รีเซต

Ford v Ferrari - แด่ชัยชนะและความพ่ายแพ้ by Kanin The Movie

Ford v Ferrari - แด่ชัยชนะและความพ่ายแพ้ by Kanin The Movie
Jeaneration
3 เมษายน 2563 ( 14:15 )
1.7K
1

ดูหนังออนไลน์ Ford v Ferrari

ท่ามกลางภาพยนตร์คุณภาพมากมายที่เข้าฉายในปี 2019 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “Ford v Ferrari” ของ เจมส์ แมนโกลด์ คือหนึ่งในหนังที่เรารักที่สุดเป็นอันดับต้นๆ (เช่นเดียวกับผู้เข้าชิงออสการ์ในปี 2020 ด้วย) หน้าหนังมันคือภาพยนตร์แอคชั่นแข่งรถมันส์ๆ เรื่องของการต่อสู้ระหว่างสองแบรนด์รถระดับโลกที่มีเส้นชัยเป็นเป้าหมาย และมีความยิ่งใหญ่เป็นเดิมพัน แต่เนื้อในมีประเด็นมากไปกว่านั้น

มันคือภาพยนตร์ดราม่าที่พาเราไปสำรวจเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร การทำงานภายใน และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเพราะมนุษย์ทุกคนมี “ชัยชนะ” ในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ เมื่อหนังวางเส้นชัยให้กับตัวละครทุกคนในทิศทางที่ต่างกันออกไป บนการแข่งขันเดียวกัน เต็มไปด้วยเป้าหมายนับพันที่ต่างคนต่างขีดเส้นเอาไว้ ชัยชนะสำหรับบางคนอาจหมายถึงความพ่ายแพ้ และความพ่ายแพ้ของใครบางคนก็กลายเป็นชัยชนะได้เช่นกัน

หนังเล่าเรื่องของ แครอล เชลบี้ นักออกแบบรถ อดีตผู้พิชิตสนามเลอมังส์ 24 ชั่วโมง แต่ต้องวางมือเพราะสุขภาพของตนเอง และ เคน ไมลส์ นักแข่งรถสุดเก๋าแต่เข้าสังคมไม่เป็น จับพลัดจับผลูเข้ามามีส่วนสำคัญในการต่อสู้ทางธุรกิจรถยนต์เมื่อ ฟอร์ด ได้ยื่นข้อเสนอให้ เชลบี้ ออกแบบรถแข่งเพื่อเอาชนะ เฟอร์รารี่ ในการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมงประจำปี 1966 หลังจากล้มเหลวในการเข้าซื้อกิจการ (และถูกหยามใส่เป็นการซ้ำเติม)

เชลบี้ และ ไมลส์ ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้รถของตนเดินทางไปสู่เส้นชัย แต่ก็ต้องพบว่ามันไม่ง่าย เมื่อพวกเขาอาศัยอยู่ในองค์กรขนาดยักษ์ การขับเคี่ยวของคนในบริษัทเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการแข่งขันบนสนามแข่ง เต็มไปด้วยปัจจัย สถานการณ์ และอุปสรรคที่เข้าถาโถมจุดมุ่งหมายของทั้งคู่ การแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมงจึงเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่เกิดขึ้นใน Ford v Ferrari หาใช่สนามแข่งเดียวทื่มนุษย์โลดแล่นอยู่ในเรื่อง หากแต่รวมถึงออฟฟิศ อู่ซ่อมรถ บ้าน สนามซ้อม และอีกมากมายที่พวกเขาพยายามแสวงหาชัยชนะชองตัวเอง

ประเด็นที่น่าสนใจคือคำว่า “ชัยชนะ” ที่ถูกนำเสนอทั้งในแบบของรูปธรรม และนามธรรม กล่าวคือเราทุกคนล้วนเข้าใจว่าการเข้าถึงเส้นชัยก่อนคือผู้ชนะ แต่สิ่งที่ Ford v Ferrari เล่านั้นไปไกลกว่านั้น เพราะหนังค่อย ๆ พาเราไปสำรวจถึงความคิด จิตใจ และเป้าหมายที่แต่ละคนมี จนถึงจุดเริ่มต้นของแข่งขัน สงครามการแข่งขันระหว่าง ฟอร์ด และ เฟอร์รารี่ อาจดูเป็นเรื่องของธุรกิจ เรื่องของการช่วงชิงเจ้าแห่งความเร็ว แต่ใครจะไปคิดว่าการตัดสินใจจริงๆ ในการแข่งขันนี้ มาจากเรื่องของศักดิ์ศรี และการโดนดูถูกของ เฮนรี่ ฟอร์ด ที่ 2 ที่ทำให้เขากระโดดลงสงครามนี้แบบเทหมดหน้าตักเพื่อทวงคืนชัยชนะทางจิตใจของตัวเองกลับมาคืนมาให้ได้

ตลอด 140 นาทีกว่าๆ ผู้ชมจึงได้เห็นชัยชนะที่พ่ายแพ้ และความพ่ายแพ้ที่ดูชนะ มันเกิดมาจากความขัดแย้งและมุมมองที่เรามีต่อแข่งขันนั้นๆ ว่าสุดท้ายแล้วจุดมุ่งหมายคืออะไร การชนะอาจไม่ใช่แค่เรื่องต้องชนะ แต่กลายเป็นเรื่องที่ว่า “เราต้องชนะอย่างไร” ซึ่งเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงผ่านการทำงานขององค์กร วิธีคิดในฐานะนักการตลาดที่ปะทะกับผู้เชี่ยวชาญการแข่งรถ ทุกคนล้วนอยากได้รับชัยชนะ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยากชนะด้วยวิธีเดียวกัน ความสนุกของหนังอยู่ตรงนี้ และมันระห่ำไม่แพ้ช่วงเวลาที่อยู่ในสนามแข่งเลย

เราชอบตัวละคร เคน ไมลส์ มากๆ เริ่มมาเขาดูจะมีบทบาทกับเรื่องไม่มาก ดูเป็นตัวละครเก๋า ๆ เข้าสังคมไม่เก่ง มีทริคมีเทคนิคการขับรถ และความรู้เฉพาะทางที่ทำให้ เชลบี้ สามารถพัฒนารถได้ แต่คำถามคือชัยชนะของ ไมลส์ คืออะไร? เส้นชัยอันดับแรกหรือเปล่า? นี่เป็นเรื่องที่เราชอบมาก ๆ เมื่อท้ายที่สุดอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ ไมลส์ ต้องเผชิญไม่ใช่การแซงคู่แข่ง แต่เป็นการทำงานร่วมกับคนอื่น การเปิดใจ การลดอีโก้ เพื่อให้ตนสามารถขับเคลื่อนไปพร้อมกับคนอื่นให้ได้ มันกลายเป็นหนังแข่งรถ ที่ขับเคลื่อนดราม่าได้งดงามไม่แพ้กัน

สิ่งที่ดีคือหนังสามารถนำทั้งสองส่วนนี้มาเล่าพร้อมๆ กันได้ โดยที่เราไม่รู้สึกว่ามันเล่าตรงไหนน้อยเกินไป ฉากที่ชอบมากๆ คือซีนหนึ่งที่ ไมลส์ อยู่โดดเดี่ยวบนสนามแข่ง มันไม่มีไดอะล็อก ไม่มีบทสนทนา มีเพียงการสื่อสารระหว่างความคิดและจิตวิญญาณภายในตนเอง เป็นซีนที่ชอบมากๆ เพราะมันนำไปสู่การตัดสินใจสำคัญในท้ายเรื่อง และเรารู้สึกว่าฉากนี้คือฉากที่เราได้เห็นชัยชนะของเขา ใน Ford v Ferrari เราจะได้เห็นชัยชนะเกิดขึ้นเต็มไปด้วย และเช่นกัน ความพ่ายแพ้ก็มีแง่งามอยู่ในนั้นด้วย

อีกอย่างที่ชอบคือมันพูดถึงความเร็ว ถ้าคุณอยากจะชนะในสนามแข่งคุณต้องรู้จักการผ่อน การเบรค การรู้ว่าจังหวะไหนควรพุ่งไปข้างหน้า และจังหวะที่ควรชะลอรถเอาไว้ ซึ่งทำไปทำมาเรื่องความเร็วมันไปสอดคล้องกับชีวิตมนุษย์ในเรื่อง สนามเลอมังส์ 24 ชั่วโมงกลายเป็นสนามชีวิตสำหรับ เคน ไมลส์

และเราก็จะได้เห็นเทคนิคการขับรถ ที่บางครั้งก็ไม่ได้เกี่ยวกับความเร็ว แต่เป็นเรื่องของความมั่นคง เป็นเรื่องของการยืนหยัดอยู่ให้ได้นานที่สุด ซึ่งถูกเล่าผ่านทั้งการสร้างสรรค์รถ และศักยภาพของนักแข่ง ซึ่งพอมาอยู่ในรูปแบบหนังแอคชั่นที่จังหวะแม่นยำมาก ๆ เราจะได้เห็นการทะยานไปข้างหน้าของชีวิตที่สนุก รถคือคน คนคือรถ จนไม่แปลกใจที่หนังชนะสาขาตัดต่อยอดเยี่ยมจากออสการ์ปีล่าสุดไป เราว่าเขาลำดับเรื่อง และลำดับภาพในแต่ละซีเควนซ์ดีมากๆ

Ford v Ferrari คือหนึ่งในภาพยนตร์แข่งรถที่เราชอบมาก ๆ ซึ่งหลัง ๆ ก็ไม่ค่อยมีให้ดูแล้วด้วย (เรื่องสุดท้ายที่ชอบคือ Rush ซึ่งเราชอบ Ford v Ferrari มากกว่า) เป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก มันส์ มีอารมณ์ขัน แต่ก็เปี่ยมไปด้วยดราม่าที่แข็งแรง และ execution ที่เราดูแล้วเราตาย (ขนาดดูอีกรอบก็ยังไม่รอด มันพูดถึงชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้ดีมากๆ การเป็นคนตัวเล็กๆ กับองค์กรใหญ่ๆ)

นอกเหนือจากบทภาพยนตร์ นี่เป็นหนังที่ถ่ายสวย ดีไซน์ฉากแข่งรถโคตรมันส์ เช่นเดียวกับสกอร์ที่ดีทุกอารมณ์ จนถึงการแสดงอขง คริสเตียน เบล และ แมตต์ เดมอน ที่งดงาม ใครที่ยังไม่ได้ดู หรือใครที่ดูแล้วอยากชมซ้ำ ตอนนี้หนังเข้าแล้วทาง TrueID ครับ อยากให้ดูกันมากๆ จากใจจริง

ดูหนังออนไลน์ Ford v Ferrari เต็มเรื่องบน TrueID

----------------------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<