รีเซต

ริชาร์ด เคอร์ติส ยอมรับ! สุดยี้ฉากถือป้ายสุดโด่งดังใน "Love Actually"

ริชาร์ด เคอร์ติส ยอมรับ! สุดยี้ฉากถือป้ายสุดโด่งดังใน "Love Actually"
แบไต๋
4 ธันวาคม 2566 ( 07:00 )
67

พอถึงช่วงคริสต์มาส หนังหลาย ๆ เรื่องก็มักจะได้รับการนำมาพูดถึง หนึ่งในนั้นก็คือ ‘Love Actually’ (2003) หนังรอมคอมที่ร้อยเรื่องราวความรักหลากรสหลายแบบ ของผู้คนในหลากหลายสถานการณ์เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้บรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสสุดอบอุ่น ผลงานฝีมือการกำกับของผู้กำกับและผู้เขียนบทเจ้าพ่อหนังรอมคอม ริชาร์ด เคอร์ติส (Richard Curtis)

ในปี 2023 นี้ ถือเป็นปีที่เฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของหนังเรื่องนี้พอดี แม้ตัวหนังจะกลายมาเป็นเจ้าประจำของลิสต์หนังเทศกาลคริสต์มาสไปแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า หลาย ๆ มุกในหนังเรื่องนี้ ที่สร้างเรื่องขึ้นจากบริบทของเมื่อ 2 ทศวรรษที่แล้วก็อาจจะไม่เหมาะควรกับยุคสมัยนี้ แม้แต่ผู้กำกับและเขียนบทเรื่องนี้อย่างเคอร์ติสเองก็ไม่ได้ชอบมุกบางมุกที่อยู่ในหนัง แบบเดียวกับที่หลายคนชื่นชอบเสมอไป

เคอร์ติสได้ให้สัมภาษณ์ล่าสุดกับเว็บไซต์ The Independent เคอร์ติสได้กล่าวถึงหนังรักในตำนาน และได้สารภาพว่า เขาเองรู้สึกยี้กับฉากเปิดเพลงชูป้าย ‘To Me, You ARE PERFECT’ ซึ่งถือเป็นฉากในตำนานที่โด่งดังที่สุดของหนังเรื่องนี้ จนขนาดหนังไทย ‘ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น’ (2551) ก็ยังเอาแรงบันดาลใจมาใส่ไว้ในหนัง

ฉากนี้มาจากเรื่องราวของ ปีเตอร์ (ชูวิเท็ล เอจีโอฟอร์ – Chiwetel Ejiofor) ที่เพิ่งเข้าพิธีสมรสกับ จูเลียต (เคียรา ไนต์ลีย์ – Keira Knightley) แต่หารู้ไม่ว่า มาร์ก (แอนดรูว์ ลินคอล์น – Andrew Lincoln) เพื่อนสนิทชิดเชื้อของปีเตอร์นั้นแอบชอบจูเลียตมานาน จนวันหนึ่ง มาร์กได้ไปเคาะประตูห้องของจูเลียต เขาเปิดเพลงจากเครื่องเล่นเทป และหยิบป้ายที่เขาเขียนขึ้นเองเพื่อสารภาพรักกับจูเลียตแบบเงียบ ๆ ซึ่งเคอร์ติสได้เปิดเผยว่า เขาเองรู้สึกแปลก ๆ กับฉากนี้ ที่ภายหลังถูกบางคนเรียกขานว่าเป็น ‘ฉากสตอล์กเกอร์’

“จริง ๆ แล้ว ถ้าเขาไปที่บ้านเพื่อนสนิท เพื่อบอกสารภาพรักกับภรรยาของเขา แล้วเธอดันตอบกลับมาว่า ‘ฉันรักคุณ’ ผมคิดว่ามันคงดูแปลก ๆ ไปหน่อยน่ะ” เคอร์ติสเล่าพลางส่ายหัว

“ผมจำได้ว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ผมเคยรู้สึกประหลาดใจมากกับเรื่องนี้ ผมกำลังให้สัมภาษณ์กับใครบางคนอยู่ แล้วพวกเขาก็บอกผมว่า ‘แน่นอนว่าเรากำลังสนใจฉากสตอล์กเกอร์’ ผมเลยถามว่า ‘ฉากนั้นมันฉากไหนนะ ? ‘ แล้วตอนนั้นผมก็เหมือนได้เรียนรู้ในทันที”

“ผมแค่อยากจะบอกว่า มีคนฉลาด ๆ ที่มีส่วนร่วมกับหนังเรื่องนี้อยู่เยอะเหมือนกันนะ และเราก็ไม่ทันได้ฉุกคิดหรอกว่าฉากนั้นจะเป็นฉากสตอล์กเกอร์… ตอนนั้นคนรู้สึก (กับฉากนั้น) แค่ว่ามันตลกดี หรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ ซึ่งก็อย่างที่รู้ว่า ขอให้พระเจ้าอวยพรโลกที่ก้าวหน้าของเราด้วยเถอะ”

‘Love Actually’ เป็นผลงานกำกับและเขียนบทหนังรอมคอมเรื่องแรกของเคอร์ติส หลังจากสร้างชื่อในฐานะผู้สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ตลกในตำนาน มิสเตอร์บีน (Mr.Bean) และเป็นนักเขียนบทหนังรอมคอมดัง ๆ หลายเรื่อง ซึ่งเบื้องหลังฉากดังฉากนี้ เคอร์ติสเล่าว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากมิวสิกวิดีโอเพลง “Subterranean Homesick Blues” ของ บ็อบ ดีแลน (Bob Dylan) ที่เจ้าตัวยืนเปิดแผ่นกระดาษที่มีเนื้อเพลงไปเรื่อย ๆ แต่กว่าที่จะได้ไอเดียนี้ เขาเองพยายามลองคิดหาไอเดียสำหรับให้ตัวละครมาร์กใช้สารภาพรักกับจูเลียต

เขาจึงคิดไอเดียไว้ 5 แบบและทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิง 4 คนในออฟฟิศของเขาเอง ว่าจะชอบไอเดียไหนมากที่สุด ซึ่งบรรดาไอเดียการบอกรัก เช่น วางดอกกุหลาบเต็มหน้าบ้าน นั้นกลับไม่ถูกใจสาว ๆ กลุ่มตัวอย่างสักเท่าไหร่ มีเพียงไอเดียการเปิดป้ายที่กลุ่มตัวอย่างไม่รู้สึกยี้ จนกลายมาเป็นไอเดียการบอกรักผ่านป้ายประกอบเพลงในที่สุด ซึ่งลายมือบนป้ายที่อยู่ในหนังนั้น เป็นลายมือที่ลินคอล์น นักแสดงผู้ถือป้ายเป็นคนลงมือเขียนด้วยตัวเองจริง ๆ

แม้จะได้รับคำชื่นชมในฐานะหนังรักรอมคอมที่ถูกใจคนดูด้วยเรื่องราวอันหลากหลาย แต่ตัวหนังเองก็มีปัญหาถึงความเหมาะสมตามยุคสมัยอยู่หลายประเด็น ทั้งการคัดเลือกนักแสดงผิวขาวเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งฉากนี้ ที่แม้ว่าดูผิวเผินจะดูน่ารัก แต่หลายคนกลับวิเคราะห์ว่านี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการสตอล์กเกอร์ (Stalker) แถมยังเคยมีการวิจัยว่า การดูหนังที่มีตัวละครชาย ที่มีพฤติกรรมสตอล์กเกอร์ (แบบเดียวกับหนังเรื่องนี้ และอีกหลายเรื่อง) อาจส่งผลให้ผู้หญิงยอมรับพฤติกรรมสตอล์กเกอร์ในชีวิตจริงได้

ก่อนหน้านี้ เคอร์ติสได้ได้ออกมาเปิดเผยว่า เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับบรรดามุกที่ปรากฏอยู่ในหนัง โดยเฉพาะมุกตลกบูลลีแซวน้ำหนักตัวผู้หญิง ซึ่ง สการ์เลตต์ เคอร์ติส (Scarlett Curtis) ลูกสาววัย 28 ปี เป็นคนที่ทำให้เขาตระหนักมากขึ้น จนนำไปสู่การพยายามพิจารณาปรับลดสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจ และไม่เหมาะสมในยุคปัจจุบันในผลงานชิ้นใหม่ ๆ ที่เขามีส่วนร่วมมากขึ้นกว่าเดิม

“ผมเองแปลกใจนะ ที่ใคร ๆ ต่างก็แปลกใจที่พอคนเขียนบทมองย้อนหลังกลับไป 10-20 ปี แล้วพูดว่า ‘เราอยู่ในโลกที่แตกต่างไปจากเดิมมาก’ ผมจึงคิดว่าเธอ (สการ์เลตต์) พูดถูกเกือบทุกอย่างในเรื่องนี้ และผมหวังว่าเธอจะโอเคกับงานของผมที่กำลังจะดำเนินต่อไป”


ที่มา: The Independent, The Telegraph, MovieWeb