รีวิวหนัง "I, the Executioner คู่เดือดนรกต้องกราบ" เทกระจาดความเดือด สุดจริง! ถึงจริง!

แล้ววงการหนังเกาหลีก็ยังคงรักษามาตรฐานความดีเดือดในหมวดหมู่หนังแอคชันของพวกเขาเอาไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง น่าจะกลายเป็นหนึ่งในสีสันการแข่งขันที่เริ่มระอุขึ้นเรื่อย ๆ มากขึ้น เพราะหนังประเภทนี้เริ่มมีการผลิตออกมาถี่ขึ้นและเล็งสร้างเป็นแฟรนไชส์หนังมากยิ่งขึ้น "I, the Executioner คู่เดือดนรกต้องกราบ" ก็น่าจะหวังจะเจริญรอยตามเช่นนั้น เพราะนี่คือสูตรแห่งความสำเร็จบนบ็อกซ์ออฟฟิศ ที่จังหวะและเนื้อหาลงตัวกลมกล่อมทั้งความสนุกและความบันเทิงชั้นดี

I, the Executioner คู่เดือดนรกต้องกราบ เป็นเรื่องราวของสายสืบสุดคลั่งมือล่าพวกนอกกฎหมาย ซอโดชอล และสมาชิกหน่วยปราบปรามมือพระกาฬและ พัคซอนอู น้องใหม่ประจำทีม ต้องมาเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมอันแสนจะเหี้ยมโหดของศาสตราจารย์ชื่อดัง ที่โยงใยไปถึงคดีในอดีตที่ยังปิดไม่ได้ ยิ่งสืบเรื่องราวยิ่งซับซ้อน ยิ่งพบปมปริศนา ยิ่งทำให้ฆาตกรให้ปล่อยคลิปท้าทายความยุติธรรมออกมาว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป จนสร้างความหวาดผวาไปทั่วประเทศ ทางรอดเดียวที่จะหยุดความคุ้มคลั่งนี้ได้ พวกเขาต้องล่าตัวมันให้ได้เร็วที่สุด

"รยูซึงวาน" ผู้กำกับฝีมือขึ้นที่เทียบชั้นเป็นนักสร้างหนังระดับซุปตาร์ไปแล้ว เขากลับมาสานต่อโปรเจกต์นี้อีกครั้ง หากคุณบางคนอาจจะไม่ทราบ I, the Executioner จริง ๆ แล้วก็คือ Vateran ภาค 2 เป็นหนังภาคต่อจาก Vateran ที่ฉายเมื่อปี 2015 ที่นับว่าเป็นการกลับมาชุบชีวิตตำรวจสายสืบพันธุ์อึดอีกครั้ง และเขาก็ยังรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้ ร่วมกับ "อีวอนแจ" (จาก The City of Violence) ที่กลายเป็นหนังแอคชันตำรวจไล่จับโจรที่คลอดออกมาอีกเรื่องให้กับวงการหนังเกาหลี

แน่นอนว่าในแง่ความสดใหม่นั้น I, the Executioner ก็อาจจะไม่ได้มีอะไรเยอะแยะมากนัก เพราะจริง ๆ แล้วก็ดูทรงเห็นชัด ๆ ว่าการกลับมาสานต่อและสร้างภาคใหม่ให้กับหนังเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งหวังว่าจะปังกลายเป็นหนังชุดอันทรงคุณค่าแบบหนังบู๊ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในเวลานี้ อย่างหนังชุด The Roundup นั่นเอง ทำให้ท่วงท่าลีลาแทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพียงแต่ว่า I, the Executioner ใส่กึ๋นและความซับซ้อนในแง่การสร้างสตอรี่ออกมาได้เข้มข้นและดีเดือดกว่าในแง่เนื้อหา

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบทหนัง I, the Executioner วางโครงเอาไม่ได้เกินคาดเดาอะไร เรื่องราวศาลเตี้ยในสังคม เพียงแต่ว่าใช้ลูกเล่นและความซับซ้อนในเชิงปฏิสัมพันธ์ พ่วงด้วยแนวคิดของตัวละครมาทำให้มันยุ่งเหยิงในเชิงที่ดูสนุกยิ่งขึ้น กลายเป็นว่าแท้ที่จะเป็นหนังบู๊แตะต่อยไล่ล่ากันแบบเอามันส์เอาฮา ก็เสริมด้วยความจริงจังในการไขปริศนาคดี และสืบสวนสอบสวนที่ซับซ้อนมากขึ้นมาอีกนิด แม้จะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบในทุกองค์ประกอบใด ๆ แต่ยอมรับเลยว่าเป็นหนังที่ดูได้สนุกทั้งเรื่องของจริง

ในแง่โปรดักชันงานสร้างก็ไว้วางใจฝีมือผู้กำกับรายนี้ได้เลย เพราะเขารู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร และเล่นกับคนดูแบบไหน ทำให้ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่ไหลลื่นแบบไม่มีสะดุดเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีงานดีไซน์มุมภาพและมุมกล้องที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อย ๆ จากฝีมือช่างถ่ายภาพ "ชเวยองฮวัน" เป็นอีกลูกเล่นที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจเบา ๆ ยิ่งผสมเข้ากับการออกแบบฉากบู๊และต่อสู้ในหนังเรื่องนี้ นับว่าเป็นดีไซน์ออกมาได้ยิ่งใหญ่ สุดจริงและถึงจริง

มาถึงด้านการแสดงที่ยังได้ตำนาน "ฮวังจองมิน" กลับมารับบทบาทเดิมของเขาอีก ถึงมันจะเป็นบทบาทที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ในอาชีพการแสดงของหนังในผลงานหนังหลายเรื่อง แต่เขาก็ยังรับมือกับบทในแต่ละเรื่องออกมาได้อย่างทรงเสน่ห์ เป็นความซ้ำที่ยังเต็มไปด้วยแรงปรารถนาและฝีมือที่จัดจ้านในระดับที่มอบความบันเทิงส่งตรงถึงคนดูได้อย่างเป็นมืออาชีพ

และไฮไลต์ของหนังเรื่องนี้ก็มักจะเอานักแสดงหนุ่มตัวท็อป ๆ มารับบทวายร้าย ที่ภาคนี้ได้หนุ่มตี๋หล่อที่ใคร ๆ ก็หลงใหล "จองแฮอิน" ที่อย่าสมประมาทหน้าใส ๆ ของเขาทีเดียว เพราะเมื่อเขาพลิกคาแรกเตอร์ไปอีกขั้นเมื่อไหร่ ก็ชวนทำให้ขนลุกได้ไม่ธรรมดาเลย กับอีกแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่พรั่งพรูออกมาชวนสยอง แล้วเขาก็ยังแต่งเติมความซับซ้อนในบทนี้ได้อย่างถึงแก่นด้วย

หนังยังมีทั้งทีมนักแสดงชุดเดิม อย่าง "โอดัลซู", "จางยุนจู", "คิมชิฮู" และ "โอแดฮวัน" กลับมาเป็นหน่วยสืบสวนอาชญากรรมที่คุ้นเคยอีกครั้ง พวกเขาก็คือนักแสดงชุดดรีมทีมที่ขับเคลื่อนหนังออกมาได้อย่างมีสีสัน และที่เซอร์ไพรส์กับบรรดาเหล่านักแสดงเบอร์ใหญ่ ๆ ที่โผล่มาร่วมแจมกันตามธรรมเนียม เรื่องนี้ก็คัดสรรออกมาไม่ธรรมดาอีกแล้ว

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว I, the Executioner คู่เดือดนรกต้องกราบ ก็เป็นอีกความสำเร็จของฝั่งหนังเกาหลี ที่สร้างปลุกผีหนังบู๊ให้กลับมาเป็นหนังชุดที่ทรงคุณค่าขึ้นได้อีกครั้งในยุคปัจจุบัน ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ค่อนข้างลงร่องลงรอยดี บทหนังธรรมดา ๆ ที่มาแต่งเติมเพิ่มความเข้มข้นและซับซ้อนยิ่งขึ้น กับทีมนักแสดงชุดคุณภาพที่ผนึกกำลังขับเคลื่อนทำให้หนังไม่มีคำว่าแผ่วลงเลย ร่วมด้วยงานสร้างระดับเทพ โดยเฉพาะฉากบู๊ออกท่าทางต่าง ๆ บอกเลยว่าเป็นหนังเกาหลีที่ดีไซน์ได้ดีเดือด และทำถึงจริง ๆ อีกเรื่อง