึกลับยิ่งขึ้นในอนาคต จากทั้งหมดข้างต้น ที่ซึ่งต้องยอมรับว่า แม้ว่า MCU Phase 5 จะเปิดตัวได้ไม่ดีนักในปี 2023 แต่ด้วยการชะลอการพัฒนาและปรับเปลี่ยนแผนการครั้งใหญ่ของ MCU ในช่วงปี 2024-2025 เพื่อผลงานที่มีคุณภาพยิ่งกว่า มันก็ทำให้ภาพรวมในเฟสนี้ยังคงเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่น่าจดจำและชวนให้น่าคิดถึงไม่น้อย ในขณะนี้ เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งในฉบับภาพยนตร์และซีรีส์ของ MCU กำลังจะถูกร้อยเรียงให้เข้าด้วยกันใหม่อีกครั้ง เพื่อต้อนรับการมาถึงของสงครามระหว่างจักรวาลนับร้อยใน 'MCU Phase 6' กับสองภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Avengers: Doomsday และ Avengers: Secret Wars ที่เป็นดั่งปลายทางของมหากาพย์ 'The Multiverse Saga' การเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดสิ้นสุดของเรื่องราวที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เฟสแรก แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่จะกำหนดทิศทางใหม่ของจักรวาล MCU ในอนาคตอย่างน่าตื่นเต้น บทความที่เกี่ยวข้อง REVIEW! THUNDERBOLTS* (2025) รวมพลก๊วน 'คนไม่เอาไหน' จากจักรวาล MCU REVIEW! Captain America: Brave New World (2025) กัปตันอเมริกาสู่โลกใบใหม่ของ MCU REVIEW! DEADPOOL & WOLVERINE (2024) การกลับมาอย่างเกรียงไกรของสองเพื่อนซี้(?)ออกผจญภัยกอบกู้ไทม์ไลน์ REVIEW! THE MARVELS (2023) รวมพลังฮีโร่สาวพิทักษ์จักรวาล REVIEW! Guardians of the Galaxy Vol. 3 (2023) บทสรุปของครอบครัวรวมพันธ์ุนักสู้พิทักษ์จักรวาล REVIEW! Ant-Man and the Wasp: Quantumania (2023) เปิดเฟสได้ดีในระดับที่สนุก แต่ต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง MCU PHASE 4: เฟสที่กล้าแตกต่าง แต่มากด้วยบทเรียน ขอบคุณข้อมูล และรูปภาพ ข้อมูลและ ภาพปก (Deadpool, Agatha, Captain America, Daredevil, Thunderbolts, Ironheart) จาก Official Instagram marvelstudios และ Official X Marvel Studios, Daredevil และ PROXIMITY MEDIA ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 จาก Official X Marvel Studios ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 จาก Official X Deadpool Movie ภาพประกอบที่ 8 | ภาพประกอบที่ 9 | ภาพประกอบที่ 10 | ภาพประกอบที่ 11 จาก Official X Marvel Studios ภาพประกอบที่ 12 | ภาพประกอบที่ 13 | ภาพประกอบที่ 14 | ภาพประกอบที่ 15 | ภาพประกอบที่ 16 จาก Official Instagram of Animation Studio polygonpicturesinc ภาพประกอบที่ 17 จาก Official Instagram of Showrunner mrjefftrammell ภาพประกอบที่ 18 | ภาพประกอบที่ 19 จาก Official X Marvel Studios ภาพประกอบที่ 20 จาก Official X of Actor Danny Ramirez ภาพประกอบที่ 21 | ภาพประกอบที่ 22 จาก Official X Marvel Studios ภาพประกอบที่ 23 | ภาพประกอบที่ 24 จาก Official X Daredevil ภาพประกอบที่ 25 จาก Official X of Actor Vincent D'Onofrio ภาพประกอบที่ 26 จาก Official X Daredevil ภาพประกอบที่ 27(ซ้าย, ขวา) จาก Official X Marvel Comics ภาพประกอบที่ 28 | ภาพประกอบที่ 29 | ภาพประกอบที่ 30 | ภาพประกอบที่ 31 | ภาพประกอบที่ 32 จาก Official X Marvel Studios ภาพประกอบที่ 33 | ภาพประกอบที่ 34 | ภาพประกอบที่ 35 | ภาพประกอบที่ 36 จาก Official X of Production Company PROXIMITY MEDIA ภาพประกอบที่ 37 จาก Official Instagram of Actor sachabaroncohen จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !