โซนีทุ่มเงินล้านเหรียญ ประมูลบทหนังหนังสงครามคู่กัดแบรนด์น้ำดำ
ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจ ก็น่าจะพอทราบเกี่ยวกับเรื่องราวอันยาวนานของสงครามธุรกิจสุดคลาสสิกนั่นก็คือสงครามธุรกิจน้ำอัดลมสีดำ หรือที่เรียกกันว่าเครื่องดื่มโคลา ที่มีเจ้าตลาดยักษ์ใหญ่ทั้ง เป๊ปซี่ (Pepsi) และ โคคาโคลา (Coca-Cola) ที่ฟัดเหวี่ยงด้วยกลยุทธ์ และขับเคี่ยวกันด้วย Branding มาอย่างยาวนานนับร้อยปี และในที่สุด ณ ตอนนี้ เรื่องราวของการต่อสู้ในสมรภูมิตลาดน้ำดำของ 2 ยักษ์ใหญ่ กำลังจะถูกถ่ายทอดให้ได้ชมกันในรูปแบบภาพยนตร์
เว็บไซต์ Deadline ได้รายงานว่า สตูดิโอ Sony Pictures ได้ทุ่มงบประมาณ 1 ล้านเหรียญเพื่อเข้าประมูลลิขสิทธิ์ในการสร้างภาพยนตร์จากบทที่ดัดแปลงจากเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งขันของธุรกิจน้ำอัดลมสีดำ หรือ ‘Cola Wars’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของตำนานอภิมหาสงครามการค้าของ 2 แบรนด์ผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์น้ำอัดลมประเภทน้ำโคลา ของ 2 แบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดอย่าง Pepsi และ Coca-Cola ที่ยืนหยัดต่อสู้มาอย่างยาวนานนับทศวรรษ
โดยเฉพาะในช่วงยุคกลางทศวรรษ 1980 ที่ทั้ง 2 แบรนด์ต่างก็งัดกลยุทธ์การตลาดในหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดมูลค่ามหาศาล ทั้งการจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์ การทุ่มสร้างแคมเปญโฆษณาในเชิงจิกกัดคู่แข่งแบบท้าทาย รวมทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับแบรนด์ ตั้งแต่อุบัติเหตุของ ไมเคิล แจ็กสัน (Michael Jackson) ในระหว่างการถ่ายทำโฆษณา Pepsi และความล้มเหลวของ New Coke หรือ Coca-Cola สูตรใหม่ที่ถูกถอดออกจากตลาดอย่างรวดเร็ว
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอเรื่องราวในทิศทางเดียวกันกับภาพยนตร์เรื่อง ‘Air’ (2023) ที่กำกับ เขียนบท และนำแสดงโดย เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) ซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามดีลของแบรนด์รองเท้า Nike เพื่อร่วมมือกับ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) นักบาสเก็ตบอล NBA ระดับตำนาน ในการให้กำเนิดรองเท้าสนีกเกอร์ แอร์ จอร์แดน (Air Jordan) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล ไม อายร์ (Maia Eyre) รองประธานฝ่ายโปรดักชันของ Columbia Pictures ที่ก่อนหน้านี้ดูแลโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ ‘Anyone but You’ มาเป็นผู้ดูแลโปรเจ็กต์นี้
มหากาพย์สงครามน้ำดำของ Pepsi และ Coca-Cola นั้นมีมาอย่างยาวนานกว่าทศวรรษ โดย Coca-Cola ถือกำเนิดในปี 1886 และเติบโตกลายเป็นบริษัท The Coca-Cola Company ส่วน Pepsi ถือกำเนิดตามหลังในปี 1898 ในปัจจุบันใช้ชื่อบริษัทว่า PepsiCo, Inc. จากการควบรวมกิจการกับบริษัทขนมขบเคี้ยว Frito-Lay, Inc. ทั้ง 2 แบรนด์ขับเคี่ยวกันในสงครามน้ำดำมาอย่างยาวนาน ด้วยการใช้กลยุทธ์หลายรูปแบบเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกที่มีอยู่มากกว่า 200 ประเทศ ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยการทุ่มเงินจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์ การเป็นสปอนเซอร์ในมหกรรมต่าง ๆ ทำให้ทั้ง 2 แบรนด์ผลัดกันเป็นผู้นำ-ผู้ตามจนแทบจะไม่มีเบอร์ 3 ขึ้นมาทัดเทียมได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า มูลค่าของลิขสิทธิ์เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามน้ำดำนี้ มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,500,000 เหรียญ ในขณะที่ทาง Sony ได้เข้าประมูลด้วยตัวเลข 1 ล้านเหรียญ ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง จึงทำให้มีแนวโน้มว่า Sony อาจเป็นผู้ชนะในการประมูลครั้งนี้ โดยบทดังกล่าวที่ถูกนำไปเสนอเพื่อประมูลนั้นเขียนขึ้นโดย เจสัน ชูแมน (Jason Shuman) ผู้เขียนบท ครีเอเตอร์ และโปรดิวเซอร์ที่ทำงานกับ Sony มาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นครีเอเตอร์ให้กับทีวีซีรีส์ ‘Acapulco’ (2017-2021) ของ Apple TV+ และเป็นโปรดิวเซอร์หนังอินดี้ ‘To Leslie’ (2022) ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์
ชูแมนจะรับหน้าที่เขียนบทร่วมกับ เบน ควีน (Ben Queen) ที่ ณ ตอนนี้กำลังดัดแปลงบทนิยายแฟนตาซี ‘His Majesty’s Dragon’ ในรูปแบบทีวีซีรีส์ของ Fox รวมทั้งยังเป็นผู้เขียนบทแอนิเมชัน ‘Cars 2’ (2011) และ ‘Cars 3’ (2017) ให้กับ Pixar อีกด้วย ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นภาคฤดูร้อนของ New York University และร่วมเรียนในชั้นเรียนภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ก่อนจะได้มาร่วมงานกันเป็นครั้งแรก
และนอกเหนือไปกว่านั้น ชูแมนชอบดื่มเป๊บซี่ ในขณะที่ควีนชอบดื่มโค้กมากกว่า
ที่มา: Deadline