เรื่องย่อ F1: The Movie (2025) รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เริ่มต้นจากตัวละคร Sonny Hayes (Brad Pitt) เคยเป็นชื่อที่ทุกคนในวงการฟอร์มูล่าวันต่างยกย่องในฐานะนักแข่งที่มีพรสวรรค์เกินใคร แม้ว่าเขาจะไม่เคยคว้าแชมป์ แต่ความสามารถและคาแรกเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เขากลายเป็นตำนานแห่งยุค 90 จนกระทั่งอุบัติเหตุร้ายแรงทำให้เขาหายไปจากวงการอย่างไม่มีใครคาดคิด หลายปีผ่านไป Sonny Hayes ใช้ชีวิตเงียบ ๆ กับบทบาทนักแข่งรับจ้าง ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีเวทีที่แท้จริง จนวันหนึ่ง Ruben Cervantes (Javier Bardem) อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ปัจจุบันเป็นเจ้าของทีม APXGP ที่ใกล้ล้มละลาย ได้กลับมาหาเขาพร้อมข้อเสนอสำคัญให้ซอนนี่กลับมาลงแข่งอีกครั้ง เพื่อกอบกู้ทีมและมอบโอกาสสุดท้ายให้ตัวเอง การหวนคืนสู่สนามครั้งนี้ Sonny Hayes ต้องจับคู่กับ Joshua Pearce (Damson Idris) นักแข่งรุ่นใหม่ที่ไฟแรงและมุ่งมั่นจะขึ้นเป็นที่หนึ่ง การทำงานร่วมกันในทีมที่เปราะบางเต็มไปด้วยแรงกดดันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อการแข่งขันใน Formula 1 ไม่ได้จบแค่ที่เส้นชัย แต่ยังรวมถึงเบื้องหลัง พันธมิตร และความไว้เนื้อเชื่อใจในขณะที่ซอนนี่พยายามฟื้นคืนศักดิ์ศรีที่เคยมี เขาต้องเผชิญกับอดีตที่ยังไม่คลี่คลาย และเรียนรู้ว่าหนทางสู่การไถ่โทษนั้นอาจไม่ใช่แค่การเอาชนะในสนาม แต่เป็นการเอาชนะตัวเอง และเปิดใจรับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง F1 ไม่ได้เป็นแค่ภาพยนตร์กีฬา แต่นี่คือเรื่องราวของการเริ่มต้นใหม่ความกล้าหาญในวันที่ไม่มีใครเชื่อ และมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความเร็วระดับสุดขีด https://youtu.be/WGBnj_XK6nE?si=WDbaEL4yl8j_ejYX รีวิวจากผู้เขียน หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการแข่งรถเรื่องแรกที่เราดู ตอนแรกแอบกังวลกลัวว่าจะดูไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้ตามการแข่งขัน F1 แต่ถ้าคุณคิดว่า F1 จะเป็นแค่หนังแข่งรถที่มีแต่เสียงเครื่องยนต์ดัง ๆ รถพุ่งไว ๆ แล้วจบ บอกเลยว่าคิดผิด เพราะหนังเรื่องนี้พาเราไปไกลกว่านั้นมาก มันคือเรื่องของการกลับมาเผชิญหน้ากับอดีต และพยายามพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในวันที่โลกอาจจะลืมชื่อคุณไปแล้ว จะเห็นจากในหนังที่ซอนนี่ เฮยส์ อดีตนักแข่งระดับตำนานที่เคยถูกมองว่าเป็น “ของจริง” ที่ไม่เคยมีใครเหมือน แต่หลังจากอุบัติเหตุที่เปลี่ยนชีวิต เขาก็หายไปจากวงการแบบเงียบ ๆ จนกระทั่งเพื่อนเก่ากลับมาชวนให้เขาลงสนามอีกครั้ง เพื่อกู้ทีมที่กำลังจะเจ๊ง การกลับมาครั้งนี้ไม่ง่าย เพราะนอกจากต้องรับแรงกดดันจากทั้งวงการ ยังต้องขับร่วมกับนักแข่งรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง โจชัว เพียร์ซที่ทั้งเก่งทั้งมั่นใจ และพร้อมจะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งทันทีที่มีโอกาส สิ่งที่ชอบมากคือ หนังไม่ได้โฟกัสแค่สนามแข่ง แต่มันพาเราเข้าไปในใจของตัวละครจริง ๆ ซอนนี่ไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ เขามีอดีต มีความเจ็บปวด และมีสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ การกลับมาแข่งของเขาเลยไม่ใช่เพื่อชนะใคร แต่เหมือนเป็นการขอโอกาสให้ตัวเองอีกครั้ง ที่ชอบอีกอย่างคืองานภาพและเสียงคือดีมาก โดยเฉพาะฉากแข่งที่ทำออกมาโคตรมันส์ เหมือนเรานั่งอยู่ข้างสนามจริง ๆ ตัดต่อดี ไม่งง ไม่เวียนหัว และใส่อารมณ์มาได้พอดีมาก ตอนดูในโรงหนังคือนั่งไม่ติดเบาะ สนุกจนอยากลงแข่งเอง และแน่นอนว่ามันต้องมีฉากที่อาจจะเวอร์ไปบ้าง ดูเกินไปในโลกความเป็นจริงของการแข่งขัน แต่ไม่เป็นปัญหาเลยตอนดูไม่รู้สึกเอ๊ะหรือติดขัดหนังสามารถทำให้ไหลลื่นจนเรามองข้ามจุดนั้นไปเลย ซึ่งเป็นหนังสองชั่วโมงนิด ๆ ที่รู้สึกจบเร็วมากอยากดูอีกสักสิบรอบ ยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้งในดวงใจของเรา ณ ตอนนี้เลย โดยรวม F1 เป็นหนังที่ดูสนุก ซึ้ง และมีพลังบางซีนคือเกือบจะน้ำตาซึมโดยไม่รู้ตัว เพราะมันไม่ได้แค่พูดถึงความเร็ว แต่มันพูดถึงการกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราหนีมาตลอด อีกอย่างที่ชอบของหนังเรื่องนี้คือเพลงประกอบหนัง ส่วนตัวชอบเพลง Drive - Ed Sheeran, Lose My Mind - Don Toliver feat. Doja Cat อีกเพลงที่ชอบมาก ๆ ก็จะเป็น Messy - Rosé จริง ๆ คือเพลงดีทุกเพลงเลยอยากให้ทุกคนไปลองฟัง สำหรับเราหนังเรื่องนี้เราให้คะแนน 10000000000000000/10 ใครยังไม่ดูต้องรีบไปดูเลย หนังเดือดมาก เหยียบเบรคแตกอ่ะ แนะนำจริง ๆ ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้ ต่อให้ไม่เคยดูรถแข่งก็รู้เรื่องเข้าใจ ดูจบแล้วอาจจะกลายเป็นแฟนคลับ F1 แบบไม่รู้ตัว หากใครที่ดูจบแล้วสนใจอยากติดตามการแข่งขันหรือนักแข่งต่อสามารถไปกดติดตาม Instagram : f1 ได้เลยน้าา✨ เครดิตภาพและวิดีโอ ภาพปก : F1 Movie วิดีโอประกอบ : SF Cinema ภาพประกอบ : ภาพที่ 1/ ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 โดย F1 Movie จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !