เฟรนไชส์ "Indiana Jones" อาจเดินหน้าต่อไป แม้ไม่มี แฮร์ริสัน ฟอร์ด ในบทนำ
แคทลีน เคนเนดี (Kathleen Kennedy) ประธานลูคัสฟิล์ม ไปร่วมในรายการพอดแคสต์ Dagobah Dispatch ในระหว่างพูดคุยกันนั้น เคนเนดีได้เปิดเผยถึงอนาคตของแฟรนไชส์ Indiana Jones ไว้ว่าในหนังภาคล่าสุด Indiana Jones and the Dial of Destiny จะเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ในฐานะคาแรกเตอร์ที่เป็นชื่อเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่แฟรนไชส์ชุดนี้จะเดินหน้าต่อไป ทั้งภาพยนตร์และทีวีซีรีส์ โดยที่ไม่มีตัวละคร อินเดียนา โจนส์
“นี่จะเป็นหนัง Indiana Jones เรื่องสุดท้ายของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด นั่นคือวิธีการที่เราจะปฏิบัติต่อแฟรนไชส์อินดี้ในขณะนี้นะ บอกด้วยความสัตย์จริง ณ ขณะนี้เลยนะ ถ้าเราจะทำอะไรต่อจากนี้ก็คงเป็น ทีวีซีรีส์ แต่สิ่งที่เราจะไม่ทำก็คือการเปลี่ยนตัวละคร อินเดียนา โจนส์ ก็แค่นั้น”
ส่วนตัว แฮร์ริสัน ฟอร์ด เอง ก็ยืนยันตรงตามที่เคนเนดี้กล่าวมา ว่าเขาจะรับบทเป็น อินเดียนา โจนส์ ครั้งสุดท้ายใน Indiana Jones and the Dial of Destiny
“เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายในซีรีส์ และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะรับบทนี้ และผมคาดว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ อินเดียนา โจนส์ ปรากฏตัวมาในหนัง”
ซึ่ง แคทลีน เคนเนดี้ ก็เห็นพ้องตามนั้นว่า แฟรนไชส์ อินเดียนา โจนส์ จะดำเนินต่อไป แต่จะไม่มีการหานักแสดงอื่นมาแทนที่ในบทนี้
“แฮร์ริสัน ฟอร์ด รับบทนี้มา 5 เรื่องแล้ว แล้วตัวเขาก็มีเอกลักษณ์ที่จำเพาะเจาะจงไม่มีใครเหมือนในการสร้างสรรค์ตัวละครนี้ขึ้นมา ซึ่ง สตีเวน สปิลเบิร์ก เองก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ ว่าเราจะไม่ทำแบบนั้นกัน”
Indiana Jones and the Dial of Destiny จะพาผู้ชมย้อนกลับไปในปี 1969 ในภาคนี้นักโบราณคดีของเราจะพบว่าตัวเองต้องอยู่ท่ามกลางการแข่งขันกันเพื่อท่องอวกาศ โจนส์ไม่สบายใจเมื่อรู้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เลือกเอาอดีตนาซีมาช่วยในโครงการท่องอวกาศเพื่อแข่งกับสหภาพโซเวียต งานนี้ทำให้โจนส์ต้องร่วมมือกับลูกทูนหัวของเขา ต่อสู้กับ เจอร์เกน โวลเลอร์ อดีตนาซีที่ทำงานกับองค์การนาซา ผู้มีแผนการอยากให้โลกนี้ดีขึ้นแต่เป็นในแบบของเขา
เจมส์ แมนโกลด์ (James Mangold) รับหน้าทีกำกับและพ่วงหน้าที่เขียนบทร่วมกับ เจซ บัตเทอร์เวิร์ธ และ โดวิด โคปป์ Indiana Jones and the Dial of Destiny จะมีนักแสดงสมทบมากมายทั้ง ฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์, อันโทนิโอ แบนเดราส, โชนเน็ตต์ เรเน วิลสัน, โธมัส เคร็ตชมันน์ , โทบี้ โจนส์, บอยด์ โฮลบรูค, อีธาน อิซิดอร์ แล แมดส์ มิคเคลเซน
จากที่ แคทลีน เคนเนดี เกริ่นไว้ว่าเธออาจจะเตรียมการถึงหนังและซีรีส์เรื่องต่อไปในแฟรนไชส์นี้ แต่ถึงตอนนี้ เคนเนดีอาจจะต้องทบทวนอีกครั้ง เพราะว่าหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny ได้รับเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ไม่สู้ดีนัก ได้คะแนนมะเขือเน่าจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 50% หลายความเห็นพ้องต้องกันว่า “แม้ว่าจะทำให้ได้รู้สึกหวนถึงอดีตกับการได้เห็น แฮร์ริสัน ฟอร์ด กลับมารับบทแอ็กชันอีกครั้ง แต่ Indiana Jones and the Dial of Destiny ก็เป็นภาคปิดฉากที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้”
แต่ปฏิกิริยาจากนักวิจารณ์ก็ดูจะขัดกับบรรยากาศจากรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 76 เพราะเสียงตอบรับจากรอบนั้นต่างชื่นชมที่หนังมีองค์ประกอบต่าง ๆ จากหนังภาคก่อน ๆ ที่คุ้นเคยกันอยู่ครบถ้วน ทั้งการแสดงของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด และดนตรีประกอบของ จอห์น วิลเลียมส์ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องอยู่มากในเนื้อเรื่อง และการแสดงของบรรดานักแสดงสมทบ และการได้ชมภาคนี้ก็เหมือนแค่ได้ดูภาพเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ แค่นั้น
สำหรับแฟน ๆ อินเดียนา โจนส์ อดใจรอกันอีก 1 เดือนนะครับ Indiana Jones and the Dial of Destiny ในชื่อไทย “อินเดียน่า โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา” มีกำหนดฉายในบ้านเรา 28 มิถุนายนนี้
ที่มา : movieweb