สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ วันนี้ผมจะมาริวิวภาพยนตร์ เรื่อง Paris,Texas เป็นภาพยนตร์ที่ฉายตั้งแต่ปี 1984 หรือ เมื่อปี 2527 เจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ปี 1985 ซึ่งผมยังไม่เกิดที ฮ่า ๆ ก่อนที่จะมาดูเรื่องนี้ ผมไม่รู้จักเรื่องนี้มาก่อนว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ใครแสดง คือ ไม่ได้ทำการบ้านอะไรเลย แต่เมื่อรู้ข่าวจากเฟซบุ๊คชื่อ เพจเรื่องนี้ฉายเหอะ คนหาดใหญ่อยากดู ว่าค่ายผู้จัดจำหน่ายอย่าง Documentary Club ได้ซื้อมาฉายที่หาดใหญ่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผมไม่รอช้า ตัดสินใจเลยไปดูทันทีสิ่งที่ชอบ คือ งานภาพยอดเยี่ยม ผู้กำกับเป็นศิลปินชั้นครู วิม แวนเดอร์ส ที่สามารถถ่ายทอดวิวทิวทัศน์ของทะเลทราย ถนน บ้านเมืองได้สวยงามมาก เหมือนเรานั่งดูงานภาพถ่ายในนิทรรศการงานศิลปะ ดูแล้วมันมีเสน่ห์ อาร์ตจับใจ นี้คือข้อดีที่หนังเรื่องนี้ฉายตั้งแต่ปี 1984 หรือ ช่วงยุค 80 ที่ผมว่าคนที่เติบโต ใช้ชีวิตในช่วงนั้นจะเข้าใจดีเป็นพิเศษ มันเป็นช่วงยุคเปลี่ยนผ่านความเป็นสังคมอเมริกันยุคคลาสสิคไปสู่อเมริกันยุคใหม่ มันมีความเป็น Pop culture บวกกับสไตล์คาวบอยตะวันตกผสมผสานเข้ากันอย่างมีเสน่ห์ในที่คนยุคนั้นเข้าใจจริง ๆตัวหนังสะท้อนสังคมอเมริกันอย่างสุดโต่ง ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม การสนทนา ข่าวสาร บ้านเมือง ผ่านแนวคิดของตัวละครหลัก พระเอก Travis นางเอก Jane ลูก Hunter ที่นำแสดงโดย Harry Dean Stanton , Nastassja Kinski และ Hunter carson โดยเฉพาะ Travis เป็นผู้แบกเรื่องอย่างแท้จริง แสดงดี มีอารมณ์หลายมิติคลุมเครือ ทั้งเงียบ เศร้า ร่าเริง และ อ่อนโยนเหมือนพาราแกรฟ คือ จากเริ่มต้นเรื่องที่ไม่พูดเลยจนฉากหนึ่งที่ตัวน้องชายถามขึ้นมา จู่ ๆ แกก็พูดขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นก็พูดไม่หยุดเลย ตัวเรื่องก็เปลี่ยนบรรยากาศทันที ตัวละคร Hunter มีความน่ารัก น่าเอ็นดู ซุกซน อยากรู้อยากเห็นไปหมด แสดงได้ครบตามที่ว่าไว้เลย ส่วนตัวละคร Jane ถึงแม้ว่าจะโผล่มาไม่มาก โผล่จริงก็ปาเข้าไปเกือบช่วยท้ายเรื่องแล้ว แสดงได้ดีเช่นกัน มีเสน่ห์ หน้าตาสวยงามเหมือนนางงามเวทีระดับโลก ส่วนตัวละครสมทบอย่าง Walt กับ Ann ก็แสดงดีตามบทบาทที่ได้รับ แต่มีส่วนสำคัญแค่ช่วงแรกเท่านั้น ตัวเรื่องมีบทสนทนาที่ถ้าตั้งใจดูแล้วจะมีใจความสำคัญซุกซ่อนอยู่มากมาย แล้วสามารถเชื่อมโยงบทสรุปปมในเรื่องได้ดีด้วยหนังดูเหมือนมีปัญหาในการดำเนินเรื่องอยู่ ดูแล้วมันไม่ Smooth ในความเป็นเนื้อเดียวกัน มันแบ่งเป็น Theme ออกได้เห็นเลย คือ ช่วงต้นเรื่องเป็นแนว Adventure + Road movie ที่สำรวจสภาวะจิตใจของพระเอก พอช่วงหลังกลายมาเป็นแนว Drama ปัญหาครอบครัวเราสามคน ซะอย่างนั้น แถมยังทำได้ไม่สุด บางปมปัญหายังดูค้างคา บางฉากก็ใส่คำพูดที่ดูเป็นคำคมเท่ห์ ๆ ที่บางฉากก็เข้ากับเนื้อเรื่อง บางฉากก็ใส่มาเกินความจำเป็น แล้วมีคำพูดที่เกี่ยวกับศาสนาตามความเชื่อในพระเจ้า คือ จงใจใส่มาเพื่อให้เข้ากับประเด็นของเรื่อง ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วก็ไม่ใช่ Main หลักอะไรเหมือนยัดเยียดเยียดมากกว่าผมสนใจในประเด็นของความสัมพันธ์ของพ่อกับลูก พี่กับน้อง และ ตัวพระเอกกับนางเอก ที่ไม่โรแมนติก มันมีกลิ่นของความร้าวฉานซุกซ่อนอยู่บนความสวยงามของอเมริกันดรีม จะเห็นว่าในเรื่องแสดงถึงมุมมองเพศชายมาก โดยนิสัยผู้ชาย วางอำนาจการกำหนดชะตาชีวิต การตัดสินใจเพียงคนเดียว การแสดงความรู้สึกว่าตนเองต้องเข้มแข็ง ห้ามอ่อนแอ เดี๋ยวถูกกล่าวหาว่าปกป้องผู้หญิงไม่ได้ เช่น การที่ผู้ชายมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอายุน้อยกว่าถือเป็นเรื่องปกติ ตั้งชื่อลูกเองตามความคิดของตนเอง ขออาศัยในบ้าน ขอเงิน ขอรถยนต์โดยถืออำนาจว่าตนเองเป็นพี่ น้องต้องช่วยเหลือ ดูแลพี่ การขอร้องให้ลูกช่วยทำธุระแทนตนเพราะถือว่าตนเองเป็นพ่อ เป็นต้น พอดูแล้วมันเป็นการเอาเปรียบสิทธิ์ในตัวผู้หญิงกับเด็ก และ ช่วงสุดท้ายในฉากที่พระเอก นางเอกได้พูดคุยถึงปมปัญหาทุกอย่างตลอดทั้งเรื่องอย่างหดหู่แล้วก็จากไป จะเห็นได้ว่าสุดท้ายพระเอกยังมีความคิดที่เห็นแก่ตัว พูดกล่าวด้วยคำอันสวยหรูให้ดูเหมือนหล่อ แต่สวนทางกับการกระทำที่ไม่หล่อเลย แท้จริงทำให้ดูแย่เข้าไปอีก คุณไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ทำอะไรคิดถึงคนอื่นด้วย ถึงแม้ว่าได้สารภาพบาปไปแล้วจะรู้สึกดี แต่ไม่ มันก็กลับมาวนลูปเดิมที่พระเอกเป็นมาในตอนต้นเรื่องอยุ่ดี คือ มีการอ้างถึงความเชื่อต่อพระเจ้าว่าลูกได้สารภาพบาปในอดีตที่เคยทำมาแล้วจากนั้นอนาคตจะเป็นยังไง หรือ อาจจะกลับมาทำแบบเดิมอีก มันใช้ไม่ได้ คือ อนาคตมันคือผลลัพธ์จากการกระทำในปัจจุบัน มีบทเรียนจากในอดีตแล้วก็ควรทำให้ชีวิตปัจจุบันดีขึ้นไปกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าเกิดปัญหาแล้วเดินหนีปัญหาไปดื้ออย่างนั้น ชีวิตก็เหมือนกับถนน เราสามารถเดินผิด เดินถูกได้ตลอดเวลา แต่สิ่งสำคัญคือระยะทางที่เราเดินไปนั้น เราใช้วิธีอย่างไรให้ผ่านไปได้มีสติ มีปัญญา และ เก็บเกี่ยวสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไว้มากน้อยแค่ไหนตังหาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง เรื่องราวของแต่ละบุคคลที่จะสื่อออกมาอย่างไรให้ดี มีคุณค่ามากที่สุดขอขอบคุณผู้สนับสนุนโดย :ภาพประกอบรีวิว : www.imdb.com. : // รูปประกอบหน้าปก / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3 / รูปประกอบที่ 4 / รูปประกอบที่ 5 /รูปประกอบที่ 6 / รูปประกอบที่ 7 : www.impawards.com. : // รูปประกอบที่ 1ค่ายผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ ในการอ้างอิงการรีวิว : Documentary Clubเพจในการอ้างอิงการรีวิว : Facebook : เรื่องนี้ฉายเหอะ คนหาดใหญ่อยากดูขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ พบกันใหม่ สวัสดีครับ