รีเซต

[รีวิวซีรีส์] Alice in Borderland Season 2 ระทึกเพิ่มดีกรีการันตีความตับพัง

[รีวิวซีรีส์] Alice in Borderland Season 2 ระทึกเพิ่มดีกรีการันตีความตับพัง
แบไต๋
22 ธันวาคม 2565 ( 16:30 )
1.2K

การกลับมาในซีซันที่ 2 ของ ‘Alice in Borderland’ ที่ทิ้งช่วงห่างจากเดิม 2 ปีคราวนี้ไม่เพียงเป็นการกลับมาสานต่อความสำเร็จที่ Netflix หวังกลับมาโกยยอดสมาชิกเข้าบริการสตรีมมิงตัวเองเท่านั้น แต่ยังเหมือนการกลับมาพิสูจน์ศรัทธาของผู้ชมต่อซีรีส์แนวเซอร์ไววอล (Survival) ของญี่ปุ่นที่ได้ฐานมาจากมังงะสุดฮิตเรื่องนี้ ที่สำคัญคือการวัดใจผู้สร้างเองเหมือนกันว่าท้ายที่สุดจะเลือกเดินทางไหนระหว่างหักดิบตอนจบมังงะเพื่อให้ได้สร้างต่อไปเรื่อย ๆ และเสี่ยงกับการทำลายศรัทธาคนดูหรือจะยอมจบแบบมังงะที่เล่นเอาคนดูอยู่ในอาการ ‘ตับพัง’ อย่างเลี่ยงไม่ได้

ในซีซันนี้ อาริสุ อุซางิ คุอินะ อัน และชิซึยะ 5 เพลยเยอร์แห่งเกมมรณะยังคงต้องเอาชีวิตรอดในเกมที่ยากขึ้นและโหดหินขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ที่บีบบังคับให้พวกเขาต้องแยกจากกันเพื่อหนีการตามล่าจากนักฆ่ามหากาฬที่หวังปลิดชีพเพลยเยอร์ทุกคน และในขณะเดียวกันผู้เล่นใหม่อย่าง อากาเนะ ที่หลงเข้ามาในเกมมรณะคราวนี้ก็เหมือนตัวพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างอาริสุกับอุซางิ ก่อนที่พวกเขาจะได้คำตอบว่าดินแดนที่มีแต่เกมโหดร้ายนี้แท้จริงแล้วยังมีโลกความจริงที่สงบสุขเหลือให้พวกเขาได้กลับไปหรือไม่

สำหรับการดำเนินเรื่องหากให้พูดแบบสปอยล์น้อยที่สุดของใช้คำว่าผู้สร้างดูจะให้เกียรติ ฮาโระ อาโสะ ผู้ประพันธ์เรื่องของมังงะมาก ๆ ครับ โดยเก็บครบในประเด็นที่อาโสะพยายามบอกเล่าในต้นฉบับมาแบบไม่มีบิดพลิ้ว ซึ่งนั่นหมายถึงตอนจบซีรีส์สุดบีบหัวใจแต่ก็อาจทำให้คนดูบางส่วนเบือนหน้าหนีกับการเล่นท่าจบแบบนี้ไม่น้อยแน่นอนครับ ดังนั้นตอนที่ 8 ของซีรีส์น่าจะเป็นตอนที่ผู้ชมดูด้วยจิตใจอันปั่นป่วนที่สุดและเป็นมาตรชี้วัดได้เลยว่าคุณชอบซีรีส์ชุดนี้จริง ๆ หรือเปล่า

แต่หากยังไม่ต้องพูดถึงตอนจบ สิ่งที่ ‘Alice in Borderland’ ซีซันนี้ทำได้ดีมากและแก้ไขมาจากซีซันก่อนคือเกมที่นำมาเล่นแต่ละตอนมีปริมาณที่พอดีทั้งในแง่ส่งเสริมการเล่าเรื่องและเพิ่มความระทึกให้ซีรีส์เอง ดีกรีความโหดที่มากขึ้นก็มาพร้อมข้อคิดดี ๆ ที่ถูกแฝงอยู่ในเกมแต่ละเกม โดยเฉพาะเกมแรกของซีรีส์ที่เป็นการเข้าไปเผชิญหน้ากับคิงที่รับบทโดย โทโมฮิสะ ยามาชิตะ หรือสาว ๆ ยุค 90s รู้จักในนาม ยามะพี นี่ขอเตือนสาว ๆ เลยว่าให้หาทิชชู่มาเตรียมเช็ดน้ำลายได้เลยเพราะตัวละครนี้เท่สะบัดแถมไม่ใส่เสื้อผ้าด้วย กระนั้นในตอนจบเกมก็ยังไม่วายทิ้งข้อคิดดี ๆ ให้คนดูได้ซึมซับกลับไปก่อนเจอเกมใหม่ในตอนต่อไปอีกด้วย

อีกส่วนที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญคือในซีซันนี้จะเริ่มเจาะลึกแง่มุมจิตวิทยาตัวละครมากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ในตอนจบของซีรีส์ โดยเฉพาะตัวละครอาริสุ ที่เราเริ่มเห็นแง่มุมอื่น ๆ นอกจากการเป็นโปรเพลย์เยอร์ความหวังหมู่บ้านแล้วตัวละครที่ถูกกำหนดให้เป็นพระเอกอย่างเขากลับค่อย ๆ เผยบาดแผลในจิตใจทีละนิด ๆ ซึ่งนั่นทำให้ เคนโตะ ยามาซากิ ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในฐานะนักแสดงอย่างเต็มที่และเขาก็ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมเสียด้วย

อีกหนึ่งตัวละครที่มีแง่มุมน่าสนใจไม่น้อยคือ ยูริ ซึเนมัตสุ สาวสวยที่ต้องมารับบทอากาเนะที่เสียขาไปจากการต่อสู้เอาชีวิตรอดตัวละครใหม่ที่แม้จะมีเวลาบนจอไม่กี่ตอนกลับทำให้คนดูจดจำและประทับใจทั้งการแสดงในซีนดราม่าและความเท่ในมาดสาวขาเหล็กแม่นธนูที่น่าจะได้ใจหนุ่ม ๆ ไปเต็ม ๆ

อีกข่าวดีที่ต้องบอกหนุ่ม ๆ ก็คือในซีซันนี้เราจะได้เห็นตัวละคร คุอินะ ของ อายะ อาซาฮินะ สาวเท่เซ็กซี่ที่ยังคงสวมบิกีนี่ฟ้าท่อนบนกับยีนส์รัดรูปกระชากใจเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือคราวนี้เราจะได้เห็นน้องมากขึ้นและชวนหลงรักมากขึ้นนั่นเองครับ ส่วน ทาโอะ ซึจิยะ ในบทอุซางิ คราวนี้ก็ได้มีโอกาสโปรยเสน่ห์หนุ่ม ๆ และมีบทโรแมนติกมากขึ้นด้วยครับ

อีกจุดที่ต้องชมคืองานโปรดักชันนี่แหละครับ โดยในซีซันนี้เกมส่วนใหญ่มักใช้อาณาบริเวณกว้างและใช้พื้นที่ที่ดูใกล้เคียงกับความเป็นจริงมาเป็นฉากหลังไม่ว่าจะเป็นโกดังท่าเรือในเกมแรกหรือคุกในเกมท้าย ๆ ที่สำคัญมันยังกำหนดทิศทางในการเล่าเรื่องได้มีลำดับขั้นตอนที่ดีขึ้น ไต่ระดับอารมณ์คนดูให้พีคได้ในทุกเกมจริง ๆ และขอย้ำว่าในซีซันนี้ความโหดของเกมคือทวีขึ้นจากเดิมมากจริง ๆ ดังนั้นไม่ควรดูตอนทานข้าวนะครับเตือนไว้ก่อน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส