Movie Review Dirty Angels (2024) นางฟ้าพันธุ์ดุ งานกำกับ Eva Green อีกครั้งของ Martin Campbell ในหนังแอ็กชันพลังหญิงที่สนุกตามยถาความมันส์มาแบบพอเพียงจนแอบเสียดายทรัพยากร รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! บางครั้งการยึดติดกับอดีตมากไปก็ทำให้คาดหวังอะไรบางอย่างเช่นเดียวกับการที่ผู้เขียนตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้เพราะความเชื่อมั่นในตัวผู้กำกับระดับเคยกระหน่ำความมันส์ให้ประทับใจมาแล้วนักต่อนัก Martin Campbell ซึ่งถ้าลองไล่เรียงหนังที่ผู้เขียนยกตัวอย่างเหล่านี้มาเช่น 007 GoldenEye (1995),The Mask of Zorro (1998),Vertical Limit (2000),The Legend of Zorro (2005) หรือกระทั่ง 007 Casino Royale (2006) มีเรื่องไหนไม่สนุกไม่บันเทิงหรือไม่มันส์ เท่ากับว่าชื่อ Martin Campbell อยู่ในระดับเชื่อขนมกินได้ในการทำหนังแอ็กชันตลาดๆที่ทำให้คนดูสนุกที่มาพร้อมคุณภาพในตัวที่น่าพอใจเสมอ แน่นอนในฐานะผู้กำกับสักคนย่อมมีเครดิตในระดับยอดเยี่ยมและยอดแย่ตราบใดที่ยังกำกับหนังอยู่ Martin Campbell ก็คือหนึ่งในนั้น และชื่อของเขาก็ทำให้หนังแอ็กชันที่มองปราดดียวก็รู้ว่าเป็นหนังพลังหญิงเรื่องนี้มีความน่าสนใจดึงดูดให้ผู้เขียนได้ลองพิสูจน์ดู แถมยังมีนักแสดงนำระดับสาวบอนด์ Eva Green ซะด้วยจึงพลาดไม่ได้แล้วสำหรับผู้เขียน หลังจากปฏิบัติการช่วยตัวประกันของกองทัพสหรัฐจากกลุ่มก่อการร้าย ISIS ที่ลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมเมื่อช่วยได้เพียงหัวหน้าทีมหน่วย Ranger ที่ชื่อว่า Jake (Eva Green) ที่เหลือถูกสังหารทำให้ Jake ที่เหมือนทิ้งลูกน้องตายอยู่ข้างหลังไม่พอใจที่เฮลิคอปเตอร์ไม่กลับไปช่วยลูกน้องของเธอจนฟ้องต่อศาลทหาร ทว่าเกิดเหตุการณ์จับตัวประกันเป็นเด็กสาวชาวสหรัฐโดย ISIS ที่ยากต่อการช่วยเหลือทางกองทัพจึงขอให้ Jake เป็นหัวหน้าทีมแฝงตัวเป็นหน่วยแพทย์เข้าช่วยตัวประกันโดยทีมประกอบด้วย The Bomb (Maria Bakalova),Medic (Ruby Rose),Geek (Jojo T. Gibbs),Shooter (Emily Bruni) และ Rocky (Rona-Lee Shimon) แต่แล้วเมื่อเข้าไปในพื้นที่จริงๆคลังอาวุธที่ทางการซ่อนไว้กลับถูกถล่มทำให้ทั้งทีมต้องไปปล้นอาวุธจากพวกตาลีบันที่ไม่ถูกกับ ISIS ซึ่งก็ต้องแลกกับการอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มก่อการร้ายทั้งสอง แล้วทีมทหารหญิงเหล่านี้จะช่วยตัวประกันได้หรือไม่แล้วยังต้องหนีให้พ้นจากการไล่ล่าของผู้ก่อการร้ายทั้งสองทาง พล็อตหนังทหารช่วยตัวประกันดาดๆแค่เปลี่ยนทิศมาทางผู้หญิงที่ทุกอย่างคงเดิมแถมยังพยายามเล่าเรื่องจนเกินความจำเป็น ด้วยเครดิตการร่วมเขียนบทของ Martin Campbell ผู้เขียนเลยบอกอย่างไม่เกรงใจเลยว่าเขากลายเป็นผู้กำกับตกยุคไปแล้วอีกหนึ่งคน เพราะถ้าว่ากันที่บทหนังนี่คือความอับจนทางไอเดียที่จะพลิกแพลงแต่งเติมพล็อตดาดๆธรรมดาๆให้กลายเป็นมีอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะหนังทหารบุกเข้าช่วยตัวประกันมันคือเห็นมาบ่อยเหลือเกินแม้ว่าจะเปลี่ยนทิศทางมาทางทหารหญิงแต่เมื่อยังเล่าเรื่องแบบเดิมๆความพลิกผันระหว่างปฏิบัติการยังมาแบบเดิมๆมันจะมีประโยชน์อะไร แถมยังพยายามเล่าเรื่องให้มากเข้าไว้คือพยายามให้มีดราม่าบ้างเพื่อให้จับใจภายหลังแต่มันดูสะเปะสะปะไม่มีทิศทางจนเหมือนเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็นมากเกินไป ทำให้เวลาที่เล่าเรื่องแบบพยายามมีมากกว่าของมันต้องมีของหนังแนวนี้คือส่วนของแอ็กชัน นั่นหมายความว่าในเวลาที่เล่าเรื่องมันจับต้องอะไรไม่ได้เพราะบทเบาบางทางความรู้สึกทำให้ไม่มีอะไรมากระตุ้นในเวลาที่ควร เป็นความบันเทิงที่สนุกพอประมาณด้วยแนวทางของหนังที่ความมันส์ยังได้แต่เมื่อให้รอนานเกินไปเลยมาได้แค่พอเพียง แต่ด้วยความที่เป็นหนังแอ็กชั่นทหารสาดกระสุนใส่กันแบบไม่นับมันจึงมีความสนุกความบันเทิงที่มันเป็นเพราะแนวทางมากกว่า ทำให้ถ้าว่ากันที่ความบันเทิงหนังยังตอบโจทย์ได้ตามแนวเพียงแต่บทหนังมันกระท่อนกระแท่นเหลือหลายจนเมื่อใดที่ห่างหายไปจากฉากแอ็กชันมันเลยกลายเป็นเวลาที่หายใจทิ้งไปนาทีต่อนาที ซึ่งก็น่าแปลกใจเหมือนกันที่เวลาฉายก็เพียงเท่านี้แต่เหมือนกับการรอการมาของฉากแอ็กชันมันส์ๆที่คนดูต้องการจากหนังแนวนี้มันทำไมดูนานนัก แต่บางทีก็คงต้องเข้าใจว่านี่ไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่อะไรแม้ว่าจะไม่ถึงกับเป็นงานที่สร้างเพื่อลงสตรีมโดยตรงแต่ก็ยังคงเป็นหนังเกรดบีอยู่ไม่รู้หายอยู่ดี แต่ไม่ว่ายังไงหนังยังมีไคลแม็กซ์สุดท้ายที่ดูสนุกได้อย่างน่าพอในแต่เมื่อกว่าจะมาถึงตรงนี้คนดูก็รอนานเกินไปความสนุกที่มีมาให้เลยกลายเป็นแค่ตามยถากรรม พร้อมกับความม้นส์ที่มีนะไม่ใช่ไม่มีแต่มันมาแบบแค่พอเพียงเท่านั้น เพราะบทหนังทั้งบางทั้งเบาเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลยทั้งที่ได้นักแสดงที่มีเสน่ห์และฝีมือฉกาจฉกรรจ์แต่สุดท้ายโบ๋เบ๋ เอาจริงสำหรับในส่วนของนักแสดงผู้เขียนคุ้นหน้าอยู่อีกหนึ่งคนนอกจาก Eva Green คงจะเป็น Ruby Rose ที่ก็ไม่ใช่ระดับนางเอกแต่มักอยู่ในหนังแอ็กชันเกรดประมาณนี้หรือหนังฟอร์มดีบ้างแต่ก็อยู่ในบทสมทบแถวสองแถมสาม ซึ่งในส่วนนี้จะว่ากันที่ Eva Green ล้วนๆเพราะชื่อเธอคือชื่อขายจากการที่เธอมาร่วมงานกับผู้กำกับหนัง 007 อีกครั้งโดยเฉพาะบทนั้นแหละที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักเธอ แต่พอมาเรื่องนี้เสน่ห์ที่พึงมีจากบทบาทที่ผ่านมาหายไปหมดส่วนหนึ่งคงเป็นด้วยบททหารที่ต้องเป็นหญิงแกร่งไม่แต่งหน้าทาปากก็น่าจะใช่ แต่ส่วนที่ผู้เขียนเสียดายคือบทหนังไม่ไปทางแอ็กชันขายความมันส์ให้สุดทางมัวมาเล่าอะไรก็ไม่รู้โดยเฉพาะเรื่องปมในใจของตัวละครเอกที่มาๆหายๆ ทำให้กลายเป็นว่าได้เห็น Eva Green ที่ยอมทิ้งเสน่ห์ส่วนตัวมาทำหน้าเหม็นตดทั้งเรื่องโดยที่ไม่สามารถเขาถึงใจคนดูได้เลยคือการแสดงส่วนลึกกลวงโบ๋จนน่าเสียดาย นี่คือหนังแอ็กชันพื้นๆที่ถ้าไม่คิดอะไรก็สนุกได้ตามสมควรเพราะเวลาฉายไม่นานแบบที่ดูไปรีดผ้าไปด้วยได้สบายบรื๋อ ด้วยมาตรฐานการแสดงและเสน่ห์ของ Eva Green หนังน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในเรื่องอารมณ์แต่กลายเป็นดึงอารมณ์คนดูไม่ได้ นั่นคือเมื่อถึงฉากแอ็กชันก็จะมีอะไรมาให้เงยหน้าดูหน่อยแต่เมื่อไปเล่าเรื่องอย่างอื่นหรือฉากพูดคุยกันก็ก้มหนารีดผ้าทำกับข้าวไปด้วยสบายบรื๋อแม้จะฟังภาษาอังกฤษไม่ออกเพราะมีพากย์ไทย แล้วหนังก็ไม่มีอะไรเลยชนิดที่ลุกไปเข้าห้องน้ำในฉากพูดคุยกันสักแป๊บแล้วกลับมาดูต่อยังดูรู้เรื่องเดาตอนจบถูกแถมซีจีอยู่ในระดับงอกง่อย แต่ถ้าไม่ต้องการอะไรมากคือถ้าว่างสักชั่วโมงครึ่งก็ไม่มีปัญหาเพราะเวลาฉายไม่มากตามขนาดของหนังที่ไม่ใหญ่เบิ้ม ซึ่งถ้าเข้าใจดังนี้หนังก็มีความตูมตามพอได้มีความสนุกได้ตามสมควรเพียงแต่ถ้าต้องการมากกว่าอะไรที่เป็นเรื่องพื้นฐานของงานแนวนี้ก็ไม่มีให้ เพราะนี่คือหนังแอ็กชันพื้นๆที่มาเพื่อดูแล้วผ่านไปปานกลิ่นผายลมที่มาเตะจมูกจนฉุนสุดท้ายก็หายไปจากความทรงจำโดยไม่รู้ว่าฝีมือใคร ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 1 จาก Instagram millenniummedia ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 จาก Instagram evagreenweb ภาพที่ 4,5,6,7 จาก Instagram rubyrose เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !