รีเซต

ปิ๊ง จิดาภา ยกมือไหว้ ขอโทษและยอมรับผิด หลังมีคลิปเอาถุงคลุมหัวน้องหมา

ปิ๊ง จิดาภา ยกมือไหว้ ขอโทษและยอมรับผิด หลังมีคลิปเอาถุงคลุมหัวน้องหมา
ข่าวสด
10 กรกฎาคม 2564 ( 09:11 )
1.5K

ปิ๊ง จิดาภา ยกมือไหว้ ขอโทษและยอมรับผิด หลังมีคลิปเอาถุงคลุมหัวน้องหมา ยืนยันไม่ได้เจตนารังแก หรือทารุณกรรมสัตว์แต่อย่างใด

ปิ๊ง จิดาภา ยกมือไหว้ / จากเหตุการณ์ที่มีคลิป ปิ๊ง จิดาภา วัชรสินาพร นักแสดงสาวเอาีถุงพลาสติกคอลไว้ที่สุนัข จนมีเรื่องดราม่า ถูกชาวเน็ตเข้าไปต่อว่า วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุด (9 ก.ค. 64) ปิ๊ง จิดาภา ได้เปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ ถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมยกมือไหว้ขอโทษสังคม และยอมรับกับความผิดที่ได้ทำลงไป

อยากให้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นคือยังไง "คือจริงๆ แล้วกับเรื่องทั้งหมด ก็ต้องออกมายอมรับผิดทั้งหมดก่อน ขอโทษต่อสังคม ทั้งคนรอบตัวด้วย ก็คือไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย แต่ว่าในความเป็นจริงในตอนนั้น ไม่มีใครมีเจตนาทำร้าย หรือว่าต้องการทารุณกรรมสัตว์อย่างไรเลย คือหมาคอร์กี้เป็นของเพื่อน เหมือนเขาก็เล่นหยอกล้อกันปกติ นี่คือความผิดพลาดเลยที่เราไม่รู้ว่าอะไรที่ควรสำหรับสุนัข ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเกลียดสัตว์นะ เราก็เป็นคนรักสัตว์

คือด้วยความที่ไม่รู้ว่าอันนี้ควรหรือไม่ควร ตรงนี้ก็ต้องขอโทษทุกๆ คนเหมือนกัน คือ คนเรามันก็ผิดและพลาดได้ ถึงได้บอกว่าเราขอยอมรับและอยากที่จะแก้ไขมัน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำร้ายมันตั้งแต่แรก คือมันเหมือนเป็นการหยอกล้อ เพราะถ้าเราต้องการทำร้ายมัน คงไม่ถ่ายคลิปขึ้นมาประจานตัวเอง ว่าฉันนี่แหละที่ทำร้ายหมา นึกออกไหมค่ะ เราก็แค่อยากเก็บเป็นโมเมนต์หนึ่งในชีวิตว่าเล่นกับเพื่อน

แต่ว่าความผิดพลาดของเราคือเราดันตัดคลิปแล้วโพสต์ลงสตอรี่ ประมาณว่าหมานี้เริ่มมีการข่วน ก็เลยมีมาตรการทำโทษ จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย อย่างแอ็กชั่นที่เพื่อนตีหมาอย่างเนี้ย คือตรงนั้นเป็นแค่การสอนของเขา ว่าเขาสอนอย่าฉี่ไม่เป็นที่ ซึ่งมันก็คนละตอนกับตอนที่เอาถุงพลาสติกมาเล่นกับหมา คืออันนั้นก็เป็นอีกตอนหนึ่งที่เขาเล่นกับหมา อันนั้นคือหยอกล้อกัน"

"ซึ่งเราก็เหมือนถ่ายเก็บไว้ แล้วก็มาตัดเอง เหมือนตัดแล้วเราดันมาใส่แคปชั่นเหมือนสร้างเป็นสตอรี่ขึ้นมา ซึ่งอันนั้นก็เป็นความผิดพลาดว่าเราไม่น่าทำเลย แล้วก็เป็นอะไรที่สอนเรามากๆ เลยว่า คือเราเองเป็นคนที่ไม่ได้ปกปิด คือเราค่อนข้างลงไม่ได้ไพรเวทอะไรเลย ก็ลงไปเลยในสตอรี่ปกติไปเลย ซึ่งอันนี้ก็เป็นอะไรที่พลาดมาก ซึ่งก็รู้สึกว่า เรามองในมุมที่เป็นแค่ของเรา เราไม่ได้มองในมุมที่กว้าง ว่าถ้าคนอื่นเห็นจะเป็นอย่างไง ซึ่งเราก็อาจจะคิดน้อยไปในตรงนี้ ซึ่งตรงนี้มันก็จะเป็นบทเรียนของเราเหมือนกัน คือไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ คือเราแค่มองว่าเราเป็นคนๆ หนึ่งที่ลงรูปกับเพื่อนอะไรแบบนี้ มองเป็นแบบนั้นไป คือตรงนี้ก็ต้องขอโทษและยอมรับผิดอย่างนี้"

แคปชั่นที่สตอรี่วันนั้นลงว่าอะไร "คือเราลงว่า เริ่มที่หมาข่วน แล้วก็ทำร้ายเรา แล้วก็ฉี่ไม่เป็นที่ แต่จริงๆ แล้วมันก็คือเหมือนเราสร้างเรื่อง ไปสร้างว่าหมาฉี่ไม่เป็นที่ แล้วเราก็มาเริ่มมาตรการทำโทษ ใส่ที่ครอบหัวหมา ซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่ได้ไปใส่ที่ครอบหัวมันเพื่อทำโทษ แล้วก็มีลงไปอีกว่าหงอยเลย คืออันนี้ก็เป็นอีกตอนหนึ่งเหมือนเป็นคลิปเอามาตัดๆๆ เราดันทำเองไง พอหง่อยเลย เราตีปั๊ปเลย ไอ้โดนตีก็อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ที่เขาตีตอนที่มันฉี่ไม่รู้เรื่อง ไม่ถูกที่ ซึ่งเราเอง ด้วยความที่เราเองก็ไม่ได้เลี้ยงหมาด้วย เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนทำ หรืออะไรอย่างไงควรหรือไม่ควร อะไรอย่างไง อย่างนี้ค่ะ"

ดราม่าที่โดนตำหนิคือเอาถุงพลาสติกไปครอบหัวหมาใช่ไหม "ใช่ค่ะ คือครอบอยู่ไม่นาน ต้องบอกว่าคือมันเป็นรูป คือมันนิดเดียว คือเราถ่ายบูมเมอแรง แล้วเราดันมาตัดเองไง คือเราไม่ได้ครอบมันอย่างนี้ (ทำท่าดึง) คือถ้าทำแบบนี้เราจะมาถ่ายคลิปประจานตัวเองทำไม ว่าโอ้ยฉันได้ทำร้ายหมา คือต้องการให้ทุกคนเข้าใจ เราเองก็รักก็ดูแลมัน ซึ่งหมาตัวนี้เพื่อนเรา น้องเขาเป็นซื้อมา น้องเขาคือเป็นคนเลี้ยงหลัก แล้วก็เหมือนดูแลมาก็หลายเดือนแล้ว เป็นช่วงมกราคม คือมีพื้นที่ลงอยู่ คือเราก็ยังเดินเล่นกับมันอยู่เลย และเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายมันเลย"

เล่นกันเอ็นดูปกติอยู่แล้วใช่ไหม "ใช่ค่ะ คือเป็นหมาที่ซนอยู่แล้ว ชอบงับถุง ชอบกระโดดคน ซึ่งมันเป็นแบบหมาซน แต่ภาพออกมาคือเป็นแบบนั้นนะค่ะ"

คือภาพออกไปดูแรงทำให้คนเข้ามาตำหนิมากมายใช่ไหม "ใช่ หลังจากที่รู้ว่าโดนตำหนิแล้ว เราก็ เฮ้ย อ่อไม่ควรหรอ เราก็เลยไปลบสตอรี่นั้น คือตอนแรกที่ลงไปเราไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายมัน หรืออะไรอยู่แล้ว ในส่วนตัวของเพื่อนเขาก็ฝากมาขอโทษด้วยตรงนี้ เหมือนกับว่าถ้าแอ็กชั่นมันไม่ควร คืออาจจะไปศึกษาเพิ่มเติมในการเลี้ยงแล้วก็ดูแลมัน แต่ว่าเราก็ไม่ได้คิดอะไรลงไป เสร็จปุ๊ปมีเพื่อนก็บอกว่า เฮ้ยมันไม่เหมาะนะ มันเหมือนทารุณเลย ตอนแรกๆ ก็มีคนทักมา เราก็อะงั้นก็ลบ แต่ว่าพอจังหวะที่ลบแล้วเหมือนเราก็ทิ้งข้ามคืนไปแล้ว ก็มีคนเซฟไว้ เขาก็เหมือนมาลงเพิ่มเติม คือเราก็รับฟังทุกคนนะ คือเขาก็บอกว่าให้ทำอะไรอย่างไง เราก็รับฟังค่ะ"

ลบสตอรี่ตั้งแต่ที่เป็นข่าวใหญ่หรือว่าตั้งแต่ที่เพื่อนทักมา "ลบตั้งแต่เพื่อนทักมาเลยค่ะ คือเพื่อนเริ่มทักมาสี่ห้าคนประมาณนี้ว่าแบบมันดูเหมือนทารุณกรรมนะ เขาก็บอกว่ามันสุ่มเสี่ยง คือเพื่อนบางคนที่รู้จักกันอยู่แล้วเขาก็จะค่อนข้างรู้ว่าเราเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย ตรงๆ แล้วก็แบบขี้เล่น มันก็จะมาแนวแบบฮาๆ เป็นคนลงสตอรี่สายปั่นอยู่แล้ว อยากให้เพื่อนแซว ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเลย คือคิดง่ายๆถ้าเจตนาทำร้ายหมา เราจะมาลงเพื่อฆ่าตัวเองทำไม ถูกไหมค่ะ มันเป็นความที่มองคนละมุมมามากว่า แต่ก็ต้องขอโทษเลย"

เรื่องนี้พอเกิดขึ้น โดนตำหนิก้เสียใจ "คือที่เสียใจมากที่สุดของคนอื่นมันก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็จะมีเพื่อนบางคนที่เราสนิท ก็คือรู้จักกันมาในระดับหนึ่ง แต่อาจจะช่วงนี้โควิดด้วยอาจจะไม่ได้คุยกันมานาน เขาก็เห็นเราผ่านโซเซียล แต่เขากลับมองว่าเราเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ซึ่งเราก็ เฮ้ย เธอก็รู้จักเราไม่ใช่หรอ ทำไมถึงมองว่าเราเป็นคนแบบนั้นหล่ะ มันก็รู้สึกแย่นิดหนึ่ง ตรงที่มันคือมันไม่ใช่แค่สังคมภายนอก แต่เป็นสังคมที่เราอยู่ด้วย เพื่อนบางคนไม่เข้าใจ เขาก็จะมองว่าทำไมเราทำแบบนี้ รู้วึกว่าทำไมไม่เข้าใจเราเลย แล้วที่ผ่านมาคือไม่ได้รู้จักเราเลยหรอ และอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้อยากให้เกิด ไม่ได้อยากให้เป็นเยี่ยงอย่างในการแบบทารุณกรรมสัตว์ คือมันพลาดจริงๆ"

คลิปที่ออกมาตัดมาสั้นๆ แต่ว่าเหมือนกลายเป็นว่าเรารังแกหมาใช่ไหม "ใช่ค่ะ ซึ่งเราไม่ได้มีเจตนานั้น เหมือนเป็นบทเรียนเลยค่ะว่าต้องคิดเยอะกว่านี้ ไม่ใช่มองแค่มุมเราแล้ว คือเราอาจจะมองว่าเราเฉยๆเหมือนเป็นคนทั่วไปลงอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แหละ คือทำอะไรก็ต้องคิดหลายๆมุมแหละ ไม่ใช่แบบลงเล่นค่ะ"

โซเซียลมันเหมือนดาบสองคม เป็นอย่างไงบ้างหลังจากที่มีบทเรียนแล้ว "เป็นบทเรียนอย่างหนึ่งเลย คือเราเองตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าอะไรอย่างนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เข้าใจแล้ว เป็นบทเรียนเลยว่าก่อนที่จะทำอะไร เราก็ต้องคิดให้เยอะก่อนว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน ไม่ใช่มองแค่มุมเราอย่างเดียว และมีคนไปขุดมาว่าเมาแล้วขับ ซึ่งอันนี้คือจริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่แบบ ถ้าดูสตอรี่จริงๆ แล้ว เราเป็นคนนั่งอยู่ข้างหลัง แล้วคือเพื่อนคนที่ไม่ได้เมาเขาเป็นคนขับ"

แต่สังคมก็มาตำหนิเรื่อยๆ เป็นอย่างไรบ้าง "ก็เข้าใจเลยว่าแบบต่อไปนี้จะลงอะไรต้องคิดให้เยอะ เราจะเป็นคนที่ชอบลงสตอรี่แบบฮาๆ แนวปั่นกับเพื่อน อะไรแบบนี้ ซึ่งตรงนี้รู้เลยว่าเป็นบทเรียนว่าอย่าคิดน้อยคิดให้มันเยอะกว่านี้ เราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่สามารถทำผิดได้ มันไม่ใช่แบบเกิดมาแล้วเรารู้ทุกอย่างทุกเรื่องแล้วจะสามารถแบบอะไรถูกอะไรผิด คือมันก็ต้องเรียนรู้กันไป แต่ว่าเราก็ยอมรับตรงนี้ว่าผิด แล้วก็เราก็จะไม่ทำอีก"

หลายองค์กรที่เขารักสัตว์เหมือนจะฟ้องเรา อยากบอกอะไรเขาบ้าง "คือปิ๊งขอโอกาส ณ ตรงนี้ คือว่าจริงๆ แล้วไม่ได้มีเจนตนาที่จะทำร้ายมันเลย คือเราเองเป็นคนที่เหมือนบางทีเป็นคนคิดน้อย การที่ไตร่ตรองแล้วลงอะไรลงไป เราก็ไม่ได้มองว่าจะมีคนมาติดตาม ซึ่งพอมันเป็นเรื่องมาแล้ว เราก็ต้องขอโทษจริงๆ ที่ภาพมันออกไปแบบนั้นนะคะ แต่ว่าเราก็ยอมรับสำหรับแอ็กชั่นตรงนั้นว่าเราก็ไม่ควรทำ แต่ว่าก็อยากจะขอโอกาสว่า ก็ผิดและพลาดจริงๆ แต่ว่าไม่อยากให้เกิดเป็นเรื่องแบบนี้ แล้วก็ไม่มีใครที่เจตนาทำร้ายหรือทารุณกรรมสัตว์เลย เพื่อนก็ติง เราก็อัพคลิปที่เพื่อนเขาสั่งสอนหมาให้ฉี่ให้เป็นที่เป็นทาง แล้วก็เป็นการเล่นกันเฉยๆ หยอกล้อเล่นกัน"

ที่ผู้กำกับท่านหนึ่งโพสต์ว่าไม่อยากร่วมงานกับเราเลย อยากชี้แจงอะไรให้พี่เขาฟังไหม "ตรงนี้ก็ต้องขอโทษนะคะ แล้วก็อยากจะขอโอกาส คือมันเป็นอะไรที่เราผิดแล้วพลาดไปแล้ว อยากจะขอโอกาสสักครั้งหนึ่ง ถ้าให้โอกาสน้องคนนี้ได้นะคะ คือก็ขอโทษจริงๆ เพราะว่าไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายแล้วก็ทารุณกรรมสัตว์ แต่ก็คือมันเป็นความพลาดที่เราคิดน้อย คือคิดน้อยจริงๆ ตรงนี้ก็ต้องขอโทษ แล้วก็ขอโทษจริงๆ ค่ะ และก็ขอโอกาสตรงนี้ด้วยค่ะ แล้วก็ตรงนี้สำหรับเรื่องทั้งหมดนะคะ คือไม่อยากให้เป็นกระแสสังคมแบบนี้ และก็ไม่อยากให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆที่วันนี้ก็เป็นบทเรียนสำหรับปริ้นเลย ทำให้ปริ้นรู้ว่าอะไรที่ควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำ แล้วก็จะเดินและใช้ชีวิตและก้าวต่อไปในอนาคตยังไง เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนให้กับหลายๆคนในการใช้สื่อโซเซียลให้ถูกต้อง เพราะว่ามันมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เราจะต้องระวังมากขึ้นค่ะ"