สวัสดีค่าา วันนี้แมวง่วงขอเสนอ รีวิวซีรีส์ที่ส่วนตัวยกให้เป็นที่ 1 ในใจอีกเรื่อง นั่นคือ หิมะเจ็ดรัตติกาลรักไร้กาลเวลา นั่นเองเจ้าค่ะ กำกับโดย เหรินไห่เทา (ผู้กำกับเรื่องหอดอกบัวลายมงคล) และ เหลียงเซิ่งเฉวียน (ผู้กำกับเรื่องฮัวเชียนกู่) ดัดแปลงมาจากนิยายต้นฉบับของ ชางเยว่ ขณะนี้ยังไม่มีลิขสิทธิ์แปลเป็นภาษาไทยเจ้าค่ะ จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่เอาสัจธรรมของชีวิตมาฟาดคนดูอีกแล้วเจ้าค่ะ 5555 ถ้าใครอยากดูซีรีส์กระชุ่มกระชวยหัวใจ โรแมนติกแบบสุดๆ ขอให้ข้ามผ่านไปอย่างรวดเร็ว เตือนแล้วนะเจ้าคะ แต่ซีรีส์ที่เกริ่นมาให้ฟังอย่างใจร้ายใจดำเช่นนี้ กลับเป็นที่ประทับใจของแมวง่วงได้อย่างไร จะเล่าให้ฟัง ณ บัดนี้เจ้าค่ะ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! มาดูเรื่องย่อกันก่อนนะเจ้าคะ เรื่องราวนี้เริ่มต้นจาก "ฮั่วจ่านไป๋" จอมยุทธ์ที่ได้รับการขนานนามว่า "กระบี่ที่เจ็ด" แห่งหอมหันต์กระบี่ ได้รับภารกิจให้ไปตามตัวศิษย์พี่ "กระบี่ที่หก" ผู้ทรยศสำนักกลับไปรับโทษ ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ผูกพันกันมากๆ แต่ศิษย์พี่ยอมตายก็ไม่กลับไปรับโทษเด็ดขาด สุดท้ายจึงโดดลงหน้าผาไป ก่อนเขาจากไปได้ฝากฝังให้ฮั่วจ่านไป๋ ดูแลภรรยาและลูกชายของเขาด้วย ลูกชายของเขา "ม่อเอ๋อร์" เมื่อเกิดมาก็มีสุขภาพไม่แข็งแรง ป่วยหนัก ภรรยาของเขา "ชิวสุ่ยอิน" ก็มีความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังฮั่วจ่านไป๋มาก เพราะคิดว่าเขาเป็นคนฆ่าสามีของนาง แต่สำหรับฮั่วจ่านไป๋แล้ว การยึดถือคุณธรรมและคำสัญญาเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ได้ยินมาว่า มีหมอเทวดาที่หุบเขาไวทยะ สามารถรักษาได้ทุกโรค เพียงแต่ต้องมีป้ายคำสั่งคืนสวรรค์ กับเงินหนึ่งพันตำลึง ฮั่วจ่านไป๋ไม่รีรอ รีบไปหาคำสั่งคืนสวรรค์ และนัดให้ชิวสุ่ยอินพาลูกชายพร้อมเงินหนึ่งพันตำลึงไปที่หุบเขาไวทยะก่อนวันสิ้นปี และวันสิ้นปีในปีนั้น เขาก็ได้พบกับเจ้าหุบเขาไวทยะ "เซวียจื่อเย่" เป็นครั้งแรก อาการของม่อเอ๋อร์เป็นโรคที่เรียกได้ว่า เกือบจะไม่รอดอยู่แล้ว เซวียจื่อเย่บอกให้พวกเขาทำใจ แต่ฮั่วจ่านไป๋มีความเชื่อว่า ขอแค่มีความพยายามคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้ จึงขอร้องให้เซวียจื่อเย่ลองรักษาดู ด้วยการพิสูจน์ความคิดตัวเองของฮั่วจ่านไป๋ ทำให้เซวียจื่อเย่รับปาก กระนั้นมีเหตุการณ์พลิกผัน ทำให้อาการของม่อเอ๋อร์ทรุดหนัก เซวียจื่อเย่จนปัญญา แต่ความดื้อรั้นของฮั่วจ่านไป๋ ทำให้เซวียจื่อเย่เขียนตำรับยาขึ้นมาหนึ่งฉบับ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวยาชั้นเลิศที่หายากมาก บางอย่างอยู่ในสถานที่อันตราย บางอย่างเป็นของล้ำค่าของสำนักในยุทธภพ บางอย่างก็มีเจ้าของอยู่ การไปเอายามาแต่ละอย่าง ต้องแลกด้วยการผิดใจกับสำนักต่างๆ การต่อสู้ และเผชิญกับอันตรายมากมาย ฮั่วจ่านไป๋รับตำรับยานั้นมา และสัญญาว่าจะไปเอากลับมาให้ได้จนครบ ซึ่งการเดินทางไปเอายาของฮั่วจ่านไป๋ ทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตอยู่บ่อยๆ เขามักจะเอายากลับมาพร้อมกับร่างกายที่บาดเจ็บอยู่เสมอ ก็ได้เซวียจื่อเย่นี่แหละที่ช่วยดูแล พอหายดีก็ออกไปหาตัวยาถัดไป ไปๆมาๆก็ใช้เวลาถึง 8 ปี ระหว่างนี้ความรักก็ค่อยๆผลิบานขึ้นมาในใจของทั้งคู่ ขณะที่ฮั่วจ่านไป๋ยึดมั่นในความหวังว่าม่อเอ๋อร์จะหายป่วยได้ เซวียจื่อเย่ก็ยึดมั่นในความหวังว่าจะสามารถช่วยชีวิตเสวี่ยหวย ผู้สละชีวิตของตนเองเพื่อช่วยนางจากเหตุการณ์เพลิงไหม้หมู่บ้านสกุลหมัวในอดีต นับได้ว่าทั้งสองมีชีวิตที่เหมือนกัน จึงเข้าใจความรู้สึกของกันและกันได้ดี จากคนแปลกหน้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสหาย และความรัก ดังนั้นเรื่องราวในเรื่องจะมีการกล่าวถึงอดีตของเซวียจื่อเย่ ซึ่งส่งผลมาถึงเรื่องราวในปัจจุบัน และอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ เรื่องราวของเจ้าหุบเขาไวทยะคนก่อน ชีวิตของชาวบ้านและทุกๆคนในเรื่องต่างให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตปัจจุบันได้อย่างดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดในยุทธภพ ดังนั้น ความทุ่มเทของนักแสดงเกินร้อยแน่นอน แม้ฉากต่อสู้จะไม่มากเหมือนซีรีส์กำลังภายในเรื่องอื่น แต่การผจญภัยของฮั่วจ่านไป๋ และเรื่องราวต่างๆก็พิสูจน์ความสามารถของนักแสดงเหมือนกัน สำหรับเรื่องราวความรัก ไม่มีคำว่ารักสักคำในเรื่อง แต่การกระทำของตัวละครต่างๆคือสื่อสารมากๆ โดยเฉพาะฮั่วจ่านไป๋ แม้ว่าฉากส่วนใหญ่จะเป็นดินแดนหิมะอันหนาวเหน็บ แต่เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความอบอุ่นจริงๆ ระหว่างดูแมวง่วงก็เตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร ระหว่างทางนี่แหละ ฟินแล้ว 5555 นอกจากเรื่องราว และฉากต่างๆแล้ว เสื้อผ้าหน้าผมนักแสดงคือดีมากๆ ดูประณีต และเข้ากับบรรยากาศของเรื่องที่สุด ไม่พูดถึงไม่ได้คือนักแสดง เซวียจื่อเย่ เจ้าหุบเขาไวทยะ รับบทโดยหลี่ชิ่น หลี่ชิ่นเป็นนักแสดงที่แมวง่วงประทับใจมาก ตั้งแต่รับบทแม่นางน่องไก่จาก หาญท้าชะตาฟ้าปริศนายุทธจักร, นางเอกเรื่องรักข้ามสหัสวรรษ จนมาถึงเรื่องนี้ ในเรื่องนี้ หลี่ชิ่นรับบทเป็นเจ้าหุบเขาผู้เย็นชา แต่มีจิตใจอ่อนโยน พอดูจบแล้วมานั่งคิดดู เห็นว่าถ้าจะหานักแสดงคนอื่นมารับบทนี้ ก็คิดไม่ออกเลย ประทับใจกับการแสดงความรู้สึกต่างๆ ผ่านความเย็นชาของเจ้าหุบเขามากๆ หลี่ชิ่นสามารถคงความเป็นคนเย็นชาไว้ ร่วมกับแสดงอารมณ์ความรู้สึกอื่นๆได้ดีมากๆ ด้วยรอยยิ้ม แววตา ท่าทาง คะแนนเต็ม 10 ให้ 100 ไปเลยย ฺฮั่วจ่านไป๋ หรือคุณชายฮั่วชี รับบทโดยเจิ้งซุ่นซี ผู้รับบทฟางตัวปิ้งจาก หอดอกบัวลายมงคล และ เสิ่นนั่วจากฟาร์มรักนักปลูกผัก และอีกหลายๆเรื่อง แมวง่วงกำลังกลับไปตามเก็บอยู่เจ้าค่ะ 5555 โดนตกหนักมากจากเรื่องนี้ แมวง่วงประทับใจฝีมือการแสดงวรยุทธของเขามาก ร่วมกับการแสดงความรู้สึก และความจริงใจผ่านสายตานั้น ทุกคนต้องตกหลุมรักคุณชายฮั่วแน่นอนนนนนน สนใจรีวิวเรื่องหอดอกบัวลายมงคล กับฟาร์มรักนักปลูกผัก คลิกตรงชื่อเรื่องนี้ได้เลย แมวง่วงรีวิวไว้แล้ว เรื่องอื่นๆเดี๋ยวตามมาเจ้าค่ะ >> รีวิวหอดอกบัวลายมงคล >> รีวิวฟาร์มรักนักปลูกผัก เมี่ยวเฟิง รับบทโดยหวังหงอี้ ผู้รับบทเอี้ยคังในมังกรหยก 2024 ตัวละครนี้เป็นนักฆ่าจากตำหนักหยวนอี มีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของนางเอกด้วย เขาเป็นนักฆ่าที่ถูกฝึกมาให้จงรักภักดีต่อเจ้าลัทธิ คาแรกเตอร์ที่โดดเด่นของเขาคือ จะมีรอยยิ้มประดับที่ใบหน้าเสมอ ไม่เคยแสดงความรู้สึกใด เนื่องจากวิชายุทธ์ที่ฝึกนั้น ห้ามมีใจหวั่นไหวเด็ดขาด แต่เป็นพระรองอ่ะเนอะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางเอกได้เข้ามาละลายใบหน้าดุจน้ำแข็งนั้นแล้ว เป็นตัวละครที่หลายๆคนอยากให้นางเอกลงเรือลำนี้ 5555 แมวง่วงประทับใจกับการแสดงของเขาเช่นกัน ถึงบอกว่านางเอกจะดูเย็นชา แต่เมี่ยวเฟิงเย็นชาแบบน่ากลัวกว่ามากในตอนแรกๆ แม้ว่าจะยิ้มตลอดเวลาแต่มันดูฝืนๆ สุดท้ายพอเขาได้กลับมา "รู้สึก" อีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่ประทับใจมากๆเลยทีเดียว เหมือนพลิกคาแรกเตอร์ไป การแสดงต่อหน้าเจ้าลัทธิว่าเขายังเหมือนเดิมทั้งๆที่ไม่เหมือนเดิมแล้วนั้น น่าประทับใจมากทุกคน บอกไม่ถูก เอาเป็นว่า การแสดงของเขาทำให้เรา "รู้สึกพิเศษ" กับเมี่ยวเฟิงในช่วงเวลานั้นมากๆเลย อยากให้ทุกคนได้ไปดูกัน ใครสนใจจะไปชมอีกผลงานของหวังหงอี้ในบทตัวร้ายๆ อ่านรีวิวก่อนได้เจ้าค่ะ >> รีวิวมังกรหยก 2024 ถง หรือ หมิงเจี้ย รับบทโดยเฉิงฮ่าวเซิน ตัวละครนี้ก็เป็นนักฆ่าของเจ้าลัทธิจากตำหนักหยวนอีเหมือนกัน แต่เป็นนักรบเดนตายที่เก่งมากๆ มีพลังเนตร เป็นลักษณะพิเศษต้องตาเจ้าลัทธิ เขาเลยพาเข้าตำหนักมาฝึกฝน ภายหลังมาต่อสู้กับฮั่วจ่านไป๋ เพื่อชิงมุกโลหิตมังกรซึ่งเป็นตัวยาหนึ่งในการรักษาม่อเอ๋อร์ แต่เขาต้องการมันเพื่อไปสู้กับเจ้าลัทธิ ภายหลังก็มาเฉลยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของนางเอกเหมือนกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็เป็นคีย์สำคัญของเรื่องคนหนึ่ง สำหรับการแสดงความรู้สึกมีไม่มาก แต่ทักษะการต่อสู้เยี่ยมยอด อย่าลืมไปชมการต่อสู้ของเขาในซีรีส์นะเจ้าคะ เท่านี้แล้วกันเจ้าค่ะ สำหรับคนที่อยากฟังอะไรเบาๆก่อนไปชมซีรีส์ แต่สำหรับคนที่ชมมาแล้วอยากจะเม้ามอยกัน หรือว่าคนที่เลือกจะไม่ชมแน่ๆแล้ว ตั้งแต่ย่อหน้าถัดไปจะเป็นความในใจของแมวน้อยๆตัวนี้ที่มีต่อเรื่องนี้ทั้งหมด มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญแน่นอน ใครไม่อยากโดนสปอยล์ปิดหน้าต่างได้เลยเจ้าค่ะ จริงๆก็ไม่แน่เหมือนกันว่า ถ้าอ่านต่อจนจบ อาจจะอยากดูมากขึ้นก็ได้ 5555 เอาเป็นว่าเตือนแล้ว สำหรับคนที่ไม่อยากเสียอรรถรสในการรับชมเจ้าค่ะ แนวคิดของเรื่อง แกนหลักของเรื่องเน้นไปที่การปล่อยวาง จริงๆแล้ว ทั้งจื่อเย่ และจ่านไป๋ ต่างก็มีความเหมือนกันอยู่ในตัว ทำให้ทั้งสองเข้าใจความรู้สึกกันดี ฮั่วจ่านไป๋ มีความมุ่งมั่นจะให้ม่อเอ๋อร์มีชีวิตต่อไป เขายอมแลกทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่ามีความหวังเพียงน้อยนิด ที่เป็นดั่งไม้ค้ำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป สิ่งนี้เหมือนกับเซวียจื่อเย่ เด็กกำพร้าที่หนีรอดจากภัยพิบัติที่หมู่บ้านสกุลหมัว เธอรอดมาได้เพราะความช่วยเหลือจาก "เสวี่ยหวย" เด็กชายในหมู่บ้าน ต่อมาถูกพบโดยเจ้าหุบเขาคนก่อนได้รับทั้งคู่มาดูแล ถ้าจะพูดให้ถูกคือรับจื่อเย่มาคนเดียว แต่จื่อเย่เลือกที่จะพาเสวี่ยหวยมาฝังไว้ที่บ่อน้ำแร่เย็น หวังว่าวันหนึ่งจะสามารถรักษา และปลุกให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ ขณะเดียวกันก็ตั้งใจศึกษาวิชาแพทย์จนแตกฉาน ได้รับการเรียกขานว่าเป็นหมอเทวดา กระนั้น เธอก็ยังไม่สามารถหาวิธีที่จะช่วยปลุกเสวี่ยหวยให้ฟื้นได้ แม้เจ้าหุบเขาคนก่อนจะบอกให้นางตัดใจ แต่นางก็ไม่ยอม สุดท้ายด้วยความดื้อรั้นนี้ เจ้าหุบเขาคนก่อนมอบกระถางกิ่งไม้ให้นางกระถางหนึ่ง บอกว่า ต้องเอา "น้ำไร้ราก" (ในซีรีส์เข้าใจว่าเป็นน้ำค้าง ทุกเช้านางเอกจะไปเก็บมารดน้ำให้กับกิ่งไม้นี้) มารดกิ่งไม้นี้ เมื่อใดที่กิ่งนี้ผลิยอดอ่อน นั่นคือเสวี่ยหวยมีความหวังแล้ว ซึ่งนางก็รดน้ำกิ่งไม้นี้มาตลอด แต่มันก็ไม่เคยผลิยอดออกมาเลย จนกระทั่งเมื่อเซวียจื่อเย่ได้พบกับฮั่วจ่านไป๋ ความหวังที่มีต่อชีวิตของคนที่รักของทั้งคู่ ได้พยุงจิตใจให้ข้ามผ่านเวลามาได้ จนกระทั่งวันที่จื่อเย่ได้เข้าใจความหมายของเจ้าหุบเขาคนก่อน ถึงละทิ้งได้ "บางครั้งเราก็ต้องวางไม้ค้ำลง เพื่อไม่ให้ลืมวิธีการเดิน" สำหรับเรื่องราวความรัก เป็นอะไรที่ละมุนละไมมากทุกคน ตลอดเวลามันเป็นการคิดเผื่ออีกฝ่ายตลอดเวลา บางทีก็ทำร้ายความรู้สึกตัวเอง บางทีก็ทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เจ็บกว่าเดิม แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือความหวังดีที่มีให้กัน ทุกคนจะได้เห็นสิ่งละอันพันละน้อยที่ต่างทำให้กัน แม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่จริงใจมากๆ เริ่มจากการเป็นสหายที่แปรเปลี่ยนเป็นความรัก แมวง่วงประทับใจกับโคมที่ฮั่วจ่านไป๋แขวนไว้ตามทางให้เซวียจื่อเย่ในป่า พอๆกับกระพรวนไม้ที่เซวียจื่อเย่แขวนไว้ให้ฮั่วจ่านไป๋เดินจากที่พักไปหอโอสถ มันคือความใส่ใจจริงๆทุกคน ประทับใจกับทุกๆอย่างที่เขาทำให้กัน ใดๆคือฮั่วจ่านไป๋ เป็นจอมยุทธที่เปี่ยมคุณธรรม และเป็นสุภาพบุรุษมากสุดในสามโลก เรียกได้ว่าเป็นพระเอกในใจอันดับหนึ่งแล้วตอนนี้ ไม่พูดไม่ได้เกี่ยวกับตอนจบที่สะเทือนใจคนดูแบบสุดๆ พบพานและจากลา เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องเผชิญ มันคือความจริงที่ซีรีส์ต้องการสื่อนั่นแหละ เราอาจสามารถฝืนชะตาได้...ในบางครั้ง แต่สุดท้ายก็เอาชนะความจริงไม่ได้อยู่ดี ไม่มีใครรู้ว่า การเอ่ยคำลาครั้งนั้น จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พูดคุยกันหรือไม่ ไม่มีใครรู้ว่า คำสัญญาที่เคยให้ไว้จะรักษาไว้ได้หรือไม่ ยิ่งบางถ้อยคำ ถ้าไม่เอ่ยออกไป อีกฝ่ายอาจไม่มีโอกาสได้รู้เลย หลายคนรวมถึงแมวง่วงเองเคยคิดว่า ถ้าซีรีส์จะจบแบบให้ตัวเอกต้องจากไป ก็น่าจะมีฉากที่ได้ร่ำลา หรือฉากประทับใจบางอย่างก่อนจะจบ แต่เรื่องนี้ก็ได้นำเสนอความจริงให้พวกเราเห็นว่า นางเอกไม่ได้จากไปในอ้อมกอดของพระเอก ไม่มีคำบอกลาใดๆ ที่เจ็บปวดที่สุดคือคลาดกันในชั่วพริบตา (มุมกล้องฉากบนหลังม้าคือสะเทือนใจผู้ชมมากนะ คุณผู้กำกับ นึกย้อนไปแล้วยังจะร้องไห้อยู่เลยย) ซึ่งมาคิดดูจริงๆ ในชีวิตของเราก็มักเป็นแบบนี้ ช่วงเวลาสำคัญ อาจไม่มีคนรักอยู่เคียงข้าง ความไม่แน่นอนของชีวิต ทำให้เราไม่อาจประมาทได้ว่า ยังมีโอกาสอีกมากที่จะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ อีกฉากหนึ่งที่ทำให้สะดุดคือ ฉากที่ไปดูแสงเหนือกับพระเอก รอตั้งนานไม่มา พอหันหลังกลับ ออโรร่านั้นก็ปรากฏออกมา เรื่องแบบนี้ในชีวิตเราน่าจะเจอบ่อย รอตั้งนานไม่มา มาตอนที่ไม่รอแล้ว พอคิดว่าไว้วันหลังค่อยมาดูใหม่ กลับไม่มีวันนั้นแล้ว ย้อนกลับไปช่วงเวลาก่อนหน้านั้น นางเอกเตือนพระเอกเกี่ยวกับตำรับยานี้ไว้แล้วว่าเป็นตัวยาล้ำค่าหายาก แต่ไม่แน่ว่าได้มาแล้วจะสามารถช่วยม่อเอ๋อร์ไว้ได้ แต่พระเอกของเราก็ยังคงจะลอง แม้มีความหวังเพียงน้อยนิด สิ่งนี้เมื่อนางเอกเห็นการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ของพระเอกแล้ว ลึกๆทำให้นางเอกรู้สึกผิดอย่างมาก ทั้งยังคิดว่าหากพระเอกรู้ความจริงแล้วว่านางไม่ได้เอายาที่เขาหามามาปรุงยาให้ม่อเอ๋อร์ เพราะไม่มีประโยชน์ใด ต้องโกรธนางมากแน่ๆ กระทั่งคิดไปว่าพระเอกคงไม่รักษาสัญญาที่จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนางอีกแล้ว ร่วมกับปมในใจที่นางเอกสูญเสียเสวี่ยหวยไปในตอนนั้น ดังนั้นการตัดสินใจช่วยถงไว้ในตอนสุดท้ายครั้งนั้น เราไม่ได้มองว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดหรอกนะ (แค่ทำให้คนดูเสียใจเท่านั้นเอง ฮือออ) ยิ่งคนดูรู้ว่าฮั่วจ่านไป๋ เข้าอกเข้าใจขนาดไหน (แม้ตอนแรกก็โกรธอ่ะนะ แต่พระเอกมีสติดียิ่ง 5555) คนดูยิ่งเสียใจแทน แต่นางเอกไม่รู้ด้วยไง เพราะกว่าเหยี่ยวหิมะจะส่งข้อความไปถึง นางก็ลงเขาไปเสียแล้ว แม้จำเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ แต่ก็อยู่ในความทรงจำตลอดไป แหม ฉากดูดอกถานฮวาบานก็บอกใบ้ไว้แล้ว ช่วงเวลาที่ดอกไม้บานเป็นเวลาเพียงชั่วพริบตา นางเอกกับพระเอกได้ใช้เวลาเฝ้ามองด้วยกัน ดอกไม้นี้บานเพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่เมื่อได้เห็นแล้ว ณ เวลาที่มันบานนั้นก็ประทับในความทรงจำของเราแล้ว เหมือนกับชีวิตพระเอกนางเอกเรื่องนี้เลยล่ะ ได้พบกันและมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ฉากที่ทำให้แมวง่วงระเบิดน้ำตาออกมามากสุดก็คือฉากตอนจบที่เป็นคุณลุงฮั่วขึ้นเขามาปัดกวาดแท่น และดื่มเหล้ากับป้ายวิญญาณนั่นแหละ แม้ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความรักของเขากลับยาวนานไม่สิ้นสุด ฮั่วจ่านไป๋แม้ตอนที่รู้ความจริงว่าคลาดกับอะไรไปบ้าง น่าจะเจ็บปวดถึงขีดสุด แต่เมื่อยอมรับความจริงได้แล้ว ก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป มองดูอีกมุมหนึ่ง การสูญเสียครั้งนี้ กลับนำพาสิ่งที่ดีงามหลายอย่างมากกว่าที่คิดนะ (ไม่ได้โลกสวยนะทุกคน โปรดฟังก่อน) ถ้านางเอกไม่ช่วยถง ปมเรื่องของศิษย์พี่หกของพระเอกจะไม่ถูกคลี่คลาย ความเข้าใจผิดจะยังคงอยู่ รวมถึงมันเป็นการช่วยเยียวยาจิตใจนางเอกด้วยแหละ นางเอกมองเห็นเขาเป็นญาติที่เหลือเพียงคนเดียวของนาง การต้องมองเห็นเขาตายไปน่าจะทำให้นางคิดถึงตอนที่เสวี่ยหวยช่วยไว้ครั้งนั้น น่าจะทำใจได้ยาก อีกทั้งชีวิตของถงอยู่ในความมืดมาโดยตลอด สุดท้ายเขาสามารถเดินในทางสว่าง มีชีวิตเป็นของตัวเองได้ เราว่าจบแบบนี้ก็ดีกว่าถงไม่รู้สำนึกนะ 5555 มองย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เราคิดว่าช่วงเวลาที่ฮั่วจ่านไป๋อยู่ในหุบเขาไวทยะ ก็ทำให้ชีวิตของนางเอกได้รู้จักความรักและความสุขอย่างมากมาย ปลดปล่อยตัวเองจากความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดในอดีต จนทำให้เราคิดว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ไปได้ตลอดจะดีแค่ไหนนะ ซีรีส์ก็แค่ตอกย้ำให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดกาล และไม่มีใครจะปลดล่อยเราได้ นอกจากตัวเราเอง เป็นเรื่องที่สู้ชีวิตมากนะทุกคน แต่พอคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่ปลายทาง แต่คือระหว่างทาง คิดได้แบบนี้ก็สบายใจ (เหรออออ 5555) ดูแล้วสะเทือนใจกว่าหอดอกบัวลายมงคลอีก องค์ประกอบของเรื่องใดๆคือดีงาม อีกอย่างที่ชอบคือโรงหมอของนางเอก ดูเรียบง่าย และสะอาด เป็นสถานที่ที่ไม่ข้องเกี่ยวกับยุทธภพ ทั้งสงบสุข ขณะที่ฮั่วจ่านไป๋ มีชีวิตวุ่นวาย แก่งแย่งข้างนอก หุบเขาไวทยะสำหรับเขา เลยกลายเป็นบ้านไปเสียแล้ว และเป็นยิ่งกว่าบ้านด้วย เพราะ "มีสุราอุ่น มีบุปผา มีหิมะ มีเจ้า ก็เพียงพอ" แม้จะจบด้วยความสะเทือนใจ แต่ก็อยากให้ทุกท่านได้ชม เพราะระหว่างทางสวยงามจริงๆ รับชมได้ทาง application iQIYI, Monomax 32 ตอนจบเจ้าค่ะ เรื่องนี้รีวิวยาวมากจริงๆ ขอบคุณสหายทุกท่านที่อ่านจนจบนะเจ้าคะ สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านได้ถนอมช่วงเวลากับคนที่ท่านรักอย่างดี และมีความสุขกับการชมซีรีส์เจ้าค่ะ ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook page iQIYI และ iQIYI Thailand เจ้าค่ะ : ภาพปก, ภาพที่1, ภาพที่2, ภาพที่3, ภาพที่4, ภาพที่5, ภาพที่6, ภาพที่7, ภาพที่8, ภาพที่9, ภาพที่10, ภาพที่11, ภาพที่12 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !