Short CommentA Thousand Goodnights ฝันดีหนึ่งพันคืน (2019)ถ้าชอบแนว Feel Good อบอุ่นหัวใจยิ้มได้ทั้งน้ำตา "ไม่ดูคือพลาด" เพราะมีทุกอย่างให้หลงรักเพราะชีวิตของคนเราต้องพบเจออะไรมากมายดีร้ายปะปนและบางสิ่งก็ส่งผลต่อความรู้สึกจนกระทบเข้าในความนึกคิดที่จะกดให้จมอยู่กับปัญหาหรืออะไรที่เข้ามากระทบ แต่บางครั้งการได้ดูหนังสักเรื่องอ่านหนังสือสักเล่มหรือดูซีรีส์สักสามสี่ตอนที่มีเนื้อหาในแนวปรับทัศนคติและความคิดก็สามารถทำให้บางครั้งพลันได้คิดเช่นกัน และดูไปบ่นไปมักจะเป็นเช่นนั้นงานหนังหรือซีรีส์แนวที่ดูแล้วรู้สึกดีให้พลังเชิงบากจึงเป็นที่โปรดปรานซึ่งถ้าต้องเลือกระหว่างการดูงานที่หนังหน่วงรุนแรงเลือดสาดกับงานแนว Feel Good ผู้เขียนต้องเลือกอย่างหลังเพราะดูแล้วเริงใจกว่า และยิ่งถ้าหนังหรือซีรีส์เรื่องนั้นๆมีทิวทัศน์ที่งดงามภูเขาเขียวท้องฟ้าครามน้ำทะเลสวยเป็นฉากหลังด้วยแล้วผู้เขียนไม่เคยปฏิเสธเพราะบางครั้งชีวิตก็ได้กัดกินพลังงานบางอย่างจนเหลือน้อย อาจบางทีการได้ดูอะไรที่สวยงามเนื้อหาดีๆก็ทำให้มีพลังลุกขึ้นสู้กับเรื่องราวที่เข้ามาหรือจะเข้ามาเพื่อให้มันผ่านไป เช่นเดียวกับซีรีส์จากไต้หวันเรื่องนี้ที่ความบังเอิญทำให้ผู้เขียนได้เจอและเปิดดูแล้วพบว่าทัศนคติของเรื่องนี้สามารถเยียวยาใจคนได้และกลายเป็นตกหลุมรักเรื่องนี้เข้าเต็มเปาณ สถานีรถไฟในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในไต้หวันมีไต้เจียเหอ (เฉินโบเจิ้ง) นายสถานีผู้อารีดูแลอยู่ วันหนึ่งนายสถานีไต้ได้พบเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งกินขนมเพียงลำพังและมีจดหมายน้อยถึงนายสถานีไต้ว่าขอให้เขาพาเด็กน้อยคนนี้ไปเลี้ยงเพื่อที่เธอจะได้มีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ นายสถานีผู้อารีจึงบอกเด็กน้อยว่าถ้าเธอกล่าวราตรีสวัสดิ์กับคุณปู่ต้นไม้ครบหนึ่งพันคืนแม่จะกลับมาแต่เมื่อถึงเวลาแม่ก็ไม่มา... เด็กคนนั้นจึงโตมาในฐานะลูกสาวคนโตของนายสถานีไต้นามว่าไต้เทียนฉิง (เหลียนยูฮัน) จนเมื่อนายสถานีไต้เกษียนก็มีความคิดที่จะนั่งรถไฟท่องเที่ยวทั่วไต้หวันโดยมีเฉิงนั่ว (จางตงเหลียง) ชายหนุ่มที่นายสถานีไต้ได้ช่วยเหลือไว้ตอนเด็กเสนอตัวร่วมเดินทางไปด้วย แต่แล้วการเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มต้นก็ต้องสิ้นสุดเมื่อนายสถานีไต้เสียชีวิตกระทันหันทำให้ลูกสาวคนโตที่เป็นลูกบุญธรรมทำอะไรไม่ถูก เพราะทั้งชีวิตเธอและน้องสาวมีพ่อเป็นเข็มทิศชีวิตเรื่อยมา และเมื่อเธอเจอแผนการเดินทางของพ่อไต้เทียนฉิงจึงตัดสินใจเดินทางตามเส้นทางที่พ่อจะเดินทางไปเพราะเหมือนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังการเดินทางโดยเจตนาของพ่อพีถีพิถันละเมียดละไมในการเล่าด้วยทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ไม่ดูยัดเยียดแม้จะน้ำเน่าบ้างช่วงท้ายแต่ใครจะทำไม ถ้าว่ากันที่เรื่องบทในเชิงคุณภาพนี่คือบทละครระดับคุณภาพชั้นดีที่อาจมีริ้วรอยบ้างแต่มองข้ามไปได้ เพราะในที่นี้คือเจตนาชัดเจนเห็นความพิถีพิถันในการเขียนบทเชิงทัศนคติบวกในการใช้ชีวิตผ่านปรัชญาและความหมายแห่งชีวิตตามความเป็นซีรีส์พูดจีนแฝงไว้โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด เพราะทุกบทสนทนาทุกการสื่อสารด้วยภาพถ้าคิดให้ดีก็มีให้คิดทุกอย่างทั้งเรื่องชีวิตที่เหมือนกับรถไฟที่จะพาเราเดินทางชีวิตไปผ่านทิวทัศน์ที่งดงามอยู่ที่เราจะซ่องเสพความงามนั้นอย่างไร แต่แน่นอนว่าในความเป็นซีรีส์พูดจีนจะมีเอกลักษณ์อยู่อย่างคือเรื่องปัจจัยรอบข้างที่มีก็ได้ไม่มีก็ไม่เสียหายทำให้บางครั้งมองเห็นความไม่จำเป็นและพาริ้วรอยในบทมาเช่นเรื่องของตัวละครในช่วงวัยที่ใช้คนคนเดียวเล่นจนไม่เห็นความต่างระหว่างช่วงวัย แถมตอนท้ายยังมีอาการน้ำเน่ามาให้เต็มที่ที่คนดูก็คิดนะว่าจะเป็นแบบนี้แต่ใครจะทำไมเมื่อบทสรุปออกมาคือความเข้าใจที่อาจไม่ต้องลงเอยก็คือสวยงาม จึงเหมือนการเล่าด้วยทัศคติที่ดีทำให้คนดูรู้สึกดีที่ได้ดูภาพสวยดีต่อตาด้วยเจตนาชัดที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวไต้หวันแต่กลมกลืนกับเรื่องที่ต้องการเล่าอย่างยอดเยี่ยม มีไม่บ่อยที่การดูซีรีส์ยาวๆที่เต็มไปด้วยคำคมและเห็นเจตนาชัดที่จะขายของจะสามารถดึงความสนใจคนดูไปได้ตลอดทางจนกลายเป็นการตกหลุมรัก แน่นอนถ้าพูดถึงไต้หวันทุกคนก็จะคิดถึงไทเปและเชื่อเหลือเกินว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวไต้หวันก็อาจไม่ได้เที่ยวไต้หวันในบางมุม แต่เมื่อเรื่องนี้คือการเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนและการไถ่บาปภาพของการเดินทางจึงมีมิติรองรับทำให้ทุกสถานที่ที่ไต้เทียนฉิงกับเฉิงนั่วเดินทางไปมีเรื่องราวให้เล่าผ่านทิวทัศน์ที่งดงามปานภาพวาด หรือกระทั่งสถานที่ขนบธรรมเนียมอาหารที่เหมือนกับเวลาเดินไปอย่างแช่มช้าท้าทายให้ได้ลองไปสัมผัสซักคราก็กลายมาเป็นพื้นฐานให้เรื่องที่เล่าได้อย่างเข้าถึงเกาะกุมหัวใจ ทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงความเป็นนายสถานีไต้ที่ยังเป็นมนุษย์ทุกคำคมจากบทสนทนาหรือเจตนาส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มารู้ในตอนท้ายว่าเจตนาจะให้คนรุ่นใหม่ของไต้หวันได้รู้จักประเทศตัวเองมากขึ้นยิ่งต้องทึ่งในความกลมกลืนเข้ากันกับเรื่องที่ต้องการจะสื่อให้เข้าถึงก้นบึ้งหัวใจการเดินตามรอยพ่อในช่วงแรกเพื่อคนพบตัวตนในช่วงต้นก่อนตามรอยพ่อเชิงทัศนคติในช่วงปลายเพราะทุกคนล้วนมีรากเหง้า เพราะทุกการเดินทางจะมีก้าวแรกและมีจุดสิ้นสุดคือการกลับบ้านด้วยเหตุที่ทุกคนต่างมีรากเหง้าและคนไต้หวันก็มีรากเหง้า เรื่องนี้จึงชัดเจนในเรื่องการค้นหารากเหง้าของพ่อของไต้เทียนฉิงด้วยการเดินทางไปค้นพบความเป็นพ่อในมุมที่เธอไม่เคยเจอในขณะที่ตัวเองก็มีรากเหง้าที่เป็นปริศนาคือเรื่องของแม่ที่แท้จริง การเดินทางในช่วงแรกจึงไม่ต่างจากการเดินทางเพื่อค้นพบเดินทางตามเส้นทางที่พ่อจะไปแล้วหลังจากพบอะไรที่ประกอบกันเป็นพ่อของเธอแล้วการเดินทางไปสู่จุดสิ้นสุดของเรื่องก็คือการเดินทางด้วยทัศนคติที่ถูกปลูกฝังมาโดยพ่อ ทำให้ในทุกเรื่องราวที่เข้ามาไต้เทียนฉิงจะคิดในทางที่ต่างไปเป็นคนรุ่นใหม่ที่ผสานทัศนคติเก่ากับแนวคิดที่ทันสมัยอยู่ในตัว จึงไม่ต่างจากการบอกกับคนดู (ไต้หวัน) ว่าโลกอาจจะเปลี่ยนไปแต่สุดท้ายสิ่งที่ยังทำให้เราเป็นเราคือรากและประเทศไต้หวันก็มีรากมีความงดงามมีวัฒนธรรมที่ชัดมากในตอนสุดท้ายเรื่องของงานวัดที่โบราณกับโมเดิร์นได้เข้าใจกันการแสดงที่อาจไม่ถึงกับไร้ที่ติแต่เนื้อหาและทัศคติของตัวละครทำให้กลายเป็นที่รัก สิ่งที่ต้องชื่นชมในเรื่องตัวละครและการแสดงคือความพอดีโดยเฉพาะบทพระเอกนางเอกที่เอาตามตรงบทพระเอกเหมือนบทสมทบแต่เมื่อมีก็กลายเป็นความพอดีไม่มีขาดเกิน คนดูจึงเห็นพัฒนาการจากการพบกันที่ไม่ดีนักพัฒนามาเป็นเพื่อนร่วมทางจนค่อยๆเห็นว่าเริ่มชอบกันและแน่นอนความพอดีทำให้ไม่ออกมาเป็นนิยายรักเพราะเรืองนี้ไม่ใช่แบบนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้การแสดงของเหลียนยูฮันในบทไต้เทียนฉิงกับจางตงเหลียงในบทเฉิงนั่วจึงได้ใจคนดูทุกมิติ ส่วนตัวละครอื่นๆที่อาจจะมากมายตามประสามีเรื่องให้เล่ามากของซีรีส์พูดจีนที่ยังมีบ้างที่เห็นเป็นการแสดงแต่ด้วยทัศนคติที่บทได้ฝากฝังไว้กับตัวละครก็ทำให้คนดูมีทัศนคติในการดูจึงกลายเป็นตัวละครที่คนดูรักตามที่บทต้องการให้รักใคร และแม้จะไม่ถึงกับไร้ที่ติแต่เมื่อบทดีบทจับอารมณ์ได้และถ่ายทอดเจตนาได้ทุกอย่างก็ทำได้จนขอบตาอุ่นชื้นพร้อมรอยยิ้มได้บ่อยๆโดยไม่ต้องขยี้ แต่ที่ต้องยกย่องจริงๆคงจะเป็นเฉินโบเจิ้งในบทนายสถานีไต้ที่ถ้าได้ดูจะรู้เองว่าทัศคติของเรื่องนี้มาจากคนคนนี้จริงๆไม่ดูคือพลาด... หากท่านชอบงานที่ดูแล้วรู้สึกดีดูแล้วดีต่อใจดูแล้วให้อะไรกลับมาคิดดูแล้วมีพลังงานชีวิตเชิงบวกเรื่องนี้มีทุกอย่างที่ท่านจะรัก และสารภาพว่าผู้เขียนรักซีรีส์เรื่องนี้อย่างหมดใจจนทำให้การเขียนบทความนี้กลายเป็นความยากเพราะมีอะไรมากมายอยากเขียนอยากบอก เอาเป็นว่าผู้เขียนรักทุกอย่างจากเรื่องนี้รักทิวทัศน์ที่งดงามจนอยากไปเที่ยวตามรอย รักงานด้านภาพที่บางครั้งอาจดูเหมือนย้อนยุคไปบ้างตามประสางานจากไต้หวัน รักทุกตัวละครที่บางครั้งไม่ต้องลงเอยอย่างเป็นรูปธรรมแต่ขอแค่เข้าใจยอมรับและให้อภัยก็เพียงพอ รักเพลงประกอบจนกระทั่งไม่กดข้ามเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดยี่สิบตอน รักในทัศนคติที่เรื่องต้องการเล่าจนตอนนี้เริ่มวนดูรอบสองแล้ว ส่วนหนึ่งคงเพราะไต้หวันกับบ้านเรามีความเชื่อคล้ายกันมีความเป็นเมืองพุทธเช่นเดียวกันรากเหง้าเลยคล้ายกันเหมือนที่ได้เห็นในตอนสุดท้ายในการจัดงานวัด แน่นอนสิ่งที่ผู้เขียนจะบอกเสมอว่าปัจจัยที่ทำให้ผู้เขียนรักหนังหรือซีรีส์เรื่องไหนคือความจริงใจเช่นเรื่องนี้มีช่องมากมายที่จะต่อยอดไปเป็นดราม่าหนักๆตับพังน้ำตาท่วมแต่ก็ไม่ ปล่อยให้ความพอดีคือที่สิ่งที่ดีที่สุดดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก 1,ภาพปก 2 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram dramasettv ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/VDd29lPVp3pAhttps://entertainment.trueid.net/detail/xyPA5Z6B14qMhttps://entertainment.trueid.net/detail/q572Qw8yGZMO จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !