Series Full ReviewMOUSE ยอดเยี่ยม ฉลาด ในการเล่าเรื่องเก่าให้ออกมาสดใหม่ เต็มไปด้วยชั้นเชิงที่กดอารมณ์ กล้าหักหาญน้ำใจ เหนือชั้นในการวางกับดัก สร้างทางแยกของหัวใจผู้ชมว่า จะเกลียดหรือสงสารviu : 1 Season 20 Episodes (2021) หลังจากโพสต์ที่แล้วผู้เขียนได้พาดพิงถึงนักแสดงชายที่ชอบ จากโพสต์ความเห็นถึงความน่าสนใจกับงานซีรีส์ทาง NETFLIX ซึ่งด้วยหน้าเสื่อที่ดูตัวแล้ว จัดว่าน่าดูเพราะดูเป็นทางถนัดของเกาหลี ที่ว่าด้วยเรื่องราวฉากหน้าอย่างหนึ่งแล้วแฝงประเด็นที่คมคาย เล่าผ่านการแสดงที่ถึงฟอร์มและนั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง อีกส่วนที่น่าสนใจคือตัวนักแสดงชายจากเรื่องที่ว่า ซึ่งได้ผ่านตามาจาก Reply 1997 ในบทพี่ขยะ ที่เขาแสดงจนผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกชะตา และคิดว่าถ้าในโลกแห่งความเป็นจริงคนคนนี้สามารถเป็นเพื่อนที่คบหากันได้อย่างสนิทใจได้ ซึ่งสารภาพตรงนี้ว่าไม่ค่อยมีที่ผู้เขียนจะชื่นชอบนักแสดงชายคนไหนเป็นพิเศษมานานมากแล้ว และจากการสนทนากับท่านผู้อ่านทางช่องความคิดเห็น ก็มีเรื่องของการจดจำนักแสดงได้แม่นของผู้เขียนที่ก็แปลกใจตัวเองเช่นกัน เพราะเมื่อก่อนจากงานที่ทำมันเกี่ยวกับหนังโดยตรง ทั้งการดูหนัง การเขียน และการแปลนิตยสารภาษาต่างประเทศที่เกี่ยวกับหนังฮอลลีวูด ซึ่งผู้เขียนคิดอยู่เสมอว่าเพราะเหตุนั้นเองจึงมีความสามารถจำนักแสดงได้ แต่พอมาปีกว่าให้หลังมานี้ชักเริ่มสงสัยแล้วว่ามันไม่น่าใช่ เพราะนักแสดงเกาหลีที่ว่าตามจริงปีหนึ่งคนเราจะดูซีรีส์ได้มากขนาดไหน เพราะแต่ละเรื่องก็ยาวมากตอนขนาดนั้น แต่ผู้เขียนกลับจำนักแสดงได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่บางเรื่องราวในชีวิตประจำวันเริ่มหลงๆลืมๆบ้างแล้วด้วยซ้ำ ซึ่ง มันก็มาพัวพันกับงานซีรีส์ที่เพิ่งดูจบไปหมาดๆ เป็นงานที่เราสารภาพว่าตั้งใจดูนักแสดงนำคนนี้เป็นครั้งแรกเพราะที่ผ่านมานั้นผู้เขียนได้เจอเขาจากการดูซีรีส์ที่ดังมาก เพราะตอนนั้นยังไม่ดูเกาหลีอย่างบ้าคลั่งเหมือนตอนนี้เลือกดูแต่ที่ดังๆ เรื่องนั้นคือ Vagabond (2019) แล้วหลังจากนั้นมาก็ไม่ได้ติดตามงานของเขามาอีกเลย จะมีที่ได้ชมคือ A Korean Odyssey (2017) กับ You’re All Surrounded (2014) ที่ยอมรับความจริงว่าดูเพราะชอบการแสดงของป๋าชา ชาซึงวอนมากกว่า แล้วก็มาเป็นเรื่องแรกที่เลือกดูเพราะเขาคนนี้อีซึงกิคือนามนั้น เนื่องเพราะดูจากหน้าเสื่อแล้วงานซีรีส์เรื่องนี้น่าจะมีอะไรให้เขาได้เล่นและได้ปล่อยของมากมายแล้วก็เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อดูจบก็สารภาพบาปเลยว่า ด้วยตัวเรื่องที่ดึงอารมณ์ผู้ชมลงดิ่งสุดขั้วประกอบกับการแสดงที่ต้องบอกว่าดูแล้วขนลุกของอีซึงกิ ทำให้เรื่องที่ดูไม่น่าจะใหม่กลับออกมาสดใหม่ได้เพราะชั้นเชิงที่เหนือจริงๆ Mouse เรื่องย่อเรื่องเปิดมาด้วยความน่าสงสัยกับพฤติกรรมประหลาดของเด็กคนหนึ่ง แล้วก็ตัดมาที่การฆาตกรรมของฆาตกรต่อเนื่องที่เรียกขานว่านักล่าหัว ที่ทิ้งความสยดสยองไว้ให้ประชาชนได้ขนลุก และเหยื่อรายสุดท้ายก็เป็นครอบครัวที่มาตั้งแคมป์และเหลือรอดมาเพียงเด็กชายที่เป็นน้องสุดท้อง ส่วนคนพี่ชายบาดเจ็บสาหัส พ่อและแม่ต้องตายไปด้วยความสยดสยอง แต่กระนั้นก็สามารถจับตัวฆาตกรได้ด้วยความประมาทของฆาตกรเอง ระหว่างนั้นทางรัฐบาลก็มีการพิจารณาออกกฎหมายทำแท้งเด็กทารกที่มียีนไซโคพาธ ที่เป็นยีนพิเศษที่แสดงออกถึงความรุนแรงและไร้อารมณ์ จนกระทั่งกลายมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องทว่า ก็ยังมีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เป็นความขัดแย้งนั้นคือหนึ่งคนที่มี DNA ของยีนนี้อาจเป็นอัจฉริยะก็ได้ แต่กฎหมายนี้ก็ถูกล้มไป อีกทางคือมีคุณแม่ที่ตั้งครรภ์สองคนที่พบว่าลูกในท้องของตนมียีนที่ว่า แล้วต้องเลือกว่าจะตัดไฟที่ต้นลมหรือไม่ ตัดมาที่ปัจจุบันโกมูจี (อีฮีจุน)เด็กชายผู้รอดชีวิตจากอดีตที่ตอนนี้กลายมาเป็นตำรวจสายสืบ ที่เต็มไปด้วยความแค้นฆาตกรไซโคพาธอย่างฝังใจ และมุ่งหมายจะฆ่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของตนที่แม้จะได้รับการตัดสินประหารชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ตายตกตามกันไป แล้วก็มีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นอีก หนึ่งในนั้นคือเพื่อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจองบารึม (อีซึงกิ) เจ้าหน้าที่ผู้เป็นมิตรและจิตใจดี การสืบสวนจึงมีเจ้าหน้าที่จองมาร่วมด้วยและหนึ่งครอบครัวที่เจ้าหน้าที่จองดูแลเสมอมาคือหนึ่งคุณย่าและหนึ่งหลานสาวผู้มีปมในใจจากอดีตคือโอบงอี (พัคจูฮยอน) และจากการสืบครั้งนี้เบาะแสทั้งหมดชี้ไปยังซองโยฮัน (ควอนฮาอุน)ลูกชายของฆาตกรนักล่าหัวในอดีตที่มีคนรักเป็นโปรดิวเซอร์รายการแนวสืบสวนคือชเวฮงจู (คยองซูจิน) เมื่อเรื่องราวพัวพันกันมากมายกับหนึ่งฆาตกรโรคจิตที่เป็นศูนย์กลางแล้วรายล้อมด้วยหนึ่งตำรวจหมาบ้า หนึ่งตำรวจจิตใจดี อีกหนึ่งคนรักที่ไม่รู้เบื้องหลัง กับเหตุการณ์ปัจจุบันที่พัวพันกับอดีตจนเหมือนเป็นเกมแห่งโชคชะตา และเมื่อจุดสุดท้ายคนร้ายได้จบชีวิตลงพร้อมกับการฟื้นของตำรวจจิตใจดีเฉกเช่นปาฏิหาริย์ หลังจากนั้นก็คือความพลิกผันในระดับกรวดน้ำคว่ำขันด้วยความเหนือชั้นของชั้นเชิงที่พาผู้ชมไปจนสุดทางแล้วตลบหลังจนอ้าปากค้างความเก่งและฉลาดของเกาหลีในการเล่าเรื่องเก่าให้มีความสดใหม่ ถ้าจะว่ากันตามจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่เลย กลับกันคือนี่คือเรื่องที่ทางเกาหลีเล่นมาแล้วนักต่อนัก เรื่องของฆาตกรต่อเนื่องการสืบสวนเข้มๆปมประเด็นที่ยิบย่อยและพัวพันกันเป็นร่างแหที่แก้ยาก แต่ความเก่งของเกาหลีทั้งในงานหนังหรือซีรีส์ที่ต้องยอมรับอยู่อย่างคือการเอาของเก่ามาเล่าให้มีความใหม่ เช่นเรื่องนี้ที่เอาของเก่ามาเล่าด้วยชั้นเชิงเดิมเพียงแต่จังหวะเวลามันลงตัว ชั้นเชิงที่ว่าคือการเปิดหน้าแล้วมาเฉลยซึ่งมันคือชั้นเชิงที่ถนัดมือเหลือเกินของเกาหลีที่ได้เห็นแม้กระทั่งงานที่มีโทนเบากว่านี้ แต่กับเรื่องนี้คือการเล่นในภาพใหญ่คือเรื่องโดยรวม ด้วยการเล่าปัจจุบันให้สงสัยแล้วไปคลายปมในตอนท้าย และมันคือการเคลียร์สิ่งที่พัวพันกันมาทั้งเรื่องได้ลงตัวอย่างที่สุดซึ่งชั้นเชิงแบบนี้มักจะได้ผลดีในงานหนังที่เวลามีแค่จำกัด แต่กับงานซีรีส์บางทีอาจจะมาช้าไปจนทำให้ความสงสัยที่มากเกินไปทำให้สมองผู้ชมล้าและท้อที่จะตาม เพียงแต่กับเรื่องนี้ความเยี่ยมมันคือนอกจากการเล่นเชิงแบบนี้ในภาพรวมแล้ว สิ่งที่ทำให้อัตราความน่าติดตามของผู้ชมยังคุกรุ่นอยู่เสมอคือในภาพย่อยลงมาในเรื่องของฆาตกร ที่ไม่ได้มีมาแค่คนเดียวแต่ซอยออกไป ด้วยความกล้าที่จะเปิดหน้าฆาตกรออกมาแล้วเล่นเกมแมวจับหนูแทนที่จะเร้นไว้ให้สงสัยซึ่งก็ได้ผลอีก และที่ย่อยลงไปอีกคือเหตุการณ์ยิบย่อยที่เป็นจุดเล็กๆที่เป็นตัวแปรของการสืบสวนหรือการค้นหาความจริงก็ยังใช้เชิงแบบนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าใช้ถึงสามระดับคือภาพรวม ภาพรอง และเรื่องย่อยในภาพเล็ก มันจึงทำให้เรื่องเข้มข้นในทุกตอนทั้งที่ความจริงมันคือเรื่องแบบเดิมชั้นเชิงเดิม แต่กับเรื่องนี้คือการใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ผู้ชมมีอารมณ์สงสัยไปสุดทาง ด้วยการวางเกมสับขาหลอกกับตัวละครมากมายที่เกี่ยวพันกันเหมือนพรหมลิขิต ทุกตัวละครมีส่วนเกี่ยวพันกันหมดเกี่ยวกันจนบางครั้งลืมไปเลยว่าใครเป็นใคร และอาจมีบ้างที่เข้าใกล้ความระทมกบาลจากตัวละครที่เกี่ยวกันไปมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะดูยากจนต้องหายาพารามากิน เรื่องยังคงเดินหน้าไปด้วยการเก็บเล็กผสมน้อยเพื่อเคลียร์ทีละปมเพื่อไปสู่ภาพใหญ่และเล่นใหญ่ตามสไตล์เกาหลี ซึ่งจัดมาอย่างได้ผลเมื่อมองไม่เห็นริ้วรอยของความไม่สมเหตุผลในทุกเหตุการณ์ แต่ก็มีข้อแม้คือกรุณาวางโทรศัพท์ไว้ให้ไกลหลีกห่างจากพฤติกรรมใดให้เสียสมาธิ มิเช่นนั้นก็ต้องมีย้อนกลับมาดูซ้ำแน่นอน และสุดท้ายเมื่อเลือกจะให้ผู้ชมงุนงงสงสัยแต่เมื่อมันสงสัยไปสุดทาง แล้วเรื่องก็คลี่คลายอย่างลงตัวว่าแท้จริงแล้วทำไมเรื่องถึงชื่อว่า Mouseย่อหน้าต่อไปนี้เผยเนื้อหาสำคัญท้าทาย ด้วยการสร้างทางแยกในหัวใจผู้ชมสิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างหนักคือการหลอกล่อและเล่นกับอารมณ์คนดู ซึ่งมีน้อยครั้งที่บทจะพาอารมณ์ผู้ชมดำดิ่งไปขนาดนี้ที่ส่วนสำคัญเลยคือความกล้า กล้าที่จะทำร้ายจิตใจผู้ชมอย่างหนักหน่วง หนึ่งคือการดึงผู้ชมให้เชื่อไปกับสิ่งที่เห็นแล้วตลบหลังครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยชั้นเชิงอย่างที่กล่าวมาแล้ว สองคือการเลือกที่จะโหด ดำดิ่ง และโนสนโนแคร์ว่าจะฆ่าเด็ก ฆ่าสัตว์เลี้ยง หรือกระทั่งครอบครัวอันเป็นที่รัก สามคือการเลือกวางอารมณ์สงสัยไว้ในตัวพระเอกแบบสุดกู่เมื่อถึงตอนที่เฉลยฆาตกรคนแรกแล้วมีความเปลี่ยนแปลงในใจที่ผู้ชมจะสงสัยตั้งแต่นั้น สี่คือกล้าให้พระเอกคือคนร้ายจนเป็นปีศาจที่สุดจนจินตนาการไม่ออกว่า เคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไปสุดทางขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ และสุดท้ายกล้าที่จะเล่นกับอารมณ์ผู้ชมอีกครั้งเมื่อสร้างทางแยกในหัวใจว่าถึงที่สุดจะสงสารหรือรังเกียจความเป็นปีศาจของใครสักคนหรือไม่และสิ่งเหล่านี้ถูกเล่าออกมาในอารมณ์ที่หม่นมืดดำดิ่งสู่จุดที่ลึกสุด จนบางครั้งในบางเหตุการณ์ก็ท้าทายจิตใจจนแทบเบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากเห็นภาพบางอย่างที่สะเทือนอารมณ์ขนาดนั้น แต่ความที่มันดิ่งสุด ลึกสุด มันก็คือความใหม่ในความเก่าที่ว่า เพราะหลายต่อหลายครั้งที่งานที่ว่ากันที่การวางตัวความสงสัยในความเป็นปีศาจของพระเอกแบบนี้มักจะแกว่งกลางทาง เพราะเลือกที่จะถนอมน้ำใจผู้ชมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันจึงเป็นงานที่เห็นกันได้ทั่วไป ผิดจากเรื่องนี้ที่ทั้งโหดและทำร้ายจิตใจผู้ชมตั้งแต่แรก และกดอารมณ์ผู้ชมนับแต่นั้นโดยไม่มีการหย่อนหรือผ่อนคลาย แม้จะยังมีการให้รางวัลกับผู้ชมอยู่ระหว่างทางบ้าง เช่นตอนที่ฆาตกรถูกฆ่าแล้วพระเอกรอด ทว่า นั่นกลับเป็นการขุดหลุมพรางให้ผู้ชมตกลงไปก่อนที่จะไปพบกับความดาร์คยิ่งกว่าจนเมื่อความจริงถูกเปิดเผย อารมณ์ผู้ชมก็ไม่ต่างจากตัวละครบางคนในเรื่องที่แม้จะระแคะระคายหากแต่ในใจก็ไม่อยากเชื่อ แล้วในใจผู้ชมก็จะจินตนาการหาทางออกไว้ให้ และมันคือการพาอารมณ์ผู้ชมออกทัวร์แบบนี้โดยที่ไม่มีการถนอมน้ำใจ ด้วยการฉุดกระชากลากถูไปจนกระทั่งภาพใหญ่ถูกเฉลย กลายเป็นว่าการฉุกกระชากลาถูมานั้นพาหัวใจผู้ชมมาถึงทางแยกที่จะสงสารหรือเกลียดชังกระทั่งให้อภัยหรือไม่ นั่นหมายความว่าบทล่อหลอกผู้ชมอย่างได้ผลครั้งแล้วครั้งเล่า แม้บางเรื่องอาจคาดเดาได้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเมื่อดูจนครบทุกวินาทีแล้ว สิ่งที่พาเรื่องมาได้ขนาดนี้คือการเล่นกับสมอง ความคิด และอารมณ์ของผู้ชมอย่างได้ผล มันคือความเหนือชั้นของงานด้านบทความเหนือที่ใช้การสื่อสารของตัวละครมาเป็นตัวแปรอย่างยอดเยี่ยมในทุกปมประเด็น ซึ่งก็คืออารมณ์ร่วมของผู้ชมนั่นเอง ที่สำคัญมันมาด้วยความเป็นมนุษย์ไม่ได้เหนือล้ำสามัญสำนึกของมนุษย์จนละเลยตรรกะและเหตุผลในตัวบุคคล ยกตัวอย่างง่ายๆเมื่อถึงทางแยกที่ผู้ชมต้องตัดสินใจ ในสมองและหัวใจผู้ชมจะคิดว่าถ้าตนเองคือโกมูจีหรือโอบงอีเราพร้อมจะให้อภัยหรือไม่หรือเราจะสาปแช่งไปจนวันตายหรือไม่ แต่กระนั้นจุดเล็กๆในสมองก็ยังมีคำถามว่าเขาคนนั้นคือผู้ถูกกระทำ เขาคนนั้นก็คือเหยื่อ และเขาคนนั้นสมควรได้รับความเห็นใจสงสารหรือไม่ กลายเป็นขีดเส้นบางๆของมโนธรรมในใจให้ผู้ชมจนวินาทีสุดท้าย และมันคือการเอาวัตถุดิบเก่าเก็บมาปรุงให้เป็นอาหารที่สดใหม่ที่กลมกล่อมลงตัวในแนวทางอย่างแท้จริงสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ว่ากันที่ตัวละครเรื่องนี้คือการเขียนตัวละครให้มีมิติเชิงลึกทุกคน และมิติที่ว่าก็คือการสร้างร่างแหที่พัวพันกันชนิดไม่รู้จะแก้ยังไง เนื่องเพราะทุกคนในเรื่องล้วนมีปมที่เกี่ยวพันกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันจึงอาจเป็นจุดด้อยเพียงหนึ่งเดียวที่ความยากที่ผู้ชมจะจับจุดได้หมด และกลายเป็นระทมกบาลในบางคนที่เมื่อหลุดแล้วอาจหลุดเลย แต่เมื่อตัวละครมีมิติมากสิ่งที่ตามมาคือนักแสดงต้องทำงานหนัก เพราะทุกบทบาทไม่ใช่การแสดงที่อยู่ในระดับพื้นๆแล้วผู้ชมจะเชื่อ ผู้ชมจึงได้เห็นการแสดงในระดับท็อปอีกครั้งของเหล่านักแสดง ผู้ชมจึงได้เห็นการแสดงที่ดูแล้วต้องขนลุกตามเป็นพักๆจากการแสดงของอีซึงกิ ที่เรื่องนี้อาจต้องบอกว่านี่คืองานระดับมาสเตอร์พีซของเขาได้เลยเมื่ออีซึงกิแสดงออกทางสายตาอย่างน่าสะพรึงในมิติที่ต้องไปให้ถึง และยังเห็นพัฒนาการความสับสนในช่วงกลางเมื่อต้องต่อสู้กับมิติในสมองที่ส่งผลต่อจิตใจ จนกระทั่งตอนท้ายที่สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์เมื่อจึงจุดที่ตัวละครต้องเปลี่ยนผ่านแล้ว ที่ร้ายกาจคือระยะทางยี่สิบตอนไม่ได้มีผลให้พลังด้านการแสดงที่ต้องลึกและต้องเชื่อได้ของอีซึงกิจะแผ่วหรือลดพลังลง ซึ่งบทของเขาคือเสาหลักของเรื่อง คือตัวแปรด้านอารมณ์ของผู้ชมที่จะไปถึงจุดไหน จึงต้องยกนิ้วโป้งชื่นชมการแสดงของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย อีกคนที่เรียกว่าตีคู่มากับอีซึงกิคืออีฮีจุนในบทสายสืบโกมูจีที่ต้องลึกให้ได้เช่นเดียวกัน การแสดงต้องพาให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความบ้าที่เกิดจากความสูญเสีย ความสับสนเมื่อสมองกับหัวใจขัดแย้งกัน ความเจ็บปวดที่คนที่เชื่อใจให้ให้กลายเป็นคนที่ตนเองเกลียดและตามล้างตามเช็ดเสมอมา ซึ่งอีฮีจุนมอบการแสดงที่ต้องจดจำและจับตามองนับแต่นี้ ส่วนที่ต้องสับสนและเจ็บปวดไม่แพ้กันคือตัวละครโอบงอีของพัคจูฮยอน เจ้าของรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมปีล่าสุด ที่อาจจะเริมต้นด้วยความขัดเขินจนน่ารำคาญไปบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปพัฒนาการก็ทำให้มองเห็นเธอรับผิดชอบบทได้อย่างดีเยี่ยม อาจมีบ้างที่เห็นความตั้งใจเกินไปก็ว่ากันไม่ได้เพราะนี่คืองานแสดงเรื่องที่สี่เท่านั้น แต่ก็ยังมองเห็นเสน่ห์และแววที่ฉายออกมา และเชื่อว่าน่าจะไปต่อได้ดีในอนาคตส่วนอีกหนึ่งตัวหลักที่เป็นมิติ เป็นตัวประคองเรื่อง และเป็นกุญแจของเรื่องคือบทพีดีชเวของคยองซูจินที่เรื่องนี้ให้การแสดงที่ดูเนียนตากว่าการเป็นนางเอกเต็มตัวใน Train (2020) และนับเป็นพลังสนับสนุนชั้นดีของเรื่องได้อย่างที่บทต้องการให้เป็น และแน่นอนว่านักแสดงสมทบที่อยู่ในระดับเยี่ยมทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร กับงานด้านภาพที่เสนอมุมมืดให้ดาร์คไปสุดทาง แม้จะมีบ้างที่ถ้าผู้ชมที่ละเอียดหน่อยจะเห็นการเซ็ตฉากที่ไม่เนียนตา เช่นฝนที่ตกอย่างหนักตอนกลางคืนแต่ตอนเช้าดินตรงนั้นกลับแห้งผาก หรือฝนที่ตกทางนี้แต่ทางนั้นเห็นชัดเลยว่าแห้ง หรือกระทั่งหลุมศพใหม่แต่หญ้าแห้งตายไปแล้ว แต่เรื่องเหล่านี้สามารถมองข้ามไปได้เพราะความเข้มของเนื้อหา และอาจบางทีอารมณ์ผู้ชมก็จมดิ่งจนกว่าจะสังเกตเห็น ถ้าเลือกจะเล่าให้หม่นก็ต้องหม่นให้สุดแบบนี้ ถ้าจะไปให้สุดก็ต้องสุดแบบนี้ไม่มีการเปลี่ยนใจกลางทางเพราะความกลัวผู้ชมจะรับไม่ได้ หรือหย่อนลงเพราะต้องการเอาใจผู้ชมเพราะอาจบางทีผู้ชมอาจต้องการความแปลกใหม่ในทางของเรื่องหรือตัวละครอย่างที่เรื่องนี้เป็น หรือกระทั่งซีรีส์ยอดเยี่ยมปีล่าสุดอย่างBeyond Evilเป็น ซึ่งผู้เขียนเองดูเรื่องนี้ไปเราก็นึกถึงเรื่องนั้นไปด้วยตลอดทาง เช่นกันหากดูเรื่องนี้ก่อนก็จะคิดถึงเมื่อดูเรื่องนั้นเพราะอารมณ์ที่ออกมาคล้ายกัน ด้วยความดำมืด หม่นและดิ่งสู่จุดลึกสุด ความสงสัยไม่น่าไว้ใจ การชี้นำให้คาดเดาแล้วหักหลังซึ่งอารมณ์มันไปสุดทางที่ความหม่นมืด อาจไม่สามารถเรียกว่าความบันเทิงได้เพราะมันอึดอัดหดหู่ แต่ทว่าก็ไม่อาจตัดใจเลิกดูได้เพราะความที่มันไปสุดทางอย่างนั้น เช่นเรื่องนี้เมื่อดูแล้วก็เกิดความน่าติดตามว่าเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องจะไปต่อยังไง จะถูกจับได้และเปิดโปงยังไง จนเมื่อผ่านปมแรกไปได้ก็เสนอความสงสัย ความสับสน สร้างทางแยกให้ใจผู้ชม ขีดเส้นมโนธรรมให้ระหว่างกฎหมายกับศาลเตี้ย แต่นั่นมันคือการล่อให้ผู้ชมตามไปก่อนที่จะหักจนวินาทีสุดท้าย ด้วยการอุทิศเวลาคลี่คลายเพิ่มจากปกติไปประมาณสี่สิบนาทีได้ และความสงสัยความอึดอัดความหดหู่ทั้งหมดก็คลายหมดในตอนท้าย จนแทบเหมือนยกภูเขาออกจากอกไปได้เมื่อชั้นเชิงการเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยทำงานของมันอย่างเคร่งครัดและถูกที่ถูกเวลา ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยเรื่องประเด็นรายทางจนกระทั่งเรื่องใหญ่ที่เป็นกุญแจดอกหลักซึ่งตัวบทก็เก็บรายละเอียดได้หมดจนคนที่เทกลางทางเพราะความสงสัยหรืองง อาจจะต้องเจ็บใจตัวเองที่ไปไม่ถึงจุดที่ว่า และส่วนตัวแล้วผู้เขียนมองว่าเรื่องนี้มีบทสรุปที่เป็นสองตอนสุดท้ายที่ทรงคุณค่ามากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้อนถ้านี่เป็นหนังก็คือหนังที่พาผู้ชมเดินไปตามที่ต้องการแล้วหักมุมสุดทางในตอนจบ เพียงแต่มันเป็นไปแล้วกับงานซีรีส์ที่มีถึงยี่สิบตอนไม่ใช่หนังที่มีเวลาแค่สองชั่วโมง มันจึงกลายเป็นความน่าทึ่งในงานด้านบทที่สร้างเรื่อง ผูกปมเองและแก้ปมเองได้อย่างเข้มข้นจนกระทั่งมีบ้างที่นึกไม่ออกว่าเรื่องจะลงเอยและคลี่คลายหมดได้หรือไม่เพราะผูกแน่นปานนั้น แต่กระนั้นทุกอย่างก็ลงเอยอย่างสมบูรณ์แบบและมอบงานชั้นยอดที่อาจดูเก่า แต่ก็สดใหม่จนน่าลิ้มลองดูไปบ่นไปviuขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 / ภาพที่ 13 จาก Facebook tvN (International)อัปเดตบทความรีวิวซีรีส์ใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !