Series ReviewChief Detective 1958 (2024)อาจเหมือนของเคยๆที่เห็นได้ทั่วไปในแนวตำรวจจับผู้ร้ายแต่ดูดีมีเสน่ห์และสนุกเพราะ...ถ้าจะเอ่ยถึงนักแสดงชายจากเกาหลีสักคนที่ผู้เขียนปวารณาตัวเป็นเอฟซีที่ติดตามผลงานหนึ่งในนั้นคืออีเจฮุนที่จำเขาได้จากละครซีรีส์ที่กลายเป็นตำนานคือ Signal (2016) แล้วหลังจากนั้นมาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้เขียนได้ตามดูและติดตามดูงานใหม่ของเขาเรื่อยมาจนครบทุกเรื่องที่อาจต้องยอมรับว่าในสายตาผู้เขียนการแสดงของเขาใน Signal ถือว่าเป็นระดับมาสเตอร์พีซแล้ว และหลังจากนั้นเขาอาจแสดงได้ไม่ถึงระดับนั้นอีกเลยแต่ก็อยู่ในมาตรฐานที่สูงพอจนกระทั่งการมาของละครฮิตอย่าง Taxi Driver 1-2 ที่เหมือนเขียนบทมาเพื่อเขาและลิขิตบุคลิกตัวละครมาเพื่อเขา กระนั้นแม้จะติดภาพกวนๆเอาจริงได้เอาฮาได้แต่เมื่ออีเจฮุนต้องมารับบทดราม่าก็ยังจัดการได้ใน Move To Heaven (2021) ซึ่งก็พิสูจน์ได้กลายๆแล้วว่าการแสดงของอีเจฮุนมาตรฐานดีไม่มีตก จนมาถึงงานเรื่องล่าสุดที่เขากลับมารับบทที่คล้ายกับใน Taxi Driver ที่มีความกวนแต่คราวนี้เป็นงานละครซีรีส์แนวตำรวจจับผู้ร้าย ทำให้งานออกมาดูสนุกมีความเป็นงานของอีเจฮุนเต็มที่ที่ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่ามันได้กลายเป็นเสน่ห์ในแบบงานของอีเจฮุนในปี 1958 พัคยองฮัน (อีเจฮุน) สายสืบหนุ่มจากฮวางชอนในชนบทเล็กๆผู้มีชื่อเสียงจากการจับโจรขโมยวัวได้เป็นอันดับหนึ่งจนได้ลงหนังสือพิมพ์ ด้วยความดีความชอบจากความสามารถเขาจึงถูกย้ายเข้าสู่กรุงโซลมาเป็นสายสืบคดีร้ายแรงทีมหนึ่งในสถานีตำรวจจงนัมในยุคที่เกาหลีถูกครอบคลุมด้วยพวกอันธพาลจนชาวบ้านร้านตลาดไม่เป็นอันทำมาหากิน ทว่าเมื่อมาถึงสถานีจงนัมเข้าจริงๆหน่วยหนึ่งมีเพียงหัวหน้าทีมยูแดชอน (ชเวดุคมุน) เพียงคนเดียวและคดีแรกของพัคยองฮันก็คือการจับพวกอันธพาลที่ก่อเรื่องไปทั่วแต่แล้วอิทธิพลมืดที่ปกคลุมวงการตำรวจเกาหลียุคนั้นก็เข้ามาแทรกแซงสร้างความคับแค้นเป็นอย่างยิ่ง พัคยองฮันจึงได้รวมทีมตำรวจพันธุ์เดียวกันที่มีอุดมการณ์ปราบคนพาลอภิบาลคนดีมาร่วมทีมหน่วยหนึ่งประกอบด้วยตำรวจพันธุ์หมาบ้าคิมซังซุน (อีดงฮวี) กับชายร่างยักษ์บ้าพลังโจกยองฮวาน (ชเวอูซอง) และมันสมองของทีมฉายาจูกัดเหลียงอดีตนักศึกษาผลการเรียนดีเด่นซอโฮจอง (ยุนฮยอนซู) แล้วเมื่อได้ทีมตำรวจตงฉินที่บ้าบิ่นพร้อมชนทุกอิทธิพลมันก็คือการเขย่าชีพจรพวกชั่วอย่างดุเดือดเดินหน้าตรงๆผูกเรื่องหลวมๆเพื่อให้เดินเร็วผลที่ได้คือความสนุกเร้าใจระยะสั้นเพื่อไปสู่ระยะยาว จะว่าไปถ้าลองพินิจดูไม่ต้องคิดละเอียดมากก็ยังเห็นว่านี่ก็ไม่ต่างจากการเอา Taxi Driver มาผสมกับ The Good Detective ด้วยการเล่าเป็นคดีย่อยๆแต่เรื่องนี้ต่างไปหน่อยเพราะไม่ได้วางภาพใหญ่ไว้หลังภาพย่อย อาจเพราะจำนวนตอนที่น้อยเพียงสิบตอนเลยเล่าเป็นคดีย่อยที่จบในตอนเหมือนละครซีรีส์ยุคเก่าที่เล่าแบบนี้แต่สิ่งที่ต้องแลกคือการผูกเรื่องจะหลวมเพราะเวลาเล่าเรื่องมีน้อย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายทั้งหมดเพราะบางครั้งคนดูก็โหยหาอะไรแบบนี้คือความสนุกตื่นเต้นเร้าใจอยากรู้และสงสัยมากกว่าต้องการลุ้นว่าจะไขคดียังไงจะจับผู้ร้ายได้หรือไม่เพราะแต่ละคดีในแต่ละตอนก็จะรู้ว่าทีมตำรวจทีมนี้จะต้องคลี่คลายได้แต่จะแบบไหนหรือจะโดนอะไรมาขวางทางก็เท่านั้น สิ่งที่เป็นคือความสนุกระยะสั้นเพื่อไปสู่ระยะยาวเพราะเมื่อเรื่องจบในตอนก็อยากดูต่อว่าตอนต่อไปเรื่องอะไรจะเข้ามาให้ทีมตำรวจทีมนี้ได้คลี่คลาย เมื่อไม่มีภาพใหญ่อยู่ข้างหลังจึงไม่มีการรอคอยบทสรุปใหญ่ๆผลที่ได้คืออยากดูแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆยาวๆแต่ก็ยังเป็นเหมือนงานที่พบได้ทั่วไปกับงานแนวตำรวจจับผู้ร้ายในทุกอารมณ์แต่นั่นคือผลดี ที่ยกตัวอย่าง The Good Detective ขึ้นมาก็เพราะว่าเป็นละครซีรีส์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานและเป็นแนวซีรีส์ตำรวจจับผู้ร้ายที่ถ้าจะสาธยายสามวันคงไม่หมด นั่นหมายความว่าเรื่องนี้เอาจริงก็เป็นซีรีส์ตำรวจที่พบเห็นได้ทั่วไปที่เล่าเรื่องไม่ต่างกันนั่นคือการเล่าเรื่องความดีปะทะความชั่วทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วไม่ว่าความชั่วจะมีอะไรมาคุ้มหัวหรือไม่ก็ตาม ซึ่งการชัดเจนตามแนวแต่เลือกย้อนยุคกลับไปในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยการสืบสวนคดีอาจมีความต่างไปนั่นทำให้เป็นส่วนเสริมด้านหัวใจในระดับหนึ่ง อีกอย่างคือการขีดเส้นแบ่งผลักให้อยู่คนละข้างอย่างสุดขั้วระหว่างชั่วกับดีก็มีผลทางอารมณ์ความรู้สึก นั่นคือคนดูจะเลือกข้างอย่างทันทีที่ได้ดูคือรักฝ่ายดีและเกลียดพวกชั่วทำให้อารมณ์จะมาเต็มซึ่งนั่นก็คือผลดีของการเดินตามแนวนี้อย่างเคร่งครัดในงานแนวซีรีส์ตำรวจดี นั่นก็ทำให้ถ้าไม่รั่วจนเกินไปยังไงก็ยังได้ใจคนดูเสมอและเรื่องนี้แม้จะหลวมๆหรือเหมือนจะมีอะไรง่ายๆบางอย่างก็ไม่อธิบายแต่ไม่รั่วทำให้กลายเป็นซีรีส์ตำรวจชั้นดีได้อีกเรื่องแม้ลูกเล่นไม่ใหม่แต่มาด้วยความพอดีในทุกภาคส่วนทำให้เรื่องมีจุดหมายชัดเจนไม่มีหลุดประเด็น เมื่อเป็นงานตามแนวเดินตามสูตรสิ่งที่ตามมาคือจะมีลูกเล่นอะไรให้แปลกใจอีก แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยังสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้บรรลุก็คือความชัดเจนในความเป็นตัวเองชัดเจนในจุดขายของตัวเองและเลือกที่จะกระชับไม่พยายามต่อความยาวสาวความยืด ดังนั้นลูกเล่นอะไรที่ใส่มาจึงดูเหมือนมีจังหวะเวลาที่ใช่ทำให้มีความพอดีคือมีดราม่าแต่ไม่ต้องไปขยี้มีโรแมนติกก็คุมไว้ไม่ให้ล้นมีอารมณ์เชิดชูแต่ก็ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด นั่นก็คือทุกภาคส่วนที่ประกอบเป็นซีรีส์ตำรวจเรื่องนี้มีความพอดีไม่มีขาดเกินแถมยังเหมือนเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของการปราบปรามเหล่าร้ายในสังคมเกาหลี แม้ว่าบางครั้งอาจเหมือนปูตัวละครบางคนมาแล้วแต่เมื่อถึงเวลาสรุปเรื่องราวในแต่ละส่วนก็อาจไม่สมใจไม่สาแก่ใจที่ไม่ได้เห็นภาพจุดจบของบางคนแต่นั่นก็คือโลกแห่งความจริง ซึ่งก็คือความพอดีที่มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ไม่มีหลุดประเด็นของการเล่าเรื่องทีมสืบสวนในตำนานที่กล้าท้าชนทุกอิทธิพลซึ่งก็คือจุดขายหลักของความสนุกของเรื่องนี้นั่นเองเหมือนเขียนบทมาเพื่อเป็นงานของ "อีเจฮุน" เป็นแกนกลางแล้วก็ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้เกินคุ้ม ว่ากันตามจริงเรื่องนี้ไม่ต่างจากการเอาบุคลิกของอีเจฮุนใน Taxi Driver มาต่อยอดในช่วงแรกนั่นคือมีความกวนในความจริงจังเปลี่ยนบุคลิกท่าทางได้เพื่อการสืบคดี ทำให้ช่วงแรกมีความสนุกขำขันโหดมันส์ฮาเต็มที่ที่เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของงานอีเจฮุนไปแล้ว ทว่าเมื่อถึงเวลาเรื่องก็ปรับโหมดมาเป็นจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆโดยให้ความขบขันหรือแม้แต่ความโรแมนติกไปซ้อนอยู่ข้างหลังแบบเนียนๆ แล้วให้อีเจฮุนเป็นแกนกลางในการพาเรื่องไปในแบบเอาเล่นๆก็ได้หรือเอาจริงก็ดีซีเรียสก็โอเค ซึ่งอีเจฮุนก็ทำได้อย่างเกินคุ้มทำให้เรื่องได้ประโยชน์จากความเป็นเขาแบบเต็มๆแต่ก็ต้องไม่ลืมส่วนเสริมที่ทรงคุณค่าคือคนในทีมทั้งอีดงฮวี,ชเวอูซอง,ยุนฮยอนซูและหัวใจของพระเอกที่เป็นพื้นฐานสำคัญของอารมณ์เชิดชูคือซออึนซูที่เล่นอย่างมีเสน่ห์ในบทหวานใจของตำรวจผู้กร้าวแกร่งที่มีอะไรต้องแลกมา แน่นอนพวกฝ่ายร้ายก็ร้ายได้อย่างมีพลังทำให้เป็นแรงส่งทางอารมณ์คนดูให้มีพลังแรงสูงขึ้นทำให้ดูแล้วดูได้อีกดูจบแล้วก็ยังอยากดูต่อไปนี่คือความบันเทิงเต็มที่ที่ไม่ต้องคิดมากอาจเหมือนโบราณไปบ้างแต่ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน นี่คือซีรีส์ที่เป็นภาคก่อนของซีรีส์ในตำนานที่ออกอากาศยาวนานเป็นเวลาสิบกว่าปีตั้งแต่ปี 1971-1989 นั่นคือความฮิตที่ระเบิดระเบ้อจนออกอากาศยาวนานปานนั้นที่เอาจริงผู้เขียนก็ไม่ได้ดูหรอกแต่มีข้อมูลอยู่ในมือเท่านั้นและความดีงามอย่างยิ่งคือการได้นักแสดงอาวุโสชเวบัลอัมกลับมารับบทเดิม ซึ่งก็คือสายสืบพัคยองฮันในวัยชราที่เมื่อรู้ตรงนี้เข้าแล้วฉากสุดท้ายในสุสานก็กลายเป็นฉากที่ทรงคุณค่าต้องเป็นที่จดจำแม้จะไม่เคยดูงานเก่ามา และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมอะไรหลายอย่างดูโบราณไปบ้างมีอารมณ์ของงานซีรีส์ยุคเก่าจบในตอนแต่ก็ดูได้ไม่มีเบื่อไม่นับงานด้านภาพที่สวยเนียนกริบฉากและทิวทัศน์ที่แทบไม่รู้สึกว่าถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แล้วอาจเพราะผู้เขียนหลงลืมไปแล้วว่าซีรีส์ยุคเก่าสนุกแค่ไหนแม้ว่าบางครั้งการพยายามย้อนกลับมาดูในวันนี้ (กับบางเรื่องไม่ใช่เรื่องนี้) รู้สึกว่ามันดูหลวมๆไป แต่เรื่องนี้คือการเอาความเป็นซีรีส์ยุคเก่ามามัดให้แน่นขึ้นในการเล่าก็ทำให้กลายเป็นความบันเทิงเต็มที่ที่มีอารมณ์ถวิลหาและความสนุกตามแนวทางดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram mbcdrama_now ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้ https://entertainment.trueid.net/detail/DPN4OYzDjoed https://entertainment.trueid.net/detail/zY7P2dNnj05V https://entertainment.trueid.net/detail/vY4BM0e2eWNP https://entertainment.trueid.net/detail/y7gV366Q9Kbd จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !