เมื่อคนแปลกหน้า 12 คน ตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาถูกเลือกมาสำหรับวัตถุประสงค์พิเศษของกลุ่มคนชนชั้นสูงรวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังใหญ่ เพื่อล่ามนุษย์เป็นเกมกีฬา แต่แผนการหลักของคนกลุ่มนี้ต้องสะดุดลง เพราะ คริสตัล 1 ในผู้ถูกล่ารอดชีวิตมาได้ เธอจึงเริ่มปฏิบัติการแก้แค้นไล่ล่านักล่าทีละคนรวมถึงที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดด้วย โดยรวม คือ สนุก ดูง่าย เสิร์ฟความบันเทิงจัดเต็มตลอด 1 ชั่วโมง 30 นาที โครงเรื่องได้เปรียบตรงที่มีวัตถุดิบดี มีการ Adapt บทที่ดูได้รับ Inspiration จากเรื่องอื่นแนวเดียวกันอย่าง Battle Royals + The purge + The hunger games ผสมกันในสเกลที่เล็กกว่า ซึ่งเวลาดูจึงรู้สึกเลยว่าทุก Scene ที่ปรากฎทำให้นึกถึงหนังดังกล่าวจริง ๆ บทเล่นประเด็นความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนดี แต่ไม่อินในตระกะการกระทำตัวละครเท่าไหร่ ทำให้เรามองเห็นแค่ว่าคนจนคือคนดี คนรวยคือคนร้ายเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ให้น้ำหนัก Details ส่วนเหตุผลของมุมมองความคิดการอ่านของคนรวยคนจนให้มีมิติ มันเลยดูออกง่ายว่าใครเป็นใคร การดำเนินเรื่องน่าติดตามโดยเฉพาะฉากเปิดตัวเป็น Scene ที่น่าจดจำที่สุด เปิดเรื่องมางง ๆ เจอคนแต่ละคนทำหน้ามึน ๆ ในดงสนาม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง จากนั้นเราจะเห็นความโหดร้ายของสงคราม สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของแต่ละคนที่ไม่รู้ใครเป็นใครพร้อมหยิบอาวุธต่อสู้กับเกมที่เล่นงานพวกเขาอยู่ ซึ่งช่วงนี้ถ่ายภาพอารมณ์กึ่ง Long Take ทำให้คนดูเหมือนในสนามรบไปด้วย มีฉาก Surprise ให้ลุ้นเป็นระยะ ก่อนช่วงกลางเรื่องจะดร๊อปลงไปเล็กน้อยก่อนจะปรับจูนเข้าสู่โหมด Action กันอีกครั้ง ดีหน่อยที่ผู้กำกับ Craig Zobel จาก Z for Zachariah (2015) สามารถเฉลยปมปัญหาของ Story เข้าใจง่าย แต่ค่อนข้างเสียจังหวะช่วงท้ายมาเปลี่ยน Way เป็น Thriller ล้างแค้นเกรด B ผลที่ได้จึงลงเอยได้ตามสูตรสำเร็จของหนัง Mass ธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัย เสียดาย Concept ปมบางอย่างที่เคลียร์ไม่หมด ทั้งตัวปมนางเอก และ ฝั่งตัวร้ายก็ปูบทแบนราบไร้มิติใด ๆ แค่ให้รู้ว่ามีตัวตนอยู่แค่นั้น ฉากต่อสู้เดือดรุนแรง บาง Scene สะดุ้งไม่ทันตั้งตัวบ้าง แต่เฉย ๆ ไม่ว้าวเท่าไหร่ ดูแล้วลืมกันไป Production ก็คล้ายกับเรื่องอื่นที่ผ่านมาตามสไตล์ค่ายนี้ เน้นขาย Concept ทุนต่ำไว้ก่อนที่เหลือค่อยว่ากัน บางช่วงเล่นมุกตลกพร่ำเพรื่อ ดูจงใจประดิษฐ์ทั้งคำพูดเชย ๆ กับการกระทำที่ไร้สาระของตัวละครที่ขัดใจตลอด โอเคกับการจิกกัดเสียดสีสังคมดูเข้าท่ากว่าเยอะ ตัวละครนำอย่างสาว Betty Gilpin จาก Stuber (2019) ยอมรับว่าสวย ดุ โหดสไตล์นางแบบแต่ชั่วโมงบินยังน้อย เสน่ห์ไม่มากพอที่จะแบกหนังทั้งเรื่องได้ ต้องให้เจ๊ใหญ่ช่วยกระคองอย่าง Hilary Swank ดาราออสการ์จาก Boys don’t cry (1999) ที่มีประสบการณ์มากกว่า แม้ไม่ใช่ตัวหลัก แต่ทุก Scene ที่ปรากฎสร้าง Impact มากกว่านางเอกอีก มีดาราสมทบมาสร้างสีสันหรือหารายได้เสริมกันแน่ทั้ง Emma Roberts จาก Nerve (2016) หรือ Ike Barinholtz จาก Neighbors 1-2 (2014-2016) รวมถึงไม่นับตัวละครที่ตายเปล่า ๆ คนอื่นก็ผ่านแล้วผ่านเลย ที่ขโมย Scene ที่สุด คือ น้องหมู น่ารักมาก เป็นสิ่งดีงามอีกอย่างของเรื่องแล้วประเด็นน่าสนใจที่อยากพูดถึงคือการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมเดียวกัน จะเห็นว่าประชาชนหันมาสนใจในสิทธิของตนเองมากขึ้น ทำอย่างไรให้ตนเองมีส่วนร่วมปกครองบ้านเมืองให้ปกติสุขได้ เนื่องด้วยกฎหมายมีช่องโหว่ให้คนกระทำการใดที่ล้ำเส้นเกินขอบเขตที่กำหนดใช้ให้คนรวยเล่นงานคนจน สังคมตีตราว่าคนรวยคือผู้มีอำนาจ คนจนคือผู้ไร้อำนาจ โลกคือทุนนิยม สังคมนิยมคืออุดมคติ การมีอำนาจเหนือกว่าคิดว่าทำอะไรได้มากกว่าโดยไม่สนใจว่าผิดถูกเป็นอย่างไรย่อมส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มนึง โลกจึงถูกบิดเบือนไปหมด ดังนั้น สิ่งที่คนเราสามารถทำได้ คือ ต้องลุกขึ้นสู้ รวมพลังปกป้องคนดี ใครทำผิดต้องถูกลงโทษ ตระหนักให้คนเคารพสิทธิมนุษยชนต่อกัน สังคมก็จะมีความสุขได้อย่างแท้จริงขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว ขอฝากกด Like กด Share รีวิวของผม รวมถึงหนังที่รีวิวใน Facebook ชื่อ EM Pascal กันนะครับ ขอขอบคุณรูปภาพประกอบโดย : Facebook : The Huntภาพหน้าปก ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !