รีเซต

เต้ ปิยะรัฐ สู้ยิบตา ดึง Face2Face คืนจอ ยอมจ่ายค่าปรับหลักแสน

เต้ ปิยะรัฐ สู้ยิบตา ดึง Face2Face คืนจอ ยอมจ่ายค่าปรับหลักแสน
ข่าวสด
18 มีนาคม 2565 ( 20:39 )
112

เต้ ปิยะรัฐ สู้ยิบตา ดึง Face2Face คืนจอ ยอมจ่ายค่าปรับหลักแสน

วันที่ 18 มี.ค. เต้ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก Executive Producer รายการ “Face2Face Thailand : Debut Season” เปิดใจถึงเรื่องที่รายการได้กลับมาออกอากาศอีกครั้ง หลังจากถูก กสทช.(คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) สั่งระงับออกอากาศ

โดยเจ้าตัวเผยว่าการกลับมาครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกับ สบส.(กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ) แต่ก็ต้องเสียค่าปรับให้กับทาง สบส. คิดเป็นนาที

รายการกลับมาออกอากาศครั้งนี้ต้องมีการถ่ายใหม่หรือว่าตัดต่อใหม่? เป็นเทคนิคการตัดต่อ และมีการส่งให้ทางสบส.ตรวจทุกเทป นาทีละ 100 บาท ก็ถือว่าเป็นการทำงานร่วมมือกัน

และส่วนไหนที่เราทำผิดเขาก็ปรับเรา แล้วแต่ว่ากี่หมื่นบาท แล้วแต่เทป ปรับเป็นจุดๆ ไป ก็ไม่เป็นไร เงินเข้าหลวงแล้วก็เอามาให้ประชาชนต่อไป เราถือว่าเป็นผู้ผลิตใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาทำในเรื่องการแพทย์ไทย

แต่เราอยากจะอธิบายว่าวัตถุประสงค์ในการทำงานของเราคือ 1. เพื่อเอ็นเตอร์เทนเมนต์แน่ๆ 2. มีคนเคยทำแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่เราเป็นคนแรกแน่นอน เราก็เลยคิดว่ามันทำได้ 3. สำคัญที่สุดคือการเชิดชูแพทย์ไทย ว่าเป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดในโลกไม่แพ้ชาติใดในโลก และอยากให้เงินสะพัดในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด

และตอนนี้คนที่เขียนกฎกติกามารยาทในอดีตไม่อยู่แล้ว และคนที่อยู่ปัจจุบันก็ไม่รู้จะปรึกษากับใคร อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้การทำงานร่วมกันครั้งนี้ทำให้กระจ่างขึ้นมาว่า อาจจะต้องมีการปรับตัวในการทำงานของยุคที่เปลี่ยนสมัยไปมากขึ้น”

ใครแนะนำให้ไป สบส.? “พอดีพาร์ตเนอร์ของเราเป็นโรงพยาบาลอยู่แล้ว ทำงานใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุขกับกรมการแพทย์ เราจึงค่อยๆ หาข้อมูลและนำเข้าไปเสนอว่าช่องทางไหนที่ช่วยเราได้ ช่องทางไหนที่สามารถจะออกใบอนุญาตให้เราสามารถที่จะนำออกมาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับชมได้อีกครั้งนึง”

เทปแรกโดนค่าปรับไปเท่าไหร่? “จำตัวเลขละเอียดไม่ได้ แต่ก็เป็นหลักหมื่น รวมๆ กันแล้วเอาเป็นว่า 8 ตอนก็หลักแสน โดนค่าดูและโดนค่าปรับด้วย”

ถือว่าเป็นความเสียหายที่เยอะไหม? “ถือว่าเป็นการเรียนรู้ และเป็นการทำงานร่วมกันจริงๆ ของภาครัฐกับภาคเอกชน ซึ่งต่อไปเรารู้แล้วก็จะไม่ทำอีก หรือทำน้อยลง (หัวเราะ) เพราะเราคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เป็นประโยชน์ต่อประเทศและวงการแพทย์จริงๆ ถึงได้ยอมให้ถูกปรับ”

คนมองว่าโปรโมตรายการ? “ก็ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจนิดหน่อยนะ เพราะคงไม่เอาการลงทุนหรือชื่อเสียงมาเล่นกับการประชาสัมพันธ์หรอก ก็คิดว่าโชคดีที่มีเรื่องอื่นๆ ที่ใหญ่กว่าเรื่องเรา”

ทางช่องยังเกร็งอยู่ใช่ไหม เพราะเราไม่ได้ผ่าน กสทช. ? “ทางช่องเกร็งอยู่ แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณช่อง3 ก่อนด้วยที่ยืนหยัดอยู่ข้างบริษัทกันตนา และสู้เพื่อบริษัทกันตนาใน กสทช. ในยกที่1 เลย และไม่ทิ้งกันเลย แต่ตอนนี้เรารู้ว่ายังเกรงใจกสทช.อยู่ ไม่ต้องเกรงใจแล้วครับ เพราะเราได้เลขมาแล้ว

เราผ่านมาแล้ว เพียงแต่อาจจะเซ็นเซอร์ตอนที่น่าหวาดเสียวออกไป อันนั้นเราเข้าใจ ในช่องทีวีเราจะมีการเซ็นเซอร์ แต่ถ้าอยากดูแบบออริจินัลจริงๆ ก็ไปย้อนดูได้ทางยูทูบครับ”

กลัวไหมว่ามีปัญหากับ กสทช.แล้วจะมีปัญหาต่อเนื่อง? “โดนมาตั้งแต่เดอะเฟซแล้ว โดนเรียกประจำด้วย (หัวเราะ) ตอนนั้นโดนเรียกทุกวันเลย ให้เข้าไปชี้แจงหลายเรื่อง ก็เข้าไป เรามีหน้าที่ทำยังไงก็ได้ให้คอนเทนต์ออกมาดีที่สุด ให้คนดูได้ดูสิ่งที่ดีที่สุด”

มาตรฐานของกสทช.ควรจะเปลี่ยนไหม? “คิดว่าควรจะมีการปรับโครงสร้างข้างในบ้างเราอยากเห็นคนที่อยู่ข้างเราอยู่ข้างในนั้นบ้าง คนข้างเราในที่นี้หมายถึงคนที่เข้าใจในวิชาชีพเรา น่าจะเข้าใจคนทำคอนเทนต์บ้าง

มันต้องแก้หลายอย่าง เรื่องกฎกติการมารยาทที่ตอนนี้คนที่เขียนขึ้นมาไม่อยู่แล้ว ก็คือเขียนไว้นานมาก (ลากเสียงยาว) แล้ว โลกเปลี่ยนไปเยอะแล้ว เปลี่ยนไปเร็วมากด้วย ตอนนี้เปลี่ยนไปสู่เมตาเวิร์สแล้ว

แต่เรายังใช้กฎกติการมารยาทเดิมกันอยู่เลย แต่เราเข้าใจดีในฐานะที่บริษัทกันตนาอยู่มา 70 ปี ตั้งแต่เล็กจนโตมาเราก็เห็นอยู่ว่าการบริหารบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน และต้องมีการจัดเรียงความสำคัญของเรื่องที่จะต้องทำก่อน-หลัง

เรื่องของเราอาจจะสำคัญน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ ก็ได้ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราครั้งนึงเลย ที่ทำอะไรแล้วไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ซะก่อน คือใส่เต็มที่ ตอนนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เข้าใจดีมากขึ้น”

ขอบคุณรูปจากไอจี : tae_kantana