รีเซต

ณัฏฐ์ กิจจริต ก้าวมารับบท หนุ่มต้อ มาดกวนแห่ง "14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand"

ณัฏฐ์ กิจจริต ก้าวมารับบท หนุ่มต้อ มาดกวนแห่ง "14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand"
Jeaneration
11 ตุลาคม 2566 ( 21:00 )
493

สิ่งที่ทำให้นักแสดงหลักอย่าง “นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต” ไปได้ไกลและไปได้สวยในวงการซีรี่ส์และภาพยนตร์ ก็คือการทำการบ้านกับบทอย่างใส่ใจทุกรายละเอียด ฉะนั้นในเรื่องนี้ 14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand จะได้เห็นมุกที่ “ต้อ” พูดออกมา ความรู้สึกที่ส่งออกไป มักเป็นการด้นสดของนัท ที่หน้าเซตอยู่เสมอ บวกกับความโชคดี ในการร่วมงานกับคนคอเดียวกันอย่างผู้กำกับ เป้-นฤบดี เวชกรรม ทำให้ตัวละครของ “ต้อ” ดูเป็นมนุษย์อุดมไปด้วยมุกแพรวพราวเกือบทั้งเรื่อง “ใครกลั้นไหว ไปก่อนเลย” กับ “แล้วแต่นัท” วลีที่มักจะได้ยินบ่อยๆ เวลาที่พระเอกอย่าง นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต เข้าฉากถ่ายทำ

ใน 14 อีกครั้ง นัทมารับบทเป็น ต้อ คาแร็กเตอร์เป็นคนแบบไหน

ในเรื่อง 14อีกครั้งผมรับบทเป็น “ต้อ” ต้อก็เป็นหนุ่มขลุงที่ไม่มูฟออนเท่าไหร่ เขาก็จะวนเวียนในตัวเลข 14 นี่แหละ คือตอนที่ผมได้รับบทนี้น้าเป้ ที่เป็นผู้กำกับ (นฤบดี เวชกรรม) กับพี่ออมที่เป็นแคสติ้ง จะบอกว่าตัวต้อมีความเป็นมนุษย์สูงมาก  เขาจะคอยมองสิ่งต่าง ๆ ตลอดจะเล่นมุกจะคอยทำให้บรรยากาศมันเบาขึ้น สมมติว่าบรรยากาศมันเครียดต้อจะเป็นคนที่เข้ามาเล่นมุก ผมก็พยายามคิด คอยมองคนที่มีอารมณ์ทำนองนี้รอบตัว

แต่ว่าหลัก ๆ เลยที่ตัวละครต้อมันเริ่มทำงานกับผมจริง ๆ  คือเรื่องการไม่ค่อยมูฟออน ไม่ค่อยทิ้งกับเรื่องราวอะไรเท่าไหร่ ถ้าสังเกตตั้งแต่การแต่งตัว ก็จะเห็นว่าต้อใส่แต่รองเท้าเดิม ๆ  ใส่รองเท้านักเรียนมาตั้งแต่ตอนเรียนยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่มูฟออนจากมัน หรือแม้แต่ความรักของเขากับเพื่อน เขายังวนอยู่ในลูป ต้อเขาจะมีคาแร็กเตอร์ประมาณนั้น

ก่อนจะมาแสดง มีการเวิร์กชอปมาก่อนไหม

เวิร์กชอปเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องครับ เช่น น้องชายเราเป็นใคร น้องชายเราสนิทกับใคร เราชอบใคร เราต้องเล่นร่วมกับใครบ้าง จะเวิร์กชอปในแง่ของโครงสร้างความสัมพันธ์เป็นยังไง แต่หลักๆ น้าเป้ (ผู้กำกับ) ก็จะบอกว่า มันสำคัญมากเหมือนกันที่จะมาหาโมเมนต์ที่มันพิเศษที่หน้างาน เรื่องนี้น่าจะเป็นครึ่งๆ เลยที่เวิร์กชอปประมาณนึง แล้วเราก็มาหวังผลหน้างานด้วยส่วนนึง

ตัวต้อกับนัท มีอะไรต้องปรับเปลี่ยนหรือเหมือนกันไหม

มีคนถามเรื่องนี้บ่อยนะ เพื่อนนักแสดงก็จะมาถาม  คือผมรู้สึกว่าต้อมันเป็นอะไรเล็ก ๆ ที่เราเอาไว้เล่นกับเพื่อนในชีวิตจริงของผม แต่รอบนี้เหมือนเราต้องถ่างออกมาเป็นหนึ่งชีวิต ความรู้สึกผมมันเหมือนต้องเล่นมุก ต้องเอนเทอร์เทนตลอดเวลา มันเหนื่อยมันขัดกับธรรมชาติของผมนิดนึงครับ ถามว่าเราก็มีเหลี่ยมนั้นเหมือนกันไหม ก็มีนะแค่ว่ามันจะออกมาสั้นไม่มากเท่ากับที่เป็นต้อ พอเป็นต้อต้องใช้โหมดนี้ตลอดเรื่องนึงเลยมันแปลกดีครับ แต่ในแง่นึงผมกำลังมองหาบทแบบนี้อยู่ด้วย จากที่ก่อนหน้านี้เราเล่นแต่บทเครียดๆ เดี๋ยวเป็นนักกีฬา (App War แอปชนแอป) เดี๋ยวเป็นอาชีวะ (4KINGS อาชีวะ ยุค 90's) มันเครียด ซีรีส์ที่เพิ่งปิดกล้องไปก็เครียด โชคดีที่พอมาถึงเรื่องนี้มันได้วางทุกอย่าง แล้วหายใจหายคอ สบาย ๆ

ตอนแรกก็ต้องปรับตัวมาก แต่ระหว่างนักแสดงด้วยกันมันก็สนิทกันมาเรื่อย ความพิเศษของกองนี้ก็คือ เราเริ่มเดินทาง เริ่มสนิทกับทุกฝ่าย ทีมอาร์ต ทีมแต่งหน้า ทีมเสื้อผ้า ผมว่าพอพลังงานในกองมันสนุก การมีโมเมนต์เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้มันน่ารักดี และผมว่ามองย้อนกลับมามันจะไม่ได้พูดแค่เรื่องทำงานในกอง แต่อาจจะพูดถึงทีมงาน คนนี้แต่งขาสั้น คนนี้แต่งตัวตลกอะไรอย่างนี้ครับ การอยู่กองถ่ายนี้มันผ่อนคลาย มันก็เลยเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปที่จะเป็นต้อในการแสดง

ร่วมงานกับณิชาเป็นยังไงบ้าง

จำได้ว่าเจอณิชาครั้งแรกเจอที่วันฟิตติง แล้วก็วันเวิร์กชอป มันมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันคือให้เราสลับกันเล่าเรื่อง แล้วให้ทายว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก เหมือนเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน แล้วผมทายณิชาผิด 100 % เลย เพราะทุกเรื่องที่เขาเล่ามันขัดกับสิ่งที่เรามองไว้ คือไม่คิดว่าณิชาจะมีมุมนี้ ความย้อนแย้งตรงนี้มันก็เป็นอะไรที่ตลกดี เพราะคาแร็กเตอร์เขามีความดุแต่ข้างในคือ ใช้ได้ (ลากเสียง)  มีอะไรคาดไม่ถึงเหมือนกัน

นิยามคำว่าใช้ได้ของณิชาหน่อยสิ

แสบครับ แล้วก็มีท่าฮัดเช้ยที่ตลกเขาจะโยกทั้งหัวแล้วก็ชอบแกล้ง แต่ข้อดีของณิชาก็คือ ต่อให้ทุกคนที่เขาแกล้งก็จะไม่มีใครโทษเขา เขาจะไม่ใช่คนที่น่าสงสัยจะเป็นพวกเด็กเป็นผม เขาก็จะรอดพ้นจากคดีพวกนี้ไปเยอะ อาจเป็นเพราะณิชาเขานิ่งได้เร็ว แต่พวกผมมันพิรุธเยอะไปหมด

คิวแรกๆ ที่ได้เจอกัน แสดงด้วยกันเป็นยังไงบ้าง

ดีมากครับ คิวแรกมันก็จะมีงงบ้างเป็นปรกติ แต่ณิชาเขาหัวดี ความที่ต้อมันเล่นไปเรื่อย บางทีมันต้องอยู่ในบทบ้างนอกบทบ้าง ณิชาเขาก็จะรับส่งได้ไว บางทีเขาก็จะเป็นคนที่ดึงผมกลับเข้าเส้นเรื่อง เส้นของไดอะล็อกหลักด้วย เพราะบางทีเราก็พูดนอกบท ความจริงเด็ก ๆ ก็ด้วย เขาจะคอยดึงสติผม ให้กลับมาพูดอยู่ในร่องในรอยเถอะ ผมว่าการที่ผมทำงานแล้วมาเจอกับพาร์ตเนอร์ที่พร้อมรับส่งมันสนุกมาก ซีนมันไปของมันเรื่อยเลยครับ

เล่าให้ฟังหน่อยว่าร่วมงานกับน้องๆ เป็นยังไงบ้าง

ในเรื่องเขาใช้ชื่อ แก๊งหัวหมา ก็มี น้องเล็ก น้องโยชิ น้องวีเจ น้องโมเน่ต์ น้องแฟร์รี่ (ธีรเวช สุภาวงษ์, สุริยาวิชญ์ ถนอมชัยสนิท, นพรุจ ตันธนวิกรัยภาริตา ริเริ่มกุล, กิรณา พิพิธยากร) แยกน้องภูผา (อินทนนท์ แสงศิริไพศาล) ไว้คนนึงนะ คนอื่นผมเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกครับ แต่ก็ทราบมาว่าแต่ละคนมีผลงานมาอยู่แล้ว ไม่เคยเป็นห่วงเรื่องวิธีการทำงานเลย เป็นห่วงว่าจะคุยกับเขาได้หรือเปล่าส่วนตัวแบบนี้มากกว่า แต่น้องเขาก็จะตั้งใจ ก่อนเข้าเซตก็จะจับกลุ่มทำสมาธิอะไรกัน ซึ่งอันนี้น่าชื่นใจนะ ผมรู้สึกว่าแต่ละคนน่าจะโตไปเป็นคนทำงานที่ดีแบบนี้ได้ ขอแค่ให้รักษามาตรฐาน

แต่ว่าภูผาเคยเจอมาแล้วครั้งนึง เจอกันตั้งแต่ตัวเล็ก ความรู้สึกคล้ายว่าผมเป็นผู้ปกครอง รู้สึกอยากจะแชร์หนังเรื่องนี้ให้ทุกคนดู อยากให้น้องมันไปต่อเรื่อย ๆ เราโชคดีที่เราเห็นมาแล้ว 2 โปรเจกต์ของน้อง พัฒนาการเขาเยอะมาก ความนิ่งของโฟกัสก็ดีขึ้น น่าจับตามองครับ

ร่วมงานกับน้องผู้หญิงอีก 2 คน แฟร์รี่ กับ โมเน่ต์ เป็นยังไงบ้าง นัทมีโหมดเข้ากับสาวๆ ยังไง

เจอก็คุยเล่นกันปรกติครับ น้องจะมีโลกของพวกเขากันอยู่ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปถึงแฟร์รี่กับโมเน่ต์นะ สงสารโมเน่ต์ที่ต้องใส่วิกตลอด มันเสียสมาธิเหมือนกันนะ แต่น้องเก่งเลยในเรื่องของสมาธิ

ส่วนแฟร์รี่ เรารู้จักพี่สาวของแฟร์รี่ รู้จักมินนี่ รู้จักที่บ้านเขาปะป๊าเขา ก็เลยไม่ได้เกร็งมาก น้องน่ารักครับตัวเล็กตัวน้อย ผมว่ายิ่งมันผ่านคิวกันมาเรื่อย ๆ มันก็มีการแกล้งกัน หลัง ๆ เริ่มโดนแซวบ้างละ เริ่มสบายตัวละ การร่วมงานกันมาจนถึงช่วงท้าย มันไม่ได้แยกว่าคนนี้เด็กผู้หญิง เด็กผู้ชาย แต่นี่มันเป็นแก๊งเขา แก๊งคนแก่ แก๊งเด็ก เราแบ่งกันแบบนี้แล้ว  

ทำงานกันมาจนถึงวันนี้ อินหรือยัง

จริง ๆ เริ่มรู้สึกอินตอนมาถึงที่จันทบุรี ตอนแรกผมก็นึกไม่ออกว่า มนุษย์ลักษณะนี้เขาโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบไหน ต้อมันต้องยังไง ความเจ๋งคือ มาที่นี่เราได้เจอกับพี่ต้อตัวจริงด้วย คิวที่อู่ซ่อมรถ พี่ต้อเอากีต้าร์มาให้เล่น เขาคือทุกอย่างที่น้าเป้เล่าให้ฟัง

มีอยู่ซีนนึงที่พี่ต้อตัวจริงมาร่วมซีน ในเรื่องผมต้องเดินมาท้ายสุด แล้วผมก็รู้ละว่ามันไม่ได้หวังผลอะไรหรอกกับซีนนี้ เพราะมันเป็นการเล่นกันท้ายซีนละ ผมก็เล่นเอาสนุกเลย เขายื่นไอศกรีมให้แล้วก็ต้องแกล้งทำตก ในบทมีแค่นั้น เขายื่นมาตามบทแล้วก็ทำตก ผมก็เอาเลย เฮ้ย...รู้ป่าวว่าต้อโมโหร้ายนะ เขาสวนขึ้นมาเลยว่า เปลี่ยนจากโมโหเป็นเบอร์โทรได้ไหม เนี่ยคือพี่ต้อตัวจริงแกทำทุกอย่างซอฟต์ลงได้

แล้วพี่ต้อแกมาเล่น แกไม่ได้เข้าใจกล้องเข้าใจซีน แต่เขามีเซนต์ในการทำอย่างนี้เลย ผมก็เลยโอเคเรามาถูกทางละ แปลกดีครับ มันก็สนุกขึ้นเรื่อย ๆ

พูดถึงผู้กำกับอย่างพี่เป้บ้าง (นฤบดี เวชกรรม) ทำงานร่วมกันเป็นยังไงบ้าง

มันมีอยู่คิวนึงผมจำแม่น น้าแอน(โปรดิวเซอร์) แล้วก็โอมลูกชายน้าเป้ ผมก็กินข้าวที่ตรงหน้าสวัสดิการแล้วเดินสวนกับน้าเป้ น้าเป้หน้าหมองเลย แกหันมาถามเสียงอ่อย ๆ ว่า นัท เห็นครอบครัวเราไหม แกจะชอบเดินมาแล้วก็ยิงมุก แล้วก็ด้วยความที่แกเป็นคนจันทบุรี มันจะมีทางมุกอะไรบางอย่างที่เหมือนกับปะป๊าผม ปะป๊าผมก็คนจันท์ ไอ้การเล่นอะไรแบบนี้มันก็จะเหมือนเจอญาติผู้ใหญ่ คนนี้น่ากลัว คนนี้ปล่อยออร่า ตลกดี

ในการทำงาน มันก็จะมีคิวสองคิวแรกที่ต้องจูนกัน แล้วก็อ๋อ โหมดประมาณนี้ที่น้าเป้เขามองหาอยู่ คือบางทีผมติดนิสัยการจำทุกอย่างไว้ให้แน่น แล้วก็เหมือนมาแสดงในสิ่งที่ซ้อมมา แต่สิ่งที่น้าเป้อยากได้มันเป็นโมเมนต์ความพิเศษระหว่างมนุษย์ บางทีเราต้องทิ้งไว้ครึ่งนึงแล้วก็มาหาเอาข้างหน้างาน อย่างที่เล่าให้ฟัง ผมว่านอกจากความตลก มันเป็นการที่ค่อย ๆ จูนกันมากกว่า หลัง ๆ พอทำงานแล้วผมเสนออะไร เล่นอะไรออกไป น้าเป้ก็จะบอกว่าแล้วแต่เลย แล้วแต่นัทเหอะ เราก็เริ่มดีใจว่าเออ แสดงว่ามันเริ่มมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างตัวแสดงกับผู้กำกับ พอมาถึงคิวที่เราเดินทางมา น่าจะประมาณครึ่งทาง มันเริ่มเกิดสิ่งพวกนี้ ผมก็ว่าโอเคเลย มันได้แชร์กันแล้วน้าเป้ก็ให้โอกาส

เมื่อกี้บอกว่าคุณพ่อก็เป็นคนจันทบุรี อะไรจะบังเอิญกับเรื่องนี้ขนาดนั้น

ใช่ครับ แล้วแปลกไหม คนแบบพี่ต้อตัวจริงก็มีบางอย่างเหมือนพ่อผม คือมันพูดยากอย่างป๊าผม เป็นมนุษย์ที่สามารถเอาถั่วฝักยาวใส่ไว้ในฟัน แล้วก็อมไว้อย่างนั้นเพื่อรอไปเจอเพื่อนตอนกินข้าว เหมือนกับเป็นคนลงทุนกับอะไรแบบนี้ แล้วน้าเป้ให้เซนต์มาแบบนั้นเหมือนกันการแบบตั้งใจเล่นมุก แล้วช่วงหลังมาคุยกับแกเยอะขึ้น อย่างเช่นเรื่องเตะบอล ยิ่งรู้สึกเหมือนพ่อมาก น้าเป้เหมือนปะป๊ามาก ก็ไม่รู้ว่าชายชาวจันทบุรีอารมณ์นี้กันเยอะไหม

แล้วมีฉากไหนบ้างที่อยากจะพูดถึง

จริงๆ ผมชอบฉากที่มีแม่กับกิ๊บ (ไก่-สุปราณี เจริญผล รับบทเป็นแม่กิ๊บ) คือ ณิชาขับมอเตอร์ไซค์มา
ตามซีนคือผมต้องถือหม้อแล้วก็หันกลับมา แล้วณิชาก็จะเข้ามาจอดมอเตอร์ไซค์พอดีที่ท้ายกระบะ แต่พอณิชามาจอดผมหันกลับมา ณิชากำลังจะเสยกระบะอยู่แล้ว แง่นๆ บิดคันเร่งแรงเลย แล้วไอ้ที่ปิดตอนหลังของกระบะ มันก็กระเดิดขึ้น ผมก็เฮ้ย..ตอนแรกคิดว่าณิชาเขาจะเล่นแบบนั้นแล้วทิ้งมอเตอร์ไซค์ไปแล้วเดินขึ้นรถ ตัวละครมันรีบไง เราก็เออมาแบบนี้แล้วไปต่อเลย สักพักณิชาไม่ไหวหลุดขำเพราะมันคงอันตราย ก็เลยชอบฉากนั้นมาก มันเป็นการข้ามเส้นเล็ก ๆ ของณิชา คือเขาไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์ เห็นเขาไปเรียนขับตั้งอกตั้งใจ มันน่ากลัวนะเพราะมันคือรถชนแล้ว แต่เขาไม่กลัวก็เลยชอบซีนนั้น

จริง ๆ ชอบเยอะนะที่ผ่านมา แต่ผมเป็นคนชอบโมเมนต์เล็ก ๆ ที่เจอในซีน อย่างล่าสุดก็คือต้องขับรถเข้ามาแล้วจอดรถส่งเด็ก ๆ แต่วันถ่ายพี่คนที่มาเล่นเป็นแท็กซี่ รถแดงของที่จันท์ คล้ายรถแดงที่เชียงใหม่ เขาเหมือนออกตัวช้านิดนึง ไม่แน่ใจว่าเพราะรถหรือเพราะผิดคิว พอผมเข้ามาจะจอดผมก็บีบแตร แล้วก็บอกลุงถอยไป ลุงก็ค่อย ๆ ออก แล้วพอมาย้อนดูหน้ามอนิเตอร์ มันดูว่าต้อเลวดี (หัวเราะ)  คือข้างหน้าก็ทางม้าลาย เด็กนักเรียนก็กำลังเดินข้าม แต่มันเกิดจากความไม่ได้คิด แบบหลบไปกูจะมาส่งน้องกู น้องกูสายแล้ว เออมันแบบดูตอบโจทย์คาแร็กเตอร์แบบต้อดี

แล้วมันมีโมเมนต์แบบนี้เยอะนะครับ แบบทำไปเลยไม่ต้องคิดอะไรแล้วน้าเป้ดันชอบ ฉากเล่นกีต้าร์ก็ชอบ เพราะพี่ต้อตัวจริงมาสอน แล้วก็น้องโอมลูกชายพี่เป้ก็มาสอนให้ การจับพาวเวอร์คอร์ดอะไรต่ออะไร ก็ใหม่ดีครับ จริง ๆ ผมก็เล่นพอได้ครับ แต่ไม่ได้เล่นแบบจริงจัง แล้วก็เป็นการเล่นแบบเด็กทั่วไปเปิดคอร์ดเล่นกับเพื่อน เล่นแบบไม่ได้พยายามจะเป็นนักดนตรีที่ดี เราเล่นเพราะเราชอบ

เรื่องนี้พูดถึงช่วงวัยอายุ 14 ตอนนั้น นัททำอะไรอยู่ มีวีรกรรมอะไรบ้างไหม

ช่วงนั้น ม.2 -ม.3 น่าจะได้ ตอนนั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยว กำลังเรียนอัสสัมชัญ แล้วกำลังจะโดนโยกไปที่
ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ผมต้องไปต่อที่นั่น ช่วงอายุ 13 - 16 ได้ ตอนนั้นเป็นช่วงทำให้ตัวเองเป็นคนตัวเล็กที่สุดเงียบที่สุด เพราะเราอยู่หลายสภาพแวดล้อม เราย้ายจากชายล้วนไปอยู่โรงเรียนสห ย้ายจากสหไปอยู่โรงเรียนกับฝรั่ง จากฝรั่งไปอยู่มหาวิทยาลัย มันเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านเยอะ 14 ของผมมันก็ทำยังไงก็ได้ ให้มันผ่านไปง่าย ๆ แล้วตอนนั้นมันเป็นการปรับตัวซะเยอะ ไม่ค่อยรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างช่วงนั้น

พอมาเล่นเรื่องนี้นะ มองย้อนกลับไปยังนึกไม่ออกเลยว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงอายุนั้น  จำได้ว่ามันเป็นการเดินทางมาก เป็นการแพลนว่า ต้องเล่นกีฬาจะได้เข้ากับเพื่อนแก๊งนี้ มันเป็นการปรับตัวช่วงนั้น เป็น 14 ที่ไม่สนุกเลย ผมเชื่อว่ายังมีวัย 14 แบบผมอีกเยอะนะ ที่ผ่านเรื่องราวมาแบบเงียบ ๆ

แต่ก็มีบ้างนะครับเป็นแก๊งเดิม ผมโชคดีที่ตอนเป็นเด็กอนุบาล 1 จนถึงม.3  ไม่เคยย้ายโรงเรียนเลย ดังนั้นเพื่อนที่อัสสัมชัญศรีราชา ก็จะเป็นเพื่อนแก๊งเด็กกลุ่มเดียวเลยที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคุยกับบางคนบ้าง ถ้าจำไม่ผิด พี่หรือน้องของณิชาก็เรียนรุ่นเดียวกันกับผมเหมือนกัน  โลกกลมมาก แล้วก็ไปเป็นเพื่อนกันตอนเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย แล้วก็กลับมาเป็นเพื่อนแก๊งมหาวิทยาลัย เป็นเพื่อนในการทำงาน มันรวมกันกลุ่มเล็ก ๆ เป็นแก๊งเดิม ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแก๊งอยู่ วัยรุ่นช่วงนั้นของผมไม่ค่อยแซ่บ ใครพูดไว้ไม่รู้ว่าผมไม่แซ่บ มีเด็กสักคนนึงในหมู่นักแสดงนี่แหละ เราเคยคุยกันเรื่องนี้ แล้วน้องบอก พี่ไม่แซ่บ ครับใช่ครับผมไม่แซ่บ (หัวเราะ)

อยากจะบอกอะไรน้องๆ ที่ยังไม่แซ่บตอนนี้

ถ้าพูดอย่างจริง ๆ เลยคือ ทุกชอยซ์ของการกระทำ มันก็ได้อย่างเสียอย่าง อย่างเราไม่แซ่บไปซะทุกเรื่อง เราก็ไม่ต้องลองอะไรมันทุกอย่างหรอก แต่มันก็มีพาร์ตเพื่อนกลุ่มที่เรียนมาทำอะไรร่วมกันมา ผมเชื่อว่ายังมีเด็กแบบผมตั้งเยอะแยะ มีผู้ใหญ่อย่างผมอีกเยอะแยะ อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ถ้าจะแนะนำน้องเพียงแค่ว่า รับผิดชอบกับราคาที่ตัวเองต้องจ่าย เช่น ทุกวันนี้ผมไม่ได้โหยหาในการย้อนกลับไปทำให้วัย 14 มันแซ่บขึ้น กูจะต้องกินเหล้าสูบบุหรี่มาตั้งแต่เด็ก จะต้องมีประสบการณ์ครบถ้วน ผมก็มีประสบการณ์ในโลกของผม ดังนั้น ณ วันนึงเมื่อเรากลับมาเจอกับเพื่อน ๆ  อ่อ นายผ่านเรื่องนี้มาเหรอ เราเจอเรื่องนี้มาว่ะ แล้วก็มาแชร์กันได้อยู่ดีในความเป็นเพื่อน

แต่ถ้าเกิดว่า รู้ตัวว่าเป็นคนที่ไม่ได้ทำแล้วจะมีปัญหา ถ้าฉันไม่ได้ลองอันนี้แล้วฉันจะเสียดาย ผมว่าก็ลองได้นะ แต่แค่ว่าต้องรับผิดชอบกับมัน ก็คือ เราทำอะไรลงไปก็ต้องมีราคาที่เราต้องจ่าย คุณทำสิ่งนี้ไปมันเสียต่อสุขภาพคุณนะ คุณเลือกฝึกฝนสิ่งนี้แต่เด็ก อนาคตคุณก็จะมีชั่วโมงบินที่เยอะกว่าชาวบ้าน ผมไม่เชื่อเรื่องของการต้องมีแบบแผน ผมแค่เชื่อว่าทำอะไรก็ได้ แต่รับผิดชอบนะ ผมคิดอย่างนี้จริงนะ อย่างสมมติวันนึงถ้าเรามีลูก เราก็คงจะบอกว่าอยากทำอะไรทำ แค่ว่าจะต้องมั่นใจว่าราคามันคืออะไร ทำไปเลย

แต่นัทไม่ถึงกับเป็นแบบกิ๊บใช่ไหม ที่เรียนอย่างเดียว

ไม่ค่อยครับ บ้านผมก็จะมีขีดบางขีด คือผมไม่ได้โดนเลี้ยงมาแบบเคร่งมาก มันจะมีไม้บรรทัดบางอย่างที่เขาใช้กับผม เหมือนครอบครัวอื่น ๆ เช่น ผลการเรียน ก็มีมาใช้บ้างเบสิกมาก ผมรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าผมชอบศิลปะ ทีนี้ ณ ตอนที่เหมือนโดนบังคับเลือกเร็ว ตอนอยู่ที่นั่น year 10 -11 เราต้องเลือกละ เราอยากจะเรียนอะไรบ้าง ตอนนั้นผมแค่ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร แล้วการหาข้อมูลแบบเด็ก ๆ ก็โอเค Fine Art มันอาจจะหาเงินยากหน่อยการแข่งขันสูง ขยับขึ้นมาหน่อยก็สถาปัตย์ไหม เป็นสถาปนิกไหม มันคือการเจอกันระหว่างศิลปะกับวิทยาศาสตร์ เหมือนแค่พยายามให้ตัวเองอยู่ในละแวกศิลปะโดยที่ยังไม่ได้เข้าใจ เวลามันเริ่มเจอจุดที่ชอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ การแสดง สถาปัตย์ มันก็แค่มีจุดเชื่อมที่สำคัญ มันก็คือการทำงานศิลปะใต้เงื่อนไขเฉยๆ ผมชอบการทำงานใต้เงื่อนไข

ในมุมมองของนัทคนนี้มองต้อ และกิ๊บในหนังเป็นยังไง

ผมคิดเรื่องนี้บ่อยเหมือนกันนะ ว่าตอนสุดท้ายความสัมพันธ์ของต้อกับกิ๊บมันเป็นความรักแบบไหน ถ้าได้ดูหนัง ถ้าได้มีโอกาสอ่านบทมันตีความได้เยอะ ทำไมผมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปสักทีนึง ทำไมยัง
มูฟออนเป็นวงกลม ต้อจะตกอยู่ในมุมมองความสัมพันธ์แบบไหน ความสัมพันธ์แบบนี้มันก็มีนะ เชื่อว่าสิ่งที่คนที่เรารักเป็นอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ต้อมันเป็นคนที่แบบ กิ๊บกลับมาบ้านเราเถอะ กลับมาใช้ชีวิตแบบที่เราโตมา

ต้อเขาจะคิดตลอดว่า การที่เขาไม่พอใจ ที่กิ๊บไปกรุงเทพฯ หรือการที่เขาอยากให้กิ๊บอยู่ที่ขลุงไปนานๆ อยากให้กิ๊บกลับมาอ่านการ์ตูนเหมือนตอนเด็กๆ มันเป็นเพราะว่าต้อเห็นเวอร์ชันที่แฮปปี้ที่สุดของกิ๊บไปแล้ว ตอน 14 สำหรับผมจะมองว่ามันไม่มูฟออนก็ได้ หรือว่ามันเป็นคนเดียวที่พยายามรักษากิ๊บเวอร์ชันที่ยังสะอาดอยู่ก็ได้ คือเราก็ไม่รู้ว่ากิ๊บที่กรุงเทพเขาไปเจออะไรมาบ้าง แต่การที่กิ๊บกลับมาที่ขลุง เราเห็นตาที่มันไม่เหมือนเดิม เห็นความเศร้าบางอย่าง ผมว่ามันไม่แปลกที่ทำให้ต้อมีความคิดต่อกิ๊บแบบในหนังที่สื่อสารออกมา มันอาจะฉาบหน้าด้วยการเล่นมุก หรือการแสดงออกแบบเด็ก แต่ผมว่าลึกๆ มันเชื่อว่า นี่มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ดีที่สุดของกิ๊บ มันเป็นความพยายามที่จะรักษา หรือเอากิ๊บคนเดิมคืนมามากว่า

ซึ่งมองย้อนออกมาไกล ๆ มันก็ไม่ได้เป็นวิธีการมองความรักที่ถูกต้องซะทีเดียวหรือครบทุกมิติ แต่ว่า ผมว่ามันทำให้ผมทนดี ผมเชื่อว่ามีคนหลายคนที่ไม่ได้มีความคิดต่อความรักเหมือนในหนังสือ ที่เข้าใจอย่างครบถ้วน ผมว่าต้อเป็นหนึ่งในคนที่ก็มีความคิดแหว่ง ๆ ในความรักเหมือนกัน คือ มันแค่คิดแบบนี้เฉย ๆ มันอยู่ที่ขลุง มันเสพสื่อแบบนี้ มันมีแต่ความคิดแบบนี้ มันไม่แปลกที่มันจะประกอบร่างความคิดของต้อมาได้ประมาณนี้ มันน่าตั้งคำถามต่อ มันสามารถใช้ไม้บรรทัดเดียวกันตัดสินความคิดของคนทั้งประเทศได้ไหม ในเมื่อเขาโตมาไม่เหมือนเรา เขายังโดนล้อมด้วยสื่อที่ไม่เหมือนเราเลย มันน่าสนใจมากที่จะบอกว่าอันนี้คือความสัมพันธ์ที่ถูกต้องนะอันนี้ผิด จริง ๆ น่าสนใจครับว่าคนจะคิดต่อไปยังไงหลังดูเรื่องนี้เสร็จ

มันมีอะไรที่อยากจะพูดถึงในการทำงานไหม

ก่อนถ่ายทำผมเคยรู้สึกว่ามันจะง่ายกว่านี้ ผมไม่เคยกังวลเลยว่า ผมจะทำงานกับคนอายุเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าแก๊งหัวหมานี้เขาคัดมาแล้ว กึ่งนึงต้องเป็นตัวละครตัวนี้อยู่แล้ว ไม่เคยกังวลเรื่องนี้เลย  แต่พอทำงานด้วยกันเรื่อย ๆ กับนักแสดงคนอื่นเริ่มเข้าใจอีกมุมนึงว่า มันมีชุดข้อมูลบางส่วนที่น้องเขาไม่จำเป็นต้องรับตอนนี้ หรือแม้กระทั่งบางที เด็ก ๆ มาคุยกับเราเรื่องมุมมองในชีวิต ประเด็นที่มันดูใหญ่มาก ๆ ผมก็จะตอบของผมไปเรื่อย จนบางทีผมแบบไปไกลละ บางทีเราก็ลืมนึกไปว่ามันควรต้องย่อยง่าย

ผมจะโดนดุบ่อยเรื่องที่ว่า เฮ้ยเรื่องที่คุยกับน้องมันโตไปแล้ว แต่คือผมไม่อยากให้เขาใช้ชีวิตเป็นเด็กแล้ว โดยเฉพาะภูผา ภูผาเริ่มทำงานแล้ว เริ่มใช้คำว่านักแสดงแล้ว มันเริ่มมีความรับผิดชอบ จงไปต่อเถอะมันเป็นความคาดหวังของผมเอง ซึ่งเรื่องนี้ต้องระวัง เพราะพอผมคาดหวังเยอะ ผมจะเริ่มเข้าโหมดอยากคุยนานอยากคุยเยอะ ๆ  ซึ่งบางทีโดยประสบการณ์ เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องรับทั้งหมดตอนนี้ อันนี้เป็นเรื่องที่เพิ่งเรียนรู้เลย ว่าต้องระวังคำพูดพวกนี้ เวลาที่เราอยากจะสื่อสารอะไรกับน้อง

แต่ว่ากับต้อเอง ต้อไม่เคยวางตัวสูงกว่าแก๊งหัวหมาอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ในเรื่องนี้คือเพื่อนเลย ดังนั้นสำหรับผมอันนี้ง่ายเลยกอดคอแล้วก็มองเขาเท่ากันได้เลย ถ้าสังเกตในเรื่องต้อจะพูดแทนตัวว่าเรา หรือ กู อยู่แค่ 2 อย่างแทบไม่มีคำว่าพี่เลย เพราะว่าเรื่องสรรพนามคุยกันชัดเจนตั้งแต่ในคลาสเวิร์กช็อป ที่ทางน้าเป้จะบอกว่า อยากให้ตัวละครนี้มันไม่มีเซนส์ว่าฉันเป็นพี่เลย อย่างพูดกับกิ๊บก็จะเป็นเรากับแก

ย้อนกลับไปตอนที่บอกว่าคุณพ่อเป็นคนจันทบุรี มันบังเอิญอะไรแบบนั้น เชื่อว่ามันมีอะไรเชื่อมโยงไหม

จริงๆ แล้วผมกับที่จันมีคอนเน็กชันกันอยู่ ไล่เลยคือปะป๊าเป็นคนจันท์ ดังนั้นครอบครัวฝั่งปะป๊าจะอยู่นี่กันหมดเลย ปู่ย่า ตายาย แฟน หลาน ๆ จะอยู่นี่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นจับใบดำใบแดง บวช หรือ งานไหว้ต่าง ๆ นานา จะมาที่นี่กันหมดเลย ตอนผมบวชก็บวชที่วัดสุทธิวารี  ก็จะคุ้นชินกับการเดินทาง 2 - 3 ชั่วโมงนี้มาแต่เด็ก

แต่ว่าจะรู้ตัวตลอดว่าเราไม่ใช่คนจันท์ เราไม่รู้ว่าอาหารดี ๆ กินที่ไหน ไม่รู้ว่าเดินทางยังไง คือมาที่นี่หลงแน่ แต่ผมจะมีแต่ภาพจำดี ๆ โรงแรมอีสเทิร์นก็จะเป็นโรงแรมที่ป๊ามาแต่งงาน เวลามาที่นี่เขาก็จะชี้ตลอด แต่งกันที่นี่นะเจอกันที่นี่นะ แต่ก่อนอยู่นี่ป๊าเรียนโรงเรียนนี้ ป๊าเตะบอลที่นี่ ฉะนั้นการมาในฐานะต้อ มันแตกต่างกัน อันนี้มาแล้วต้องรู้สึกให้ได้ว่าเป็นคนที่นี่ ผมรู้สึกว่ามันมีอุปกรณ์ช่วยเยอะนะ การแต่งกาย มอเตอร์ไซค์ รถต้อ มาเจอพี่ต้อตัวจริง ผู้กำกับก็เป็นคนจันท์ด้วย มันมีแวดล้อมหลายอย่างที่ทำให้เราเชื่อได้ง่ายว่าเราเป็นคนจันท์

แต่ให้คุยเรื่องข้อมูลจันทบุรีไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้แค่ว่าโอเคเป็นเมืองผลไม้ เราเห็นตั้งแต่เด็ก ที่สวนย่าก็จะมีทุเรียน สละ แต่ไม่รู้เรื่องเลยครับ ผมจำได้ว่าไม่ปู่หรือย่า เขาเรียกผมว่าจันท์กบฏ เพราะทุเรียนก็ไม่กิน แล้วแยกไม่ได้ว่าอันไหนสละ อันไหนขนุนไม่รู้เรื่อง หน้าตาเหมือนกันหมด

สมมติว่าเราเป็นคนจันทบุรีแล้วกันนะ อยากจะชวนคนมาเที่ยวไหม ถ่ายทำที่สวยๆ มาตั้งหลายที่

ก็อยากจะเชิญชวนทุกคนมาเที่ยวที่จังหวัดจันทบุรีกันครับ นอกเหนือจากผลไม้ที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว จริง ๆ ที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกเยอะเลย มีอาหารที่อร่อย มีทะเล มีแหล่งท่องเที่ยวทางภูเขา มีวัดต่าง ๆ ผมเชื่อว่าเป็นจังหวัดนึงในประเทศไทยที่ไม่แพ้ที่ไหนแลย เชิญชวนทุกคนนะครับใครที่มีเวลาว่างแล้วก็สนใจ มาเที่ยวจันทบุรีกัน ไปรู้จักจันทบุรีไปพร้อม ๆ กับผมเลยก็ได้นะครับ (หัวเราะ)

สุดท้ายแล้วคิดว่า คนดูจะได้อะไรจากเรื่องนี้

ความสุขครับ ได้แน่ๆ ความสดของน้อง ความเหลือเชื่อจากณิชา ดูเพลิน มีความบันเทิง ก็อยากจะเชิญชวนทุกคนมาชมภาพยนตร์เรื่อง 14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand ในเรื่องนี้จะมีผม มีณิชา มีน้อง ๆ  อีกหลายท่านเลย ฝากด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปในวัย 14  แล้วก็ลองมาตั้งคำถามกันว่า ตอนที่เราอายุ 14 เรามีความคิดความอ่านยังไงกันบ้าง 

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa