แมท ถอนฟ้องคดีเกรียนโพสต์หมิ่น คู่กรณีไหว้ขอโทษ-สำนึกผิด แม่ให้อภัยนานแล้ว
ทนายนิด้า เผย แมท ภีรนีย์ ถอนฟ้องคดีเกรียนโพสต์หมิ่น ลดเงินเรียกค่าเสียหาย คู่กรณีไหว้ขอโทษต่อหน้าสื่อ-สำนึกผิด แม่แมทเผยให้อภัยนานแล้ว
วันที่ 14 มิ.ย. 2564 นักแสดงสาว แมท ภีรนีย์ คงไทย เดินทางมาที่ศาลอาญา รัชดา พร้อมด้วย นางพัชนีย์ คงไทย มารดา และทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ โดยมี สงกรานต์ เตชะณรงค์ แฟนหนุ่ม เดินทางมาด้วย เพื่อเข้าร่วมไต่สวนมูลฟ้องครั้งที่ 2 กับคู่กรณี ในคดีเป็นโจทก์ฟ้องกลุ่มจำเลย พวกเกรียนคีย์บอร์ด ที่โพสต์ข้อความ หมิ่นประมาทให้ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยใส่ร้ายโจทก์ ทำนองว่า โจทก์ชอบแย่งสามีชาวบ้าน และข้อความอื่น ๆ ซึ่งวันนี้มีผู้ต้องหาเกรียนคีย์บอร์ดจำนวน 8 รายเดินทางมาไต่สวน ก่อนที่ 1 ในผู้ต้องหายอมกล่าวขอโทษ ก่อนจะให้สัมภาษณ์พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษนางพัชนีย์ คงไทย แม่ของแมท
ทนายนิด้า : เผยว่า “น้องแมทส่งคุณแม่เป็นตัวแทนมา มันมีเหตุผลที่น้องแมทตัดสินใจจะฟ้องดำเนินคดีต่อคนที่มากล่าวหาใส่ความหรือหมิ่นประมาท เหตุผลใหญ่ที่สุดเลยก็คือเพื่อคุณแม่เขา ถามว่าด้วยชื่อเสียงของเขาเอง การปกป้องชื่อเสียงของเขา เขาคิดว่าเขาไม่ได้ซีเรียสกับมันมากเท่าไหร่นัก เขาอยู่กับมันได้ เขาพยายามอดทนและแบกรับกับมันได้ แต่วันหนึ่งที่เขารู้สึกว่าคุณแม่เขาเริ่มเสียใจหรือมีฟีดแบ็กกับสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าเขาต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะแสดงความบริสุทธิ์ แสดงความชัดเจน และต้องมานั่งเคลียร์ด้วยว่าสิ่งที่ข่าวมันออกไปไม่ได้เป็นเรื่องจริงแบบนั้น อย่างน้องวันนี้เข้าสู่ในกระบวนการเรียกว่าคุยกัน น้องที่โพสต์เขาก็มีความสำนึกในการ กระทำนั้น และพร้อมที่จะเยียวยาแก้ไข น้องแมทก็เลยไม่ได้ลงมา น้องไม่ได้ต้องการให้มาขอโทษเขา เขาต้องการให้ขอโทษคุณแม่ ก็เลยพาน้องที่โพสต์ลงมาค่ะ”
คู่กรณี : “ก็ขอโทษในสิ่งที่ทำไป โดยที่เสพข่าวเกินไปจนเอามาทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนค่ะ ต่อไปก็จะเป็นประสบการณ์ จะไม่ทำอีกค่ะ ขอโทษคุณแม่ด้วยค่ะ (ยกมือไหว้)”
ความรู้สึกตอนที่โพสต์คือยังไง คึกคะนองเหรอ? คู่กรณี : “ใช่ค่ะ ดูข่าวอย่างเดียวเลยค่ะ”
บทลงโทษมีอะไรบ้าง? ทนายนิด้า : “จริง ๆ ในเรื่องที่เราฟ้องก็คือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โทษจำคุกสูงสุดก็คือ 2 ปี ปรับสูงสุด 2 แสนบาท แต่ก็ต้องเรียนให้ทราบตามตรงว่าเคสของน้องคนนี้เรายังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการพิพากษาของศาล วันนี้เป็นการพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งน้องแมทเขาได้เห็น เขาก็นั่งน้ำตาซึมอยู่ คือก่อนที่จะลงมาน้องแมทก็ได้ขอโทษกับตัวจำเลยด้วยซ้ำ เขาขอโทษที่ต้องมาฟ้อง ขอโทษที่จำเป็นจะต้องเรียกค่าเสียหาย เขาอยากสร้างบรรทัดฐานว่าที่ผ่านมาคนอาจจะขอโทษ แล้วขอให้ถอนฟ้องได้มั้ย น้องแมทบอกว่าจริง ๆ เขาให้อภัยไปตั้งนานแล้ว แต่ถ้าขอโทษแล้วถอนฟ้อง มันก็จะเกิดสิ่งนี้ขึ้นอยู่ตลอด เขาจะต้องอยู่กับสิ่งนี้ไปตลอด เมื่อกี้เขาก็ขอโทษน้องคนนี้ว่า ขอโทษที่เขาจะต้องทำตามกระบวนการว่าการที่เขาจะทำอะไรมันมีราคา เพื่อที่วันนึงเขาจะได้ไม่ไปทำอีก
“น้องแมทก็ยังได้ขอโทษตัวน้องที่โพสต์ น้องก็โอเค เข้าใจ และได้ขอโทษน้องแมทว่าเขาขอโทษจริง ๆ เขาไม่มีสติในขณะที่ทำลงไป เราก็เลยรู้สึกว่าเราก็พอเหมาะพอสมกับความรู้สึกของเขา ความรู้สึกของคุณแม่ ก่อนที่จะมาตรงนี้ก็ได้ถามน้องแมทว่าโอเคมั้ยกับตรงนี้ น้องแมทก็บอกโอเค ถามคุณแม่ว่าโอเคหรือยัง คุณแม่บอกโอเคแล้ว และได้เห็นว่าน้องเขาอยากเยียวยาแก้ไขจริง ๆ ดังนั้นวันนี้จึงได้เป็นการคุยกัน ก่อนหน้านี้ได้คุยกับน้องมาทีหนึ่งแล้ว เราเรียกค่าเสียหายจากน้องที่จำนวนมาก ก็ต้องบอกว่าเกือบ ๆ ครึ่งล้าน ที่เราคุยกันนะคะ แต่มาวันนี้แมทก็ลดลงไปให้อีก ขอที่เท่านี้แล้วกันไม่ต้องให้ถึงกับที่ตกลงกันคราวนู้นก็ได้”
แม่พัชนีย์ : “อันนี้เอาเป็นว่าน้องแมทกับน้องคู่กรณี เขาพูดความในใจกัน ตกลงกันด้วยคำพูดแล้วเห็นว่าน้องเขาสำนึกผิดโดยจากใจเขาจริง ๆ ซึ่งทางเราก็ไม่ได้ต้องการที่จะเอาเงินหรืออะไรทั้งสิ้น”
จากหลาย ๆ กรณีที่ผ่านมาสำหรับแม่ แม่เสียใจไหม? แม่พัชนีย์ : “ทุกคนที่เข้ามาด่าลูกแม่ เขาไม่รู้เรื่องจริง เขาไม่รู้เรื่องจริงอะไรเลย เริ่มจาก 1 2 3 มาอย่างไร เขาไม่ทราบ ทุกวันนี้มาถึงตรงนี้แล้วเขาสำนึกผิด เขาเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร คือจบแล้ว แม่ก็จบแล้ว”
ให้อภัยแล้ว? แม่พัชนีย์ : “ให้อภัยตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ลูกแม่ “แมทไม่ได้ทำแม่รู้” เรารู้กันสองคน ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าแม่ไปไหนกับแมทตลอด แม่รู้ตั้งแต่แรกว่ามันไม่ใช่ (เสียงสั่น) แต่เราจะพูดได้ไหม เราก็พูดไม่ได้ใช่ไหมคะ เอาเป็นว่าวันนี้จบแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวติดใจกัน สำหรับคู่กรณี แม่ให้อภัยนานแล้ว นานแล้ว นานมากแล้ว เป็นการดีกับแม่และแมทด้วย แค่เขาเข้ามาถึง เขาสำนึกด้วยใจของเขา”
ทนายนิด้า : “นัดกี่ครั้งเขาก็มา เราเลยถึงได้เห็นว่าเขาพยายามที่จะแก้ไขแล้วเยียวยากับสิ่งนี้ บางเคสเราฟ้องที่ไม่ได้มาก็มี เรารู้สึกว่าที่อยากฟ้องก็ฟ้องไป อยากทำอะไรทำไป อันนั้นเราคงไม่มีอะไรไปคุยกับเขา ในแง่ของการให้อภัยก็ให้อภัย แต่ในส่วนดำเนินคดีก็ต้องดำเนินต่อไป แต่อย่างน้องคนนี้นัดเขาก็มา จริง ๆ ในวันไกล่เกลี่ยเขาไม่ต้องมาก็ได้ ถ้าเขาไม่ประสงค์ที่จะซัพพอร์ตหรือแก้ไข แต่พอเขามาเราก็ได้เห็นอินเนอร์ของเขา”
สำหรับคนนี้จะถอนฟ้อง? ทนายนิด้า : “ก็คงจะถอนค่ะ วันนี้มีศาลนัดไต่สวนทั้งหมด 8 คดี เมื่อช่วงเข้านี้ไต่สวนไปแล้ว 4 คดี ก็จะเหลืออีก 4 คดี วันนี้ก็คงจะโอเคแล้ว ก็คงจะถอนฟ้องน้อง คนอื่น ๆ ก็ดำเนินต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าอนาคตเขาสำนึกผิดและมาขอโทษกับสิ่งนี้ น้องแมทเขาก็รับ ยิ่งคุณแม่ก็รับ เขาต้องการสิ่งนี้ คือให้สังคมเข้าใจและก็รับรู้เรื่องนี้ เอาจริงเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟ พี่มาเป็นทนายความในคดีนี้ ก็อยากจะพูดเหมือนกัน ขอใช้พื้นที่ตรงนี้คือที่เราฟ้องคือ กล่าวหาว่าไปแย่งผัวแย่งเมียชาวบ้าน แต่ขอว่าจากที่เราติดตามข่าว ก่อนที่พี่นิด้าเป็นทนายความให้กับน้องแมท นิด้าก็ได้ติดตามข่าวดาราเหมือนกัน ข่าวมีการ ยุ่ง เลิก ร้าง อะไรกันมานานก่อนหน้านั้นแล้ว พอวันนึงที่น้องแมทเข้ามาทำไมถึงไปติดป้ายอันนี้ให้เขา ดังนั้นอยากให้สังคมช่วยคิดในส่วนตรงนี้ได้แล้ว เราขอไม่ไปพูดอะไรเยอะ”
สำนวนที่เรียบร้อยไปแล้ว จ่ายค่าเสียหายเท่าไหร่? ทนายนิด้า : “ยังไม่ได้จ่ายค่าเสียหาย อยู่ในกระบวนการของศาล วันนี้เป็นเรื่องของการไต่สวนมูลฟ้อง ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูล ศาลก็ประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป ทางจำเลยก็ต้องเข้ามาต่อสู้ ถ้าเขาคิดว่าเขาไม่ผิด มีสิทธิ์พูดได้ บางคนก็บอกว่าเขามีสิทธิ์พูดได้เพราะ แมท ภีรนีย์ คือดารา เราก็ให้ศาลเป็นคนให้คำตอบนี้ต่อไปว่าพูดได้จริงหรือเปล่า หรือพูดได้แค่นี้ ด่าว่า… ขอโทษนะคะ ว่าเป็นผู้หญิงขายตัว ดาราสมควรถูกพูดถึงแบบนี้ได้หรือเปล่าก็ต้องให้ศาลตัดสินต่อไป”
มีเคสที่ปฏิเสธไหม หรือพร้อมจะต่อสู้? ทนายนิด้า : “ณ วันนี้เรายังไม่ทราบ เพราะวันนี้เป็นวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง แต่เรายังไม่ได้เห็นใครที่จะเข้ามาต่อสู้ว่าผิดหรือไม่ผิดอะไรยังไงนะคะ แต่ก่อนหน้านี้ก็จะมีทักเข้ามา ส่งข้อความเข้ามา แต่ไม่ได้มาในลักษณะ ไม่ผิด ไม่ได้ทำ ถามว่ามีไหม ก็มี แต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นว่า ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้กฎหมาย ก็จะอ้างแบบนี้กัน แต่น้องแมทพูดมาคำนึงว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้กฎหมาย แต่เราแค่รู้สึกว่าเราต้องไม่ทำอะไรที่เบียดเบียนคนอื่น เอาตรงนั้นก่อนเป็นที่ตั้ง มันจะไม่เกิดการกระทบกระทั่งอะไรเลย”
จะมีฟ้องใครอีกไหม? ทนายนิด้า : “วันนี้ยังไม่มีใครเพิ่ม เอาจริง ๆ น้องแมทก็เหนื่อยกับการขึ้นศาล เขาไม่ได้สนุกหรอกนะคะ วันนี้ก็ต้องบอกว่าได้รับฟีดแบ็กที่ดี เขาตัดสินใจถูกต้องที่เขาเรียกร้องสิทธิ์ตัวเอง มันทำให้คนที่มาก้าวล่วงเขาหรือละเมิดเขาที่จะเกิดขึ้นมันก็แทบจะไม่มีแล้วตอนนี้ เราโอเคแล้ว นี่คือสิ่งที่เราต้องการ”
ก่อนหน้านี้บอกว่ามีลิสต์เป็น 100 รายชื่อ? ทนายนิด้า : “ลิสต์ไว้ ร้อยนั้นทักเข้ามาเกินครึ่งนะ เพราะเหมือนรู้ว่าเราโนติสต์ไป ส่วนใหญ่ก็จะมาทางคุณแม่น้องแมทบ้าง ทางน้องแมทบ้าง ทางนิด้าบ้าง เราก็สื่อสารกันตลอด”
แม่พัชนีย์ : “เรามีการพูดคุยตกลง พอเขาโทรมาหาแม่ เขาร้องไห้ สำนึก เขาขอโทษ เราก็เลยบอกว่าในเมื่อถ้าเขาได้รับหมายศาลไปแล้ว เราก็ให้มาพูดกันต่อหน้าศาล แม่ก็รับฟัง แต่เขาพูดกับแม่ แต่คนที่ถูกด่าเป็นลูกแม่ ก็เลยบอกว่างั้นไปพูดกับน้องต่อหน้าศาลกัน ถูกไหมคะ”
ก่อนหน้านี้ที่ลิสต์ไว้ จะยกหมดเลยไหม? แม่พัชนีย์ : “อันนี้ต้องถามทางคุณนิด้า”
ทนายนิด้า : “น้องแมทบอกว่าน่าจะโฮลไว้ก่อน เพราะว่าเขาก็โอเคแล้วกับสถานการณ์ตอนนี้ รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรมารบกวนแล้ว เขาก็น่าจะขอเบรกก่อน เขาก็เหนื่อยกับการขึ้นศาล อย่างวันนี้มาเขาก็ขี้เกียจนะ แต่บอกว่าน้องแมทไม่ได้”
แม่พัชนีย์ : “คือไม่ใช่ขี้เกียจค่ะ ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ต้องทำมาหากิน ต้องอะไรหลาย ๆ อย่าง ถูกไหมคะประมาณนั้น”
ต่อมา เวลา 11.30 น. แม่พัชนีย์ และทนายนิด้า พร้อมด้วยคู่กรณีอีกคนหนึ่ง ได้ลงมาขอโทษผ่านสื่อมวลชนอีกครั้ง และแม่กับทนายได้เผยถึงการมาศาลวันนี้
ทนายนิด้า : “วันนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องจริง ๆ ทั้งหมด 8 คดี แต่จะมี 2 คดีที่ตัวผู้ถูกฟ้องเขารู้สึกสำนึกกับการกระทำ ก็เลยมาขอโทษน้องแมท ขอโทษคุณแม่ และแก้ไขเยียวยาในสิ่งที่เขาทำนะคะ น้องแมทก็ให้อภัย และดำเนินที่จะถอนฟ้องให้ในวันนี้แหละ 2 คน ส่วนอีก 6 เคสตัวจำเลยไม่ได้มา เราก็ทำหน้าที่ต่อไป เราก็นำเสนอคดีต่อศาล ไต่สวนมูลฟ้อง ศาลเห็นว่าคดีมีมูลก็ประทับฟ้องไว้พิจารณา ซึ่งเมื่อเช้านี้ไต่สวนไปแล้ว 4 คดี ซึ่งศาลก็มีคำสั่งเลยในวันนี้ว่าคดีมีมูลก็ประทับไว้พิจารณา ซึ่งนัดถัดไปวันที่ 13 ก.ย. ค่ะ จะเป็นนัดสอบคำให้การ ก็คือตัวคนที่ถูกเราฟ้องต้องมาศาล ถ้าในนัดถัดไปเขาไม่มาก็โดนหมายจับได้ กระบวนการก็จะเป็นประมาณนั้น ตอนบ่ายก็จะเหลือไต่สวนมูลฟ้องอีกสองคดี”
วันนี้ที่ยกฟ้องมีเงื่อนไขอื่นนอกจากการขอโทษของเขาไหม? ทนายนิด้า : “ก็มีหลายสิ่งหลายส่วนนะคะ ซึ่งขอสงวนไว้นิดนึงนะคะ แต่เราก็วางข้อกำหนดเอาไว้ว่าคุณจะต้องดำเนินการอย่างไร หรืออะไรที่เรารู้สึกเป็นการเยียวยาเรา”
แต่ยังคงจ่ายเงินอยู่ใช่ไหม? ทนายนิด้า : “นั่นคือองค์ประกอบหนึ่งค่ะ แต่มันไม่ใช่เป็นประเด็นหลักอยู่แล้ว แต่มันจำเป็นที่จะต้องมี เพราะเราต้องการให้สังคมรับรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมีราคาค่างวดของมัน เป็นการป้องปรามว่าไม่ให้ใครที่จะคิดทำอะไรอย่างนี้อีก แต่อย่าลืมว่าเรื่องเงินคือเรื่องหลักและเรื่องสำคัญ เพราะตอนน้องแมทฟ้อง น้องแมทก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร หนูต้องการให้เขาเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม นี่คือธงของเขา ดังนั้นเรื่องเงินไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ต้องบอกว่ามันคือเงื่อนไขหนึ่งที่เขาต้องเยียวยาด้วยค่ะ”
แม่พัชนีย์ : “อันนี้ตามหลักจริง ๆ ในความสำนึกที่ 2 คนที่โดนอยู่ในกระบวนการแล้ว เราดูแล้วว่าเขาก็สำนึก พอเขาเจอเหตุการณ์จริง ๆ เขารับรู้จริง ๆ เขาสำนึกด้วยใจเขาจริง ๆ เรารู้สึกได้เหมือนกันว่าเขาก็ไม่ได้ทุกข์หรือจะสุขอะไรหรอก”
เขามีการเจรจาหลังไมค์ไหม? แม่พัชนีย์ : “ไม่มีค่ะ เขาอาจจะโทรมาหาแม่ว่าขอร้อง ช่วงระหว่างที่เขาจะมาศาล ทีนี้พอมาถึงตรงนี้แล้วเนี่ย โดยที่เขามาพูดจริง ๆ ต่อหน้า แม่ก็มองแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เขียนด่าเป็นตัวหนังสือ เขาไม่ใช่ อาจจะคล้อยตามไป หรือมีปมในใจอะไรก็แล้วแต่ ความคะนอง”
แม่บอกว่าให้อภัยคนที่ด่าลูกแม่ ถ้าสมมติว่าอนาคตเกิดขึ้นอีก จะทำอย่างไร? แม่พัชนีย์ : “มันก็ตามกระบวนการไปแล้วต่อจากนี้ ไม่ใช่ว่าเรามาฟ้อง เราชนะแล้วเราเก่ง มันไม่ใช่ จริง ๆ แล้วทางแม่ก็มองว่าเราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราต้องการให้เขาสำนึกจริง ๆ ว่าสิ่งที่เขาเสพเข้าไป เขารับรู้ไปจริงขนาดไหน วันนี้เขาได้พิสูจน์ตัวของเขาเหมือนกันว่า เขามาพิสูจน์เราเหมือนกันว่าเราก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาด่า”
อยากบอกอะไรชาวเน็ตที่อาจจะมือไว? แม่พัชนีย์ : “บอกไหมเหรอ อันนี้ไม่บอกดีกว่า ก็คือทุกคนมีสติอยู่กับการกระทำของตัวเองไหม ลูกแม่ก็ต้องมีสติเหมือนกัน”
เหมือนเป็นเคสตัวอย่างให้คนในวงการบันเทิงหลายคนเริ่มฟ้องแล้วเหมือนกัน? แม่พัชนีย์ : “ถามว่ามันดีไหมคะ”
แมทเองสบายใจขึ้นไหม? แม่พัชนีย์ : “ถามว่าโล่งไหม มันก็ไม่ได้ว่าเราจะต้องมานั่งทุกข์ตลอดเวลา ทุกคนต้องทำมาหากิน ชีวิตต้องดำเนินไป เรื่องมาแล้วก็คือผ่านไป ถามว่าทุกข์ไหม ในครั้งก่อน ๆ มันก็ไม่มีใครสนุกหรอก”
ตอนนั้น แมทโพสต์ มีเงินเชิญด่า หลายคนสะใจ? แม่พัชนีย์ : “อย่าเอาความสะใจมาเป็นความชนะของตัวเอง เราไม่ได้คิดอย่างนั้น น้องก็เป็นคนฮา ๆ”