Movie Full ReviewForgotten : ความทรงจำพิศวง (2017)"ความเหนือชั้นของการเล่าเรื่องและชั้นเชิงที่พาให้คิด...แต่ไม่มีสิทธิ์คาดเดา"สิ่งหนึ่งที่ทำให้ดูไปบ่นไปคิดถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาจนต้องหยิบเอามาบอกเล่าในบทความนี้คือการดูหนังเรื่อง Midnight (2021) เพราะเห็นชัดว่าเป็นการเล่นกับหัวใจและความรู้สึกคนดูให้ส่งผลต่ออารมณ์ แต่เมื่อยังมีวลีที่อย่าไว้ใจเกาหลีเพราะปัจจุบันหนังจากเกาหลีต้องยอมรับว่าไอเดียและชั้นเชิงไปไกลสุดกู่จนคนดูคิดตามไม่ทัน การเล่าเรื่องที่ระยะหลังคนดูเริ่มไม่ไว้ใจแล้วว่างานจากเกาหลีจะเป็นอย่างที่หน้าเสื่อของหนังเป็นหรือไม่ กระทั่งดูไปต้องคิดตามไปทุกเรื่องจนกระทั่งบางครั้งคิดมากเกินไปก็มีเพราะความพยายามพลิกผันหักมุมล่อหลอกจนสมองคิดไปเอง แต่หนังอย่าง Midnight กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะเปิดหน้ามาตรงๆแต่ใช้วิธีจับอาหัวใจคนดูเป็นตัวประกันด้วยความสงสารทำให้ไม่ต้องหักมุมหนังก็สนุกได้และมีดี ส่วนที่คิดถึงเรื่องนี้เพราะความที่หนังเล่นกับอารมณ์เหมือนกันแต่ชั้นเชิงลึกล้ำเหนือชั้นกว่าแต่จัดการอารมณ์คนดูได้ผลทั้งยังยืนยันว่าหนังเกาหลี (หรือจะรวมซีรีส์ด้วยก็ได้) อย่าไว้ใจถ้าไม่จบครบจนวินาทีสุดท้าย Forgotten เรื่องย่อปี 1997 จินซอก (คังฮานึล) เด็กหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดต้องย้ายบ้านมาอยู่ชานกรุงโซลพร้อมกับยูซอก (คิมมูยอล) พี่ชายและครอบครัวทั้งพ่อและแม่ หนังเปิดว่าจินซอกนับถือพี่ชายยูซอกไม่ต่างจากฮีโร่ที่จะเจริญรอยตาม กระนั้นบ้านที่จินซอกและครอบครัวย้ายเข้ามาอยู่มีห้องเล็กห้องหนึ่งที่ต้องห้ามเพราะเจ้าของบ้านคนเก่าได้ขอร้องไว้กับพ่อจินซอกไม่ให้ใครเข้าไปและฝากของที่อยู่ข้างในนั้นไว้ชั่วคราว ด้านจินซอกเองก็กำลังจะสอบแข่งขันบางอย่างและต้องทานยาบางอย่างแล้วก็เป็นจินซอกที่ได้ยินเสียงแปลกๆจากห้องต้องห้ามนั้นแต่คนอื่นกลับไม่ได้ยินและมองว่าเขาคิดไปเอง จนวันหนึ่งที่จินซอกรู้สึกไม่สบายใจยูซอกจึงชวนจินซอกออกไปเดินเล่นท่ามกลางสายฝนแต่เมื่อยูซอกกำลังกลับเข้าบ้านเพราะได้รับโทรศัพท์จากพ่อและเดินล่วงหน้าไปยูซอกกลับถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตาจินซอก แน่นอนว่าจินซอกและครอบครัวแจ้งตำรวจแล้วมีตำรวจสายสืบสองคนมาสืบคดีและรอการติดต่อมาจากคนที่ลักพาตัวยูซอกแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไร กระทั่งสิบเก้าวันหลังจากยูซอกถูกลักพาตัวเขาก็กลับมาในสภาพอิดโรยโดยเขาสูญเสียความทรงจำในส่วนที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งหมอให้ความเห็นว่าเป็นกลไกปกป้องตนเองทางสมองที่กำจัดความทรงจำที่ไม่อยากจำออกไปทำให้จำบางช่วงเวลาไม่ได้ ทว่าจินซอกกลับสังเกตได้ว่าพี่ชายของเขาเริ่มมีอะไรแปลกไปเมื่อยูซอกเริ่มออกจากบ้านตอนกลางคืนตอนที่จินซอกหลับและเหมือนกับพี่ชายคนดีคิดอะไรบางอย่างคล้ายกับอยากจะฆ่าจินซอกให้ตาย กระทั่งวันหนึ่งจินซอกแอบตามพี่ชายไปแล้วเจอกับเรื่องที่น่าตกใจของยูซอกแต่ก็กลายเป็นเหมือนความฝัน ซ้ำยังไม่พอเสียงแปลกๆในห้องเล็กนั้นก็เริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆพิรุธของพี่ชายก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดจินซอกก็พบความจริงที่น่าตกใจและน่าสะพรึง ความเหนือชั้นของการเล่าเรื่องและชั้นเชิงเชื่อว่ามนุษย์ผู้ขายวิญญาณให้ภาพยนตร์ทุกคนล้วนได้ผ่านตาหนังที่หักมุมเละเทะกันมานักต่อนักแล้วในประสบการณ์การดูหนัง แต่ส่วนใหญ่ที่เคยดูกันมานั้นมักจะเป็นการปูเรื่องไว้อย่างแน่นซ่อนปมมิดชิดหลอกให้คิดก่อนไปหักหลังกันครั้งใหญ่ในตอนจบ ซึ่งก็อาจมีบ้างที่หักไปมาระหว่างทางเป็นความพลิกผันแต่ส่วนใหญ่มักจะมาตอนจบแล้วก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างสุดแท้แต่บทหนังซ่อนเงื่อนไว้แนบเนียนขนาดไหน แต่กับงานเกาหลีนั้นหลายครั้งที่การเล่าเรื่องที่ไม่ได้นับเริ่มตั้งแต่หนึ่งการหักมุมสับขาหลอกมีไปทั่วจนแทบกลายเป็นลายเซ็นไปเช่นหนังเรื่องนี้ที่สับขาหลอกตั้งแต่ต้นจนจบมีตลบหลังใหญ่ๆไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ที่น่าทึ่งคือด้วยเวลาฉายเพียงร้อยแปดนาทีแต่หลอกซ้อนหลอกอย่างได้ผลด้วยชั้นเชิงที่เป็นเอกลักษณ์คือเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยและยิ่งได้ผลหนักเมื่อบทหนังเลือกเฉลยปมใหญ่ๆตอนที่ผ่านไปประมาณชั่วโมงที่เหลือหลังจากนั้นคือการย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้นที่อธิบายเรื่องทั้งหมดแต่แล้วก็ไม่วายพลิกไปพลิกมาจนท้อที่จะเดา ด้วยบทที่ชี้นำความคิดอย่างเต็มที่จึงเลี่ยงไม่ได้ที่คนดูจะคิดและคาดเดาตามที่บทหนังปูไว้ ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่ต่างกันทั้งที่ก็ระวังตัวแล้วแต่ก็ยังหลงไปกับทางนั้นทั้งที่พยายามคิดทางอื่นแล้วแต่ก็ไม่มีสิทธิ์คาดเดาไปไกลเพราะบทมันในส่วนนี้แน่นหนาหาช่องโหว่ให้คิดทางอื่นไม่ได้และนั่นคือคนดูรู้ทั้งรู้ว่าจะโดนหลอกแต่ก็เต็มใจให้หลอกด้วยชั้นเชิงที่เหนือชั้น กระนั้นสิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าทำให้หนังไปไม่ถึงขีดสุดทางอารมณ์จนทะลุคือความไม่กล้าทำร้ายจิตใจไม่กล้าใจร้ายไปให้สุด ซึ่งมองว่าถ้ากล้าที่จะร้ายสุดๆไปเลยน่าจะพีคได้กว่านี้แต่เท่าที่มีก็ถือว่าลงตัวดีไม่ได้มีอะไรค้างคาแล้วก็หน้าหงายมากพอเช่นกันความพลิกผันที่ไม่ละเลยมิติด้วยบทหนังที่เดินหน้าเร็วแต่เหมือนไม่ได้เริ่มจากหนึ่งทั้งที่ก็เริ่มจากหนึ่งคือแม้จะเล่าเรื่องเหมือนเริ่มนับหนึ่งแต่จุดเริ่มต้นกลับไม่ใช่จุดที่หนึ่งแต่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ต่อมา แต่ที่น่าชื่นชมคือการเล่าเรื่องแบบนี้ให้ออกมาดูง่ายไม่งงซับซ้อนแต่เข้าใจซึ่งที่ต้องยกนิ้วให้คือด้วยเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ทั้งนี้หนังเริ่มออกตัวด้วยความเป็นสยองขวัญบ้านผีสิงที่ชวนหลอนแล้วเปลี่ยนทางมาเป็นหนังสืบสวนสอบสวนเชิงจิตวิทยาชวนระทึก แต่การเปลี่ยนผ่านทางอารมณ์ก็ไม่มีริ้วรอยแม้อาจจะมองเห็นจุดที่น่ากังขาบางอย่างบ้างแต่ก็มีมิติเชิงลึกให้คนดูได้รู้สึกว่าไปมีชะตากรรมหรือไปมีส่วนร่วมกับชะตากรรมของจินซอก แล้วนอกจากเรื่องของมิติหนังยังทำได้ดีในการใส่ความตื่นเต้นมาเป็นระยะหลอนเป็นพักๆ สะดุ้งเป็นบางทีจัดเต็มความบันเทิงที่พึงมีอย่างเต็มที่เต็มอารมณ์จนมองข้ามริ้วรอยที่น่ากังขาบางอย่างหรืออาจเรียกว่าสนุกจนลืมซึ่งจะว่าไปหนังเป็นเรื่องของคนสองคนคือพี่ชายที่กลับมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วกลับมาเป็นพี่ตัวร้ายกับน้องผู้ไม่มีทางสู้และถูกกระทำจนต้องเอาชีวิตให้รอดซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ดังนั้นจุดเด่นหลักจึงอยู่ที่ชั้นเชิงกับความพลิกผันของเกมของคนทั้งสองที่เข้มข้นและสิ่งที่ทำให้เข้มข้นยิ่งขึ้นคือมิติของตัวละคร ด้วยมิติของตัวละครที่ได้ใจไม่ว่าจะดีหรือร้ายแต่ก็อย่าเชื่อสายตาอย่าเชื่อความรู้สึกตนเองอย่าคาดหวังกับสิ่งที่ผุดมาในสมอง เพราะทุกองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้พร้อมพาความคิดคนดูออกทัวร์ก่อนที่จะยูเทิร์นแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งฉากสุดท้ายที่ก็ยังไม่วายตลบหลังแต่ก็ยังมีสองสิ่งที่ยังเป็นที่กังขาคือจุดเล็กๆที่บางคนเดาออกแต่ก็เป็นแค่จุดเล็กๆไม่ได้ทำให้ความเข้มข้นลดลง กับการตัดสินใจในตอนท้ายของหนึ่งในตัวละครหลักที่คิดยังไงก็หาความสมเหตุผลในการตัดสินใจอย่างนั้นไม่ได้ทำให้เป็นรอยด่างหนึ่งจุดที่ไม่น่าจะมีทำให้ยังไม่อยู่ระดับไร้ที่ติ แต่คนดูก็อาจไม่ได้ใส่ใจมากนักการให้อภัยและการสำนึกผิดที่สื่อออกมาผ่านการแสดงที่จับต้องได้เมื่อตัวละครสองคนพี่น้องที่ต้องมาห้ำหั่นกันถ้าจะมองหาอะไรลึกๆในคนทั้งสองแล้วคงมองเห็นเรื่องของการให้อภัยและการสำนึกผิดแต่ใครจะอภัยใครจะสำนึกผิดนั้นเขียนไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้มองเห็นประเด็นที่ว่านั้นมาจากมิติของตัวละครที่มีรายละเอียดมีพื้นฐานและมาจากการถ่ายทอดตัวละครได้อย่างดี แม้จะไม่ได้เลิศเลอจนกระทั่งระดับไปคว้ารางวัล แต่ก็จับต้องได้เพราะเห็นภาพ อาจเป็นด้วยบทที่ส่งจึงทำให้งานแสดงของสองตัวละครหลักออกมาได้อย่างน่าชื่นชมและน่าสะพรึง โดยเฉพาะคังฮานึลที่งานนี้ไม่ได้มาแค่หนึ่งหรือสองมิติในตัวละครแต่มาถึงสามอารมณ์ให้เขาได้แสดงศักยภาพเต็มที่ทำให้เหล่าเอฟซีก็จะได้เห็นเขาในมุมมองที่แปลกไป แต่เชื่อเถอะว่าเต็มอิ่มด้านการแสดงของเขาอย่างแน่นอนเพราะแม้บทจะมีหลายมิติทางด้านอารมณ์แต่ทุกอย่างที่ควรต้องได้ก็ได้สิ่งที่ต้องดีก็ดีถึงระดับไม่มีที่ติสำหรับคังฮานึลส่วนที่เป็นเสาหลักคู่กับคังฮานึลกับบทพี่ชายผู้เปลี่ยนไปผลที่ได้คือความเยี่ยมพอกันสำหรับคิมมูยอล เพราะบทยูซอกมิติของตัวละครก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันแต่คิมมูยอลก็รับผิดชอบได้อย่างสมบูรณ์แบบจนในบางช่วงเหมือนมีภาษีดีกว่าด้วยซ้ำเพราะคนดูพร้อมจะสงสัยหรืออาจเกลียดไปเลยก็ได้ แต่อย่างที่น่าเสียดายคือบทไม่กล้าหักดิบกับอารมณ์ไม่กล้าใจร้ายเลยทำได้แค่เสียดายเท่านั้น และในความตื่นเต้นระทึกใจที่มีมาให้งานดนตรีประกอบมีส่วนอย่างมากในการเร้าอารมณ์เต็มที่บวกกับฉากที่เป็นเวลากลางคืนฝนตกชื้นแฉะยิ่งทำให้อารมณ์รู้สึกอึดอัดจากกงานด้านภาพ ข้างในคุกรุ่นไปกับตัวละครได้อีกนอกจากระทึกและตื่นเต้นระคนสงสัยด้วยการเล่าเรื่องที่ดีแม้จะมีริ้วรอยนิดๆแต่ชั้นเชิงอยู่ในระดับเหนือทำให้หนังเรื่องนี้คือของดีที่ไม่ควรมองข้ามนี่คือการเขียนบทความที่ยากมากเพราะไม่อาจเผลอเผยอะไรได้แม้เพียงน้อยนิด นี่คือหนังที่ชี้นำความคิดนี่คือชั้นเชิงการเล่าเรื่องอยู่ในระดับ "เหนือชั้น" จนชักไม่แน่ใจว่าความพลิกผันทางชั้นเชิงลูกล่อลูกชนและการเล่นกับอารมณ์คนดูแบบนี้คือหลักสูตรบังคับในการเขียนบทหนังหรือบทละครของเกาหลีหรือไม่ เพราะเท่าที่ได้ผ่านตามามาพอสมควรทั้งหนังทั้งซีรีส์จะเป็นแบบนี้แทบทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่แนวโรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังเรื่องนี้ที่เปิดหน้ามาอย่างน่าสะพรึงปนหลอนแล้วเปลี่ยนทางไปเป็นสืบสวนสอบสวนเชิงจิตวิทยาแบบเนียนๆ เพียงแต่อาจมีบ้างที่มีความน่ากังขาในตัวละครหรือความสมเหตุสมผลของเหตุการณ์กระทั่งการตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำอะไร แต่สิ่งเหล่านั้นกลับถูกลบเลือนไปกับความสนุกที่คนดูได้รับตั้งแต่ต้น เพราะการเริ่มต้นอย่างหลอนก่อนจะลุ้นระทึกไปกับช่วงหลังด้วยความสงสัยว่าหนังจะไปลงเอยยังไง ด้วยการเล่าเรื่องที่เดินหน้าเร็วทั้งที่ดูคล้ายซับซ้อนหากแต่ก็ดูได้แบบไม่งงแต่พลิกผันในระดับหลังหัก การแสดงที่ถึงใจของคังฮานึลและคิมมูยอลทำให้เป็นอีกหนึ่งหนังที่เหนือความคาดหมายด้วยความที่บทหนังออกมาแบบนี้ใครมันจะไปคิด ซึ่งถึงตอนนี้คงมีท่านผู้อ่านมากมายหลายท่านได้ผ่านตามาบ้างแล้ว ส่วนที่ยังไม่ได้ดูก็ขอให้รีบเปิดดูโดยพลันโดยเฉพาะเอฟซีของคังฮานึลเพราะนี่อาจจะไม่ใช่คังฮานึลที่ท่านเคยเห็น เป็นหนังที่ดูสนุกในทุกนาทีอีกเรื่องที่ต้องเรียนว่าห้ามพลาด ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก,ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7 จาก cgv.co.krหมายเหตุ ผู้เขียน "ดูไปบ่นไป" คือบุคคลเดียวกับ Facebook Fanpage ดูไปบ่นไปถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้ความเห็นหลังชม Recalled : ระลึกหลอน (2021) ลุ้นระทึก พลิกผัน ชวนสงสัย ที่ "ซอเยจี" แบกเรื่องไว้สุดกำลังรีวิวหลังชม The Hypnosis : สั่งจิตสยอง (2021) "หลอน สยอง อึดอัด แต่ชวนติดตาม" ใหม่ทาง TrueID ที่เดียวรีวิวจัดเต็ม The Call : สายตรงต่ออดีต (2020) ระทึกลืมหายใจ ซับซ้อนแต่ดูง่าย ด้วยการแสดงชั้นยอดบทชั้นเยี่ยมความเห็นหลังชม Midnight คืนฆ่าไร้เสียง (2021) "อึดอัดคับแค้นเจียนคลั่ง ไม่ลุ้น...แต่ระทึกแทบกลั้นหายใจ"คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน