Movie Review Faceless (2024) ไร้หน้า เมื่อความอยุติธรรมทำงานผลคือเข้มจัดอึดอัดกดดันลุ้นระทึกเอาใจช่วยเพราะไม่ต้องเลือกที่จะเชื่อแต่คือเชื่อหมดใจทำให้เรื่องเดินไปอย่างไม่รั้งรอ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! สำหรับผู้เขียนนั้นที่เห็นแล้วโดดเข้าใส่ถ้าจะมีก็คงเป็นหนังญี่ปุ่นกับไต้หวันนี่ล่ะเพราะเอาจริงแม้จะยอมรับว่าตัวองดูซีรีส์เกาหลีเป็นหลักก็ตามแต่กับงานหนังบางเรื่องก็ยังเว้น แต่ถ้าเป็นหนังญี่ปุ่นหรือไต้หวันนี่คือเห็นเป็นไม่ได้อาจเพราะชอบการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายไม่พยายามเร่งเร้าดราม่าจนบางคราการค่อยๆเล่าก็กลายเป็นเรียบเรื่อย แล้วสัปดาห์ที่ผ่านมา NETFLIX ก็เสิร์ฟหนังญี่ปุ่นชั้นดีมาให้ติดๆกันอย่างที่เพิ่งผ่านตาท่านผู้อ่านไปคือความเรียบง่ายที่สวยงามของชีวิตใน Perfect Days (2023) แล้วถัดมาไม่กี่วันก็มีหนังญี่ปุ่นลงสตรีมอีกเรื่องหนึ่งซึ่งผู้เขียนเองไม่สนอยู่แล้วว่าจะออกมาแนวไหนคือถ้าเป็นหนังญี่ปุ่นก็ดูได้เลยไม่ค่อยมีผิดหวัง ซ้ำยังไม่พอคือส่วนตัวแล้วที่คิดว่าไม่ควรพลาดเพราะกลัวพลาดของดีอย่างหนังเรื่องนี้ที่ท่านกำลังจะได้อ่านบทความนี้คือของดีที่ว่า แม้ว่าเมื่อดูแล้วก็ยังคิดถึงหนังเรื่องอื่นอยู่บ้างซึ่งมันเป็นคำสาปของคนที่ดูหนังมาอย่างมากมายอย่างผู้เขียนที่ต้องยอมรับและทนอยู่กับมัน แต่เรื่องนี้ด้วยความเป็นญี่ปุ่นทำให้แม้จะมีเงาบางอย่างพาดทับแต่ก็มีความต่าง เคอิจิ คาบูรากิ (ริวเซย์ โยโกฮามะ) นักโทษประหารในคดีสะเทือนขวัญได้หลบหนีจากห้องขังทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเซย์โก มาทานุกิ (ทาคายูกิ ยามาดะ) ตำรวจที่ทำคดีของเขาต้องตามจับเขามาอีกครั้ง แต่คาบูรากิก็ยังหนีพ้นเงื้อมมือตำรวจไปได้ด้วยการปลอมตัวโดยที่แรกนั้นเขาไปทำงานก่อสร้างทำให้พบกับจัมพ์หรือคาสึยะ โนโมมูระ (ชินทาโร โมริโมโตะ) แต่แล้วเขาก็ต้องหนีอีกครั้งเพราะค่าหัว จนเขามาทำงานเขียนอิสระแล้วได้พบกับนักข่าวซายากะ อันโดะ (ริโฮ โยชิโอกะ) ที่ความจริงรู้ว่าเขาเป็นใครแต่เธอเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ จนเมื่อคาบูรากิต้องหนีอีกครั้งซายากะ อันโดะจึงตัดสินใจที่จะพยายามล้างมลทินให้เขาที่คราวนี้เขาพยายามเป็นครั้งสุดท้ายในการพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธิ์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เซย์โก มาทานุกิก็ต้องต่อสู้กับความขัดแย้งในใจเมื่อคดีคาบูรากิที่เขาทำมีช่องโหว่มากมายแต่เขาถูกกดดันจากเบื้องบนให้ปิดคดีโดยที่มีธงตั้งไว้ จนสุดท้ายคาบูรากิก็ถูกจับได้แต่ครานวนี้ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปเมื่อมโนธรรมในใจมาคัดง้างกับความยุติธรรมที่บิดเบี้ยว นี่คือ The Fugitive เวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ในความคล้ายมีความต่างและความต่างนั้นก็คือความเป็นญี่ปุ่น หนึ่งนักโทษประหารแหกคุกกับหนึ่งเจ้าหน้าที่ตงฉินผู้ไล่ล่ากับการค่อยๆเผยว่าความจริงนั้นเป็นเช่นไรไม่มีทางที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะไม่คิดถึงหนังคลาสสิค The Fugitive (1993) ซึ่งตัวละครคาบูรากิก็ไม่ต่างจากหมอ Richard Kimble ของ Harrison Ford และตัวละครเจ้าหน้าที่มาทานุกิก็ไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่ตำรวจศาล Sam Gerard ของ Tommy Lee Jones ธีมของเรื่องก็ไม่ต่างกันคือหนึ่งหนีหนึ่งล่ากับมโนธรรมในใจในความยุติธรรมที่ถูกบิดเบือนใส่ร้ายที่ก่อกวนหัวใจเจ้าหน้าที่แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ซึ่งถ้าว่ากันตรงนี้ก็มีความคล้ายจนเกือบเหมือนแต่ความต่างคือนี่คือหนังญี่ปุ่นที่จะละเมียดเล่าและจะมีแก่นสารแฝงไว้หลังความบันเทิง หนังจึงออกมาไม่ใช่แค่ตั้งหน้าตั้งตาหนีหรือตั้งใจไล่ล่าแต่เล่าให้รู้ว่าคาบูรากิไม่ใช่ฆาตกรแน่ๆจากการใช้ชีวิตผ่านการปลอมตัว ซึ่งมันส่งผลต่อหัวใจที่จะใส่อารมณ์สุดตัวเมื่อมันท้าทายมโนธรรมในใจคนดูเต็มที่แม้จะไม่เร็วแรงก็ตาม ไม่ต้องเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เพราะเชื่อหมดใจด้วยจังหวะการปล่อยของที่ได้หมดทั้งลุ้นทั้งอึดอัดกดดันและทั้งสงสารเห็นใจ โดยปกติหนังแนวนี้ที่คนดีถูกความอยุติธรรมเล่นงานมักจะสร้างความสงสัยว่าคนดีที่ว่าเป็นฆาตกรจริงหรือไม่เพื่อสร้างความเร้าใจบนความสงสัย แต่เรื่องนี้ถือว่ามาเปิดหน้ากันไปไม่ต้องสงสัยเพราะความละเมียดเล่าในแบบญี่ปุ่นที่เก่งที่หาวิธีให้เชื่อได้จากการเล่าเรื่องการเดินทางระหว่างหนีและการใช้ชีวิตของคาบูรากิ แน่นอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานคนดูจะรู้ว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรแต่เขาถูกธงของการสืบสวนตั้งไว้พร้อมกับค่อยๆขโมยหัวใจคนดูด้วยการที่ทำให้เห็นว่าคาบูรากิเป็นคนจิตใจดีที่แม้แต่มดสักตัวคงยังไม้กล้าบี้ แล้วเมื่อคนดูไม่ต้องเลือกว่าจะเชื่อมั่นในตัวคาบูรากิแต่เชื่อทั้งใจสิ่งที่ตามาคือจังหวะในการใส่ความเร้าใจเมื่อผู้ไล่ล่าตามมาทันและคาบูรากิต้องหนีที่ไม่มีทางที่คนดูจะไม่เอาใจช่วย สิ่งที่ตามมาคืออาการลุ้นแม้กระทั่งจะเปิดกระเป่าจนแทบกลั้นหายใจความตื่นเต้นระทึกใจในการหนีที่ไม่รู้จะไปสิ้นสุดตรงไหนเพราะสงสารเห็นใจเต็มที่ ความยุติธรรมจะถูกบิดเบือนก็ต่อเมื่อมีคนต้องการบิดเบือนมันและคนคนนั้นต้องมีอำนาจในการบิดเบือน เพราะมนุษย์มีพื้นฐานของหัวใจที่ความสงสารเห็นใจผู้ที่ถูกกระทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนธรรมดาคนตัวเล็กๆที่ถูกกระทำโดยผู้ที่ตัวใหญ่กว่า หนังจึงใช้ตรงนี้อย่างคุ้มไม่มีกระมิดกระเมี้ยนที่จะบอกเล่าเรื่องตรงนี้ในเรื่องของความบิดเบี้ยวของกระวนการยุติธรรมที่ถูกบิดเบือนโดยธงของผู้ที่มีอำนาจจะบิดมัน และธงนั้นเป็นแค่เรื่องภาพลักษณ์ขององค์กรที่ควรใช้กฎหมายมอบความยุติธรรมให้ทั่วฟ้าแต่ผู้ที่อยู่สูงกว่าในกระบวนการเลือกที่จะทำลายชีวิตเด็กกำพร้าจิตใจดีคนหนึ่งด้วยเรื่องของภาพลักษณ์ สิ่งนี้เองที่เป็นความน่ารังเกียจเพราะต่อให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามจะมีความขัดแย้งในใจตัวเองมากมายแต่หน้าที่ที่ได้รับก็ต้องทำตามแถมยังถูกกดดันจากเบื้องบน แล้วเมื่อมันเป็นความน่ารังเกียจหัวใจคนดูก็เลือกอีกฝั่งอย่างเต็มที่ทำให้เรื่องรองที่ว่ามโนธรรมในใจตำรวจดีที่จะเป็นตัวแปรที่ใหญ่หลวงกลายมาเป็นส่วนเสริมขั้นเยี่ยมนอกจากการหนี การตามล่า และการเปิดเผยความจริง การแสดงที่ต้องติดดาวให้ทั้งคนหนีและคนล่าพร้อมกับปัจจัยด้านหัวใจในระหว่างทาง นอกเหนือจากการปลอมตัวที่เอาจริงมันก็ง่ายๆไม่ต้องเหนือชั้นหรือเป็นเซียนการปลอมตัวแต่ก็ทำให้เชื่อได้เพราะถ้าไม่รู้ว่านี่คือการปลอมตัวก็คงไม่รู้ว่าเป็นคนคนเดียวกันนั่นคือการสื่อสารมิติตัวละครที่ดีถึงดีมากของริวเซย์ โยโกฮามะ เพราะหนังต้องการให้คนดูเชื่อและเห็นใจเขาอยู่แล้วกับความเป็นคาบูรากิที่ไม่มีทางทำอะไรที่เหี้ยมโหดแบบนั้นริวเซย์ โยโกฮามะสามารทำให้คนดูเชื่อได้จากการแสดงของเขาที่พาหนังไปอย่างมีพลัง แล้วยังได้แรงหนุนชั้นเยี่ยมจากทาคายูกิ ยามาดะในบทตำรวจตงฉินซื่อตรงต่อหน้าที่ที่เห็นเลยว่าเขามีความขัดแย้งในใจแต่หน้าที่ต้องมาก่อนและตัวละครนี้มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมจากการแสดงที่หน้าอมทุกข์เพราะครุ่นคิดของทาคายูกิ ยามาดะ แต่ที่ต้องไม่ลืมคือคนรอบข้างที่ทำให้คนดูเชื่อในตัวคาบูรากิที่เมื่อเขาไปใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาไหนก็เป็นแรงหนุนให้ยิ่งเชื่อใจจากการแสดงของชินทาโร โมริโมโตะ,ริโฮ โยชิโอกะและแอนนา ยามาดะ กลายเป็นงานดีที่ไม่ควรมองข้ามเพราะหนังจัดให้หมดในทุกอย่างที่ต้องการแถมยังจัดการอารมณ์ได้โดยไม่ต้องบีบคั้น สิ่งที่ผู้เขียนชอบคือการใส่รายละเอียดเล็กน้อยที่มาเพื่อตอกย้ำความเชื่อใจเช่นกรณีของผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่คาบูรากิโตมาที่อาจเหมือนอยู่ๆก็โผล่มาหรือที่เขาไปทำงานคัดกุ้ง เอาจริงคือหนังก็ยังมีบ้างที่มีอะไรเกินความจำเป็นอาจเพราะต้องการจัดการอารมณ์คนดูตอนท้ายที่ถ้าจะบีบจริงๆก็มีน้ำตาไหลไม่ใช่แค่สะเทือนใจและดีใจเท่านั้น แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คืองานดีที่ภาพรวมถือว่าร้อยเรียงเรื่องราวได้อย่างเห็นผลเพราะหนังมีเจตนาที่ชัดกับความสงสารเห็นใจ ทำให้ความสงสารเห็นใจเป็นปัจจัยที่ทำให้คนดูไม่สามารถปล่อยวางจากการติดตามดูว่าชะตากรรมของคาบูรากิจะเป็นอย่างไรในตอนท้ายคือมีพลังตั้งแต่ต้นจนนาทีสุดท้าย นั่นเพราะความกล้าที่จะต่างคือกล้าที่จะทำให้คนดูเอาใจช่วยโดยไม่สนว่าความจริงจะเป็นเช่นไรเพราะเชื่อใจเต็มร้อยแล้วสิ่งที่ตามมาคือทั้งสนุกทั้งลุ้นระทึกเต็มไปด้วยความพลิกผันเร้าใจที่มีหัวใจ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก X 映画『正体』公式 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !