รีเซต

[รีวิวซีรีส์] "3 Body Problem" ไซไฟเคี้ยวไม่ง่าย เน้นให้คิด

[รีวิวซีรีส์] "3 Body Problem" ไซไฟเคี้ยวไม่ง่าย เน้นให้คิด
แบไต๋
6 เมษายน 2567 ( 15:00 )
1K

การมาถึงของซีรีส์อย่าง ‘3 Body Problem’ ที่สร้างจากนิยายไซไฟไตรภาคของหลิว ฉือซิน นักเขียนชาวจีนโดยในซีซันแรกนี้จะนำเนื้อหามาจาก ‘the Remembrance of Earth’s Past’ หรือในชื่อไทย ‘รำลึกแห่งอดีตกาลของโลก’ นี้จะเป็นเหมือนการเกริ่นนำเหตุการณ์ที่มีทั้งเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์อย่างฉากเปิดเรื่องที่นำยุคสมัยของการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนผ่านเหตุการณ์ที่เยาวชนเรดการ์ด นำนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจทฤษฎีตะวันตกมาลงทัณฑ์ต่อหน้าประชาชนที่ช่วยปูความขัดแย้งไปสู่การตัดสลับกับต้นตอของเรื่องราวเมื่อนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งฆ่าตัวตายหลังจากทนทุกข์ทรมานกับการเห็นตัวเลขนับถอยหลังที่ท้ายที่สุดอาจโยงใยไปสู่แผนรุกรานของเอเลี่ยนแห่งไตรโซลารันส์ (Trisolarans) หรือดาวซานถี่ (San-Ti Ren)

ก่อนอื่นต้องบอกว่าการจะตามเรื่องราวของ ‘3 Body Problem’ นั้นไม่ได้เป็นของง่ายสักเท่าไหร่ ความสนุกมันไม่ได้มาจากฉากโชว์สเปเชียลเอฟเฟกต์ (ซี่งก็มีอยู่ประปรายและคุณภาพอยู่ในระดับน่าพอใจ) ตรงกันข้ามสิ่งที่ถือเป็นความสนุกของมันกลับกลายเป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมอย่างเราคิดตามแบบสมองตุบ ๆ อยู่ตลอดเวลาหรือหากไม่ไหวหลายคนอาจจะเทตั้งแต่ตอนสองตอนแรกไปเลยก็เป็นได้ ดังนั้นหากจะให้ไล่ความสำคัญของเรื่องราวเราอาจจะแบ่งมันเป็น 3 พาร์ทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

พาร์ท Oxford Five 

ในพาร์ทนี้จุดเริ่มต้นมาจากการฆ่าตัวตายปริศนาของ ดร. เวร่า เย่ ที่ทำให้ลูกศิษย์ 5 คนของเธอกลับมารวมตัวกันทั้ง ซัล (รับบทโดย โยเวน อเดโป, Jovan Adepo) ผู้ช่วยของ เวรา เย่, อ็อกกี้ (รับบทโดยไอซา กอนซาเลซ, Eiza González) วิศวกรด้านเส้นใยนาโนที่กำลังพัฒนานวัตกรรมสะเทือนโลก, จิน (Jess Hong) นักฟิสิกส์สาวเอเซียหนึ่งเดียวในกลุ่ม, วิล (Alex Sharp) ครูสอนวิทยาศาสตร์ต๊อกต๋อยที่หลงรักจินมานาน และ แจ็ค (John Bradley) เศรษฐีธุรกิจขนมขบเคี้ยวที่หันหลังให้วิทยาศาสตร์จนร่ำรวย

โดย อ๊อกกี้ ได้กลายเป็นสารตั้งต้นที่เชื่อมโยงการตายของเวร่า เย่ ด้วยการเป็นหนึ่งเดียวที่เห็นเลขนับถอยหลังและถูกขู่ว่าหากเธอยังไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมเส้นใยนาโนตัวเลขดังกล่าวจะนับถอยหลังสู่เลข 0 ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เธอมีชะตากรรมไม่ต่างจากอาจารย์ของเธอ ในขณะเดียวกัน จินก็ค้นพบแว่น VR จากทรัพย์สินของเวร่า เย่ และพบว่ามันคือเกมมรณะที่เอเลี่ยนชาวซานถี่ใช้คัดเลือกนักวิทยาศาสตร์เพื่อสื่อสารและยับยั้งไม่ให้มนุษย์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ อันจะทำให้การยึดครองโลกของพวกมันเกิดอุปสรรค

พาร์ท เย่ เวิ่นเจีย

สำหรับในพาร์ทของตัวละครเย่ เวิ่นเจีย จะเริ่มตั้งแต่เหตุการณ์เปิดซีรีส์คือยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนที่หลังจาก เย่ เวิ่นเจียในวัยสาว (รับบทโดย ซีน เชง, Zine Tseng) ต้องทนเห็นพ่อของเธอถูกสังหารจากกลุ่มเรดการ์ดไปต่อหน้าต่อตา เธอก็ได้รับโอกาสเข้าโครงการลับของรัฐบาลที่วิจัยด้านคลื่นความโน้มถ่วง (Gravitational Wave) ซึ่งมันถูกใช้เพื่อการสื่อสารไปยังนอกโลก และซีรีส์จะพาผู้ชมวาร์ปมาในปัจจุบันเมื่อ เย่ เวิ่นเจีย (รับบทโดย โรซาลีน เชา, Rosalind Chao) ในปัจจุบันกลายเป็นเหมือนผู้นำลัทธิฝันใฝ่ในเอเลี่ยนชาวดาวซานถี่ แม้ว่าเธอจะเพิ่งสูญเสียลูกสาวอย่างดร. เวร่า เย่ ไปไม่นานก็ตาม

พาร์ท กลุ่มผู้หันหน้าเข้ากำแพง (The Wall Facer)

โดยตัวละครในพาร์ทนี้ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น ต้า ชื่อ (รับบทโดย เบเนดิกต์ หว่อง, Benedict Wong) นักสืบที่เข้ามาสืบสวนคดีของ ดร.เวร่า เย่ อย่างจริงจังและได้เข้ามาพัวพันกับกลุ่ม อ๊อกซ์ฟอร์ด ไฟว์ (Oxford Five) โดยเฉพาะ ซัล กับ จิน ก่อนที่เขาจะพาทั้งคู่ไปพบกับ โธมัส เวด (รับบทโดยเลียม คันนิงแฮม, Liam Cunningham) หัวหน้าใหญ่ผู้คิดจะก่อตั้งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์พร้อมเมกะโปรโจกต์คือการส่งมนุษย์ขึ้นไปสอดแนมชาวดาวซานถี่เพื่อเตรียมรับมือการรุกราน

จะเห็นได้ว่าเรื่องราวทั้งสามพาร์ทต่างก็มีความสำคัญกับการดำเนินเรื่องต่างกันออกไป แต่ที่แน่ ๆ หากใครได้ดูซีรีส์จริงจะพบว่าเรื่องราวทั้งสามส่วนต่างถูกเล่าปะปนกัน โดยมีดราม่าระหว่างกลุ่มอ๊อกซ์ฟอร์ด ไฟว์ เป็นตัวเสริมรสชาติให้ซีรีส์ เพราะในขณะที่ความเป็นไซไฟของมันถูกเล่าอย่างเข้มข้นและล้ำลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ต่างจากหนังหรือซีรีส์ไซไฟเรื่องอื่นที่จะพยายามย่อยให้มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ให้น้อยที่สุด พาร์ทความเป็นดราม่าระหว่างเพื่อนในกลุ่มที่มีทั้งรักสามเศร้า มีทั้งความผิดบาปของอ๊อกกี้ในฉากเส้นใยมรณะสุดสยองและมีชะตากรรมที่น่าสงสารในตอนท้ายของวิลเป็นตัวเสริมอารมณ์ความรู้สึกท่ามกลางศัพท์แปลก ๆ ที่ผู้ชมเข้าใจได้ยาก

แต่กระนั้นหากทำความเข้าใจชื่อเรื่อง ‘3 Body Problem’ ที่หมายความถึงปริศนาทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่มุ่งหาวงโคจรของดาวเคราะห์ ดวงจันทร์และดวงดาว หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ อ็องรี ปวงกาเร (Henri Poincaré) ค้นพบคลื่นความโน้มถ่วง (Gravitational Wave) ที่เป็นศาสตร์หลักที่ใช้อธิบายปรากฎการณ์ในเรื่องแล้ว เราอาจตีความมันในเชิงปรัชญาที่ซีรีส์โยนใส่ผู้ชมทั้งเรื่อง ทั้งคำถามว่ามนุษยมีดีมีเลว แล้วเรายังอยากปกป้องมนุษยชาติอยู่หรือเปล่า และหากอยากปกป้องอะไรคือเหตุผลหลักซึ่งแรงโน้มถ่วงของคำถามทางปรัชญาข้อนี้ก็จะคอยมาถ่วงดุลและสร้างความกังขาให้ผู้ชมได้ตลอด 8 ตอนที่ซีรีส์ดำเนินไปตั้งแต่ต้นจนจบ

และแน่นอนว่าความไม่ง่ายของมันก็อาจสร้างบาดแผลให้ซีรีส์อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะในขณะที่ผู้ชมตะลึงพรึงเพริดกับงานวิช่วลสุดล้ำหรือเรื่องราวที่มีความลุ่มลึก แต่เมื่อดูจนจบสิ่งหนึ่งที่ผมพบว่าเป็นปัญหาหลักที่ทำให้หลายคนไม่ไปต่อกับมันคือ เราหาตัวละครที่ผู้ชมจะยึดโยงหรืออยากเอาใจช่วยได้ยากเหลือเกิน แม้กระทั่งตัวละครในกลุ่มอ๊อซ์ฟอร์ด ไฟว์ก็ตาม ขนาดจินเป็นตัวละครที่ผู้ชมน่าจะคุ้นเคยที่สุด แต่เมื่อจบ 8 ตอนมิติของตัวละครนี้กลับน้อยมาก หรือจะให้เป็นอ๊อกกี้ ที่ได้ ไอซา กอนซาเลซ นักแสดงสาวสวยที่ผู้ชมน่าจะคุ้นตาพอ ๆ กับเบเนดิกต์ หว่องที่มารับบทนักสืบก็ยังยากที่เราจะหาเหตุผลให้เห็นอกเห็นใจหรือเข้าใจในการกระทำที่หลายครั้งก็ดูไร้เหตุผลของเธอ

สรุปแล้ว ‘3 Body Problem’ อาจจัดอยู่ในกลุ่มซีรีส์แบบไม่รักก็เกลียดเลย เพราะหากคาดหวังความเป็นไซไฟแอ็กชัน ก็อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่มันเป็นนัก แต่หากใครชอบเรื่องราวไซไฟผสมปรัชญาลุ่มลึกและงานวิช่วลที่มีความแปลกตา โหด ดิบ เถื่อน จนหลายฉากเข้าขั้นหนังสยองขวัญ และพอจะรับมือกับการเล่าเรื่องราวช้า ๆ แบบสโลว์เบิร์นได้ นี่คือซีรีส์ที่สร้างมาให้คุณ