ซึ้งใจไปกับ Tell Me That You Love Me ซีรีส์โรแมนติกเมโลดราม่าเรื่องใหม่แกะกล่อง ฉลองการหวนคืนจอของพระเอกระดับตำนาน จองอูซอง ประกบคู่นางเอกสายฝีมือ ชินฮยอนบิน สำรวจความรักต่างภาษาของจิตรกรหูหนวกนักแสดงสาวผู้ไล่ตามฝัน สัมผัสบรรยากาศอบอุ่นราวแสงแดดตอนเช้า คลายเหงาไปพร้อมกัน ณ บัดนี้ เรื่องย่อ Tell Me That You Love Me บอกเล่าเรื่องราวของ จองโมอึน (รับบทโดย ชินฮยอนบิน) อดีตพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินผู้ตัดสินใจเบนเข็มชีวิตสู่การเป็นนักแสดง แม้เส้นทางความฝันของเธอจะเต็มไปด้วยอุปสรรคราวกับถนนอันขรุขระ ทว่าจองโมอึนกลับพยายามสุดกำลังเพื่อหลุดพ้นจากสถานะตัวประกอบเดินผ่านกล้อง กระทั่งการถูกไล่ออกจากกองถ่ายหลังเดินทางไปถ่ายทำยังเกาะเชจูทำให้เธอได้พบกับ ชาจินอู (รับบทโดย จองอูซอง) ชายหนุ่มผู้สูญเสียการได้ยินตั้งแต่เยาว์วัย วันนี้เขากลายเป็นจิตรมากฝีมือที่ใช้ภาพวาดเป็นเครื่องมือสื่อสารความรู้สึกนึกคิดของตัวเองหลังจากจองโมอึนให้ความช่วยเหลือชาจินอูจากเหตุเพลิงไหม้บนเกาะเชจู ทั้งคู่จึงมีโอกาสใช้เวลาร่วมกันเพียงสั้น ๆ ก่อนจะต้องแยกจากโดยไม่ทันทำความรู้จัก แต่แล้วสายลมแห่งความบังเอิญได้พัดพาพวกเขากลับมาประสบพบเจอกันอีกครั้งยังกรุงโซล ชาจินอูทำงานเป็นครูสอนศิลปะให้กับเด็กหูหนวก ขณะที่จองโมอึนยังคงเดินหน้าไล่ล่าความฝันของเธอต่อไป ความใกล้ชิดหล่อหลอมสองหัวใจให้ผูกพันตามลิขิตของโชคชะตา แม้จะสื่อสารคนละภาษาราวกับมาจากคนละโลก ทว่าเธอและเขากลับไม่เคยยอมแพ้ต่อข้อจำกัดของความสัมพันธ์แม่แต่วันเดียว บทบาทนักแสดง จองอูซอง รับบทเป็น ชาจินอู จิตรกรหนุ่มผู้ประสบภาวะสูญเสียการได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเติบโตอย่างโดดเดี่ยวจนสร้างกำแพงป้องกันตัวเองจากสังคม นอกจากภาษามือแล้วเขายังสื่อสารอารมณ์ผ่านภาพวาด กระทั่งได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งโดยบังเอิญ โลกอันแสนเงียบงันของเขาจึงมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งชินฮยอนบิน รับบทเป็น จองโมอึน นักแสดงหญิงตัวประกอบผู้ทำงานอย่างหนักเพื่อก้าวขึ้นเป็นมืออาชีพของวงการบันเทิง ชีวิตของเธอกำลังสั่นคลอนราวกับเครื่องบินตกหลุมอากาศ ทว่าวันหนึ่งเธอกลับพบพื้นที่ปลอดภัยหลังจากได้สัมผัสกับจิตรกรหูหนวก ชายหนุ่มผู้เข้ามาในชีวิตพร้อมกับความเงียบสงบอันแสนอบอุ่น Tell Me That You Love Me ซีรีส์โรแมนติกเมโลดราม่า จำนวน 16 ตอน ออกอากาศทางช่อง ENA ดัดแปลงจากละครต้นฉบับสัญชาติญี่ปุ่นในชื่อเดียวกัน ผ่านการสร้างสรรค์บทโทรทัศน์โดย นักเขียนคิมมินจอง เจ้าของผลงานชื่อดังอย่าง Who Are You: School 2015 (2015) Love in the Moonlight (2016) และ The Sound of Magic (2020) ทำงานภายใต้การควบคุมของ ผู้กำกับคิมยุนจิน จากซีรีส์ดีกรีรางวัล Our Beloved Summer (2021) ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร สนุกน่าติดตามขนาดไหน ประเด็นใดน่าสนใจ ขออาสามารีวิวเป็นแนวทางให้เช่นเคย สะพานเชื่อมต่อหัวใจ สื่อสารภาษารักไร้เสียง Tell Me That You Love Me ออกเดินทางบนท้องเรื่องแสนเรียบง่าย ร้อยเรียงชีวิตของมนุษย์ชนชั้นกลางในเมืองใหญ่ สำรวจกิจวัตรของคนวัยทำงานอันเป็นช่วงเวลาแห่งการลงหลักปักฐานอย่างแน่วแน่ พวกเขาเริ่มโหยหาความมั่นคงทางอาชีพ ความคล่องตัวทางการเงิน ตลอดจนคู่ชีวิตช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัว ทว่าตัวละครหลักอย่าง จองโมอึน กับ ชาจินอู กลับเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งยังคงตามหาความฝัน มีลมหายใจเพื่อทำความรู้จักโลกอีกหลายมุมมอง พร้อมกับค้นหาสิ่งที่รักเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ประเด็นคมคายดังกล่าวถือเป็นอาวุธอันแข็งแรงที่ซีรีส์หยิบมาใช้สะท้อนสังคมปัจจุบันได้อย่างทรงพลังจากนั้น Tell Me That You Love Me จึงปักหมุดหมายวางแผงขายเรื่องราวความรักบนความต่าง จิตรกรหนุ่มหูหนวกผู้ใช้ภาษามือเป็นเครื่องมือสื่อสารคำพูดและแสดงอารมณ์ผ่านภาพวาด นักแสดงสาวหน้าใหม่ผู้ใช้ปากถ่ายทอดบทละครและสีหน้าแทนความรู้สึก พวกเขาเคยเดินสวนกันเป็นเส้นขนานแต่กลับค้นพบสะพานเชื่อมต่อถนนสองสายเข้าหากัน โลกเงียบเหงาวังเวงของชาจินอูกลับมีชีวิตชีวาราวฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่โลกแสนจอแจของจองโมอึนเริ่มสงบลงจนเหลือพื้นที่ฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ทว่าซีรีส์ยังไม่ลืมบอกเล่าความยากลำบากที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ ด้วยความมุ่งมั่นในการตีแผ่ข้อมูลสำคัญเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคนหูหนวกต่อสาธารณชน เหงาเจือสุขเนิบช้า งานภาพละมุนตา ดราม่ากระทบอารมณ์ Tell Me That You Love Me เลือกกลวิธีเล่าเรื่องแบบสโลว์เบิร์นสอดรับกับพล็อตประเภท เสี้ยวหนึ่งของชีวิต (Slice of Life) พรรณนาความเป็นไปของตัวละครด้วยไดนามิกเนิบช้า ละเลียดเก็บรายละเอียดปลีกย่อย ค่อย ๆ สร้างมวลความอบอุ่นปกคลุมหัวใจคนดูอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศคล้ายจะเหงาแต่หลายองค์ประกอบกลับทำใจเต้น เหมือนจะอึมครึมหดหู่แต่อัดแน่นด้วยสถานการณ์เจือรอยยิ้มอยู่ในที นี่จึงไม่ใช่งานที่มุ่งขายความหวือหวาน่าตื่นเต้น โดดเด่นด้วยจังหวะราบเรียบแต่เฉียบขาด วาดลวดลายรีดเค้นความรู้สึกได้ดีไม่แพ้งานแคตตาล็อกเดียวกันอย่าง When The Weather Is Fine (2020) My Liberation Notes (2022) และ Call It Love (2023)(อ่านต่อ: รีวิว When the Weather Is Fine (2020) ซีรีส์รักอบอุ่นรับลมหนาวของ พัคมินยอง x ซอคังจุน)จุดขายของ Tell Me That You Love Me ยังมาจากงานโปรดักชันระดับเทพอันเป็นลายเซ็นประจำตัวของผู้กำกับ ยืนหนึ่งด้านงานภาพแฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์ การออกแบบองศาแสง เงา ตลอดจนการย้อมโทนสีภาพยังคงเป็นท่าไม้ตายดึงดูดอารมณ์ร่วมของคนดูอย่างมีชั้นเชิง ผนวกกับบทสนทนาแฝงความหมายจากการร้อยเรียงภาษาอันงดงาม ใช้วลีกระทบกระเทียบเปรียบเปรยเป็นอาวุธจี้จุดคนฟัง เติมแต่งความเข้มขลังด้วยดนตรีและเพลงประกอบฉาก สัมผัสได้ถึงความตั้งใจผ่านทุกเม็ดงาน องค์ประกอบอันละเมียดละไมจึงกลายเป็นตัวชูโรงส่งเสริมให้ซีรีส์มีเสน่ห์ เปี่ยมล้นด้วยความน่าติดตามจนชนิดใจจดจ่อรอตอนใหม่แบบลงแดง งานขายฝีมือนักแสดง เวทีฉายแสงเต็มกราฟ Tell Me That You Love Me สร้างความตื่นเต้นจากการประกาศไลน์อัปนักแสดงตั้งแต่เริ่มผลิตโปรเจกต์ โดยเฉพาะการหวนคืนจอโทรทัศน์อย่างเต็มรูปแบบในรอบ 12 ปีของ จองอูซอง พระเอกรุ่นใหญ่ที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดีจากสายงานภาพยนตร์ ประสบการณ์ตลอดชีวิตของเขาถูกนำมาใช้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การถ่ายทอดตัวละครคนหูหนวกถือเป็นงานหินรอบด้าน ทั้งการสื่อสารภาษามือและแสดงความรู้สึกนึกคิดผ่านสีหน้าแววตา แน่นอนว่าวิธีการนำเสนอประเภททำน้อยแต่ได้มากเป็นอาวุธเด็ดของจองอูซองอยู่แล้ว เชื่อว่าหลายคนต้องประทับใจกับทักษะระดับชั้นเซียนจนต้องยกนิ้วให้ สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณนักแสดงอย่างแท้จริงหนำซ้ำ Tell Me That You Love Me ยังส่งนางเอกดีกรีรางวัลอย่าง ชินฮยอนบิน มาประชันอารมณ์ชูรสเข้มข้นไปอีกระดับ ด้วยคาแรกเตอร์ปุถุชนคนธรรมดาต้องอาศัยการเก็บรายละเอียดค่อนข้างมาก ความท้าทายจึงมาจากถ่ายทอดบุคลิกตัวละครให้ผู้ชมสัมผัสถึงอารมณ์อันลุ่มลึก การแสดงความรู้สึกที่สมจริงจับต้องได้ รวมถึงการรับส่งเคมีกับพระเอกที่เข้าฉากด้วยกันตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย ขออวยยศให้กับการทุ่มเทพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่องของชินฮยอนบินจนผลิดอกออกผลอย่างงดงาม เธอทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมเต็มกำลังจนต้องปรบมือให้กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยนักแสดงสมทบที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันอีกมากมาย งานนี้กำไรคนดูล้วน ๆ Tell Me That You Love Me อาจเป็นงานที่ผลิตขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนดูเฉพาะกลุ่มมากกว่าการมุ่งยึดครองกระแสความนิยม ด้วยความเรียบง่ายของเนื้อหาสาระที่หยิบยกชีวิตของมนุษย์ชนชั้นกลางมาร้อยเรียงอย่างตรงไปตรงมา ตีแผ่การวิ่งไล่ล่าตามความฝัน การรับมือกับปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนเส้นทางชีวิตอันยากลำบากซึ่งคนวัยนี้ต้องประสบพบเจอ ภายใต้ร่มใหญ่ของเรื่องราวอันว่าด้วยความรักต่างภาษาของนักแสดงสาวกับจิตรกรหูหนวก ซีรีส์ถักทอความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างละเอียดบรรจง ผ่านวิธีนำเสนออย่างเนิบช้าค่อยเป็นค่อยไป ทว่าสามารถกระตุกหัวใจและเร้าทุกอณูความรู้สึกของผู้ชมได้เป็นอย่างดี ใครชอบงานแนวนี้ไม่มีผิดหวัง ตัวอย่างซีรีส์(YouTube: 컬처앤스타 Culture N Star)แปลภาษารักกับ Tell Me That You Love Me ชวนดูสดทุกสัปดาห์ตลอดทั้ง 16 ตอน อัปเดตตอนใหม่ฉบับบรรยายไทยถูกลิขสิทธิ์ ทุกคืนวันจันทร์และวันอังคาร เวลา 21.30 น. คอยเป็นกำลังใจให้กับจิตรกรหูหนวกกับนักแสดงสาว พวกเขาจะจับมือฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อสร้างความรักไร้เสียงอันงดงามได้อย่างไร บอกต่อกันไปว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงรูปภาพประกอบบทความจาก- Official X: Studio Genieภาพหน้าปก | ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 8 | ภาพประกอบที่ 9 | ภาพประกอบที่ 10 | ภาพประกอบที่ 11บทความแนะนำจากผู้เขียน- รีวิว The Story of Park's Marriage Contract (2023) ซีรีส์ย้อนยุคข้ามเวลาจาก อีเซยอง x แบอินฮยอก- รีวิว ปีศาจของฉัน My Demon (2023) ซีรีส์โรแมนติกแฟนตาซีของ ซงคัง x คิมยูจอง- รีวิว Vigilante (2023) ซีรีส์ทริลเลอร์สายโหดของ นัมจูฮยอก ดาร์กฮีโร่นักเรียนตำรวจ