รีเซต

รีวิวหนัง “สลิธ โปรเจกต์ล่า” มากับคอนเซ็ปต์ไซไฟใช้ได้ แต่ชั้นเชิงยังแผ่วไปหน่อย

รีวิวหนัง “สลิธ โปรเจกต์ล่า” มากับคอนเซ็ปต์ไซไฟใช้ได้ แต่ชั้นเชิงยังแผ่วไปหน่อย
Jeaneration
5 ธันวาคม 2566 ( 12:00 )
2.8K

ไม่รู้ว่าปี 2023 กลายเป็นปีที่วงการหนังไทยฮิตทำหนังแนวไซไฟสไตล์ล้ำ ๆ เกี่ยวกับโลกอนาคตและโลกดิสโทเปียกันออกมาเยอะแยะเหลือเกิน ไม่รู้ว่าไปได้แรงบันดาลใจมาจากไหน เพราะอย่างหนังเรื่องล่าสุดจากค่ายหนังเก่าแก่ ไฟว์สตาร์ ก็ส่ง “สลิธ โปรเจกต์ล่า Slyth: The Hunt Saga” เป็นหนังแอคชันไซไฟผสมโรแมนซ์มาลงโรงฉายในช่วงปลายปี ที่เห็นจากทีเซอร์ก็ต้องยอมรับว่าให้อารมณ์แบบก่ำกึ้ง ๆ เพราะยังไงความไซไฟก็ยังค่อนข้างดูไกลจากตัวในสังคมไทยอยู่เหมือนเดิม

สลิธ โปรเจกต์ล่า เป็นเรื่องราวลึกลับของ เนม ชายหนุ่มปริศนาที่มีอาการความจำเสื่อม เพราะถูกรถตู้ของ ซี และเพื่อนๆ ของเธอ เสียหลักพุ่งเข้าชนอย่างจัง ทุกคนต่างอยู่ในสภาพช็อก จึงรีบพาชายหนุ่มปริศนาผู้นี้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านของซี ด้วยความใกล้ชิด ของทั้งคู่ ซีก็ได้สังเกตว่าบาดแผลตามร่างกายของเนมหายเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว มิหนำซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป

ซีสงสัยว่า เนมอาจไม่ใช่มนุษย์ หรือว่าเขาอาจเป็นสลิธ ซึ่งมันตรงกับตำนานที่ว่าใครได้รับเลือดของสลิธ ก็จะช่วยรักษาโรคร้าย ยื้อได้แม้ กระทั่งความตาย และเป็นอมตะ ข่าวลือที่ว่าสลิธ ได้ปรากฏตัวบนโลกก็แพร่สะพัด จึงทำให้เนมตกเป็นเป้าหมายจากการตามล่า ยิ่งเนมฟื้นความทรงจำได้มากเท่าไหร่ ภารกิจการไล่ล่าสลิธยิ่งเพิ่มความอันตรายให้ทั้งซีและเนมมากขึ้น

โดยผลงานเรื่องนี้ได้ “ปี๊ด-ปัญจพงศ์ คงคาน้อย” จาก ชัมบาลา และ 7 Days เรารักกันจันทร์-อาทิตย์ ปรับโหมดปรับแนวมาทำหนังไซไฟ โดยที่ได้ผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง “ยุ่น-ศุภวิชช์ สุวรรณเนตร” ที่ช่ำช่องงานถ่ายมิวสิควิดีโอเพลงดัง ๆ มาร่วมเป็นผู้ช่วยผู้กำกับหนังเรื่องนี้อีกแรงด้วย ซึ่งทาง ปี๊ด ปัญจพงศ์ ยังรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้เอง และต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า สลิธ โปรเจกต์ล่า เป็นหนังไทยที่มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจและใช้ได้ไม่เบาเลย

แต่ทว่า...ก็เหมือนกับปัญหาเดิม ๆ ที่มักจะเจอในหนังไทย สลิธ โปรเจกต์ล่า ก็คือหนังที่อยากเล่นใหญ่ ทำสเกลให้ใหญ่ แต่พลานุภาพในตัวเองนั้นยังไม่สามารถผลักดันไปได้ถึง อาจจะไม่ถึงแทบจะทุก ๆ ทางเลยก็ว่าได้ สุดท้ายมันกลายออกมาเป็นเหมือนหนังไซไฟเกรดรอง ๆ ทางฝั่งฮอลลิวูดทำนอง หรืออาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ ด้วยที่งานสร้างและทุนสร้างในหนังไทย อาจจะยังยากอยู่ในยุคที่จะทำออกมาได้เทียบชั้นสากล และมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่คนดูจะนำไปเปรียบเทียบ

ว่ากันถึงองค์ประกอบบทหนังของ สลิธ โปรเจกต์ล่า ที่แน่นอนว่าหนังมีคอนเซ็ปต์ที่ค่อนข้างเข้มแข็งพอสมควร แต่พอมาประกอบร่างกันอยู่ในหนังทั้งกว่า 90 นาทีนั้น มันกลายเป็นเรื่องราวที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปหมด การเรียบเรียงและเล่าเรื่องของหนังไม่สามารถขับจุดเด่นในคอนเซ็ปต์ของหนังออกมาได้เลย กลายเป็นความไซไฟที่ค่อนข้างประดิษฐ์ประดอยอยู่เต็มไปทุกส่วน ที่มาพร้อมกับโครงสร้างเรื่องราวที่อ่อนไปตลอดทั้งเรื่อง

ยอมรับเลยว่า สลิธ โปรเจกต์ล่า เป็นหนังที่ยิงสเปเชีนลเอกเฟกต์และงานซีจีมาแบบไม่ยั้ง ตรงนี้ก็ต้องขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้กับทีมงานจริง ๆ ที่เราได้เห็นศักยภาพในงานสร้างเทคนิคด้านนี้ที่กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผลลัพธ์ที่ออกมาในตัวหนังเรื่องนี้ มันอาจจะยังไม่ใช่งานที่ดีที่สุดและแนบเนียนที่สุด แต่ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าวงการหนังไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาทิศทางของเทคนิคด้านนี้แบบไม่หยุดยั้ง

ขณะที่องค์ประกอบงานสร้างด้านอื่น ๆ ก็ทำออกมาพอใช้ได้ แต่ก็ยังไม่ถึงเข้าดีที่สุด หนังไทยแนวไซไฟก็ยังคงใส่ลูกเล่นกับเรื่องการจัดแสงและใ่ส่สีเข้าไปให้มันดูล้ำ ๆ ซึ่งหนังก็ทำออกมาใช้ได้เลย เพียงแต่มันน่าจะมีมุมมองการนำเสนอแบบอื่นที่น่าจะชวนประทับใจได้ยิ่งกว่านี้ ส่วนทางด้านมุมกล้องของหนังเรื่องนี้เกือบจะเข้าขั้นเลวร้าย เป็นหนังที่ไม่ค่อยมีเสน่ห์ให้การใช้ภาพในการร้องเรียนเรื่องราวสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมาประกอบเข้ากับการตัดต่อหนังด้วยแล้ว...

มาถึงด้านการแสดงบ้าง..ต้องสูดหายใจลึก ๆ เพราะเห็นรายชื่อนักแสดงก็บอกกับตัวเองเอาไว้เลยว่า อย่าคาดหวังอะไร เพราะส่วนใหญ่เป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์การแสดงบนจอใหญ่กันทั้งนั้น แต่ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายอะไร “มุกดา นรินทร์รักษ์” นางเอกช่อง 7 ที่ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นนางแบกที่คอยแบกหนังเอาไว้เกือบทั้งเรื่องเลย

ถึงการแสดงของเธอจะถึงความเป็นละครอยู่บ้าง กับเทคนิคการใช้เสียงและภาษาที่ยังไม่ค่อยสมูทไปกับความเป็นภาพยนตร์เท่าไหร่ แต่ดู ๆ แล้ว กล้องรักนางและก็อยากให้นางมีโอกาสได้เล่นหนังอีกและได้หยิบยื่นโอกาสดี ๆ สักเรื่อง คิดว่าน่าจะทำออกมาได้ดีไม่น้อย ขณะที่ “ลุค อิชิคาว่า” ที่ไม่รู้ว่าจะเล่นดีหรือเล่นแย่ แต่ด้วยบทในหนังค่อนข้างส่งเสริมและถ่ายทอดออกมาทื่อ ๆ เสียด้วย ทำให้บทนี้ยังค่อนข้างขัดแยังกันในใจอยู่ว่าสรุปเขาแสดงออกมาเป็นยังไงกันแน่

รวมทั้งนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ที่อาจจะเพราะบทคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ดูไม่มีมิติที่น่าสนใจเลย ไม่ว่าจะเป็น “พีค ภีมพล”, วันเดอร์เฟรม”, อวงตวน ปินโต” หรือ “อาร์ต พศุตม์” ที่กลายเป็นว่าบทบาทของพวกเขาช่างจืดชืด เต็มไปด้วยบล็อกกิ้งแบบในละคร เข้าฉากเข้าซีนตามสเต็ปตามคิว แบบที่ติดอยู่ในกรอบและความพยายามที่จะเป็นไซไฟที่แทบหาเสน่ห์ของแต่ละคาแรกเตอร์ไมไ่ด้เลย นอกจากตัวพระนางของเรื่อง

โดยสรุปแล้ว สลิธ โปรเจกต์ล่า ก็น่าจะเข้าอีหรอบเดิมของหนังไซไฟจากไทย ที่ทำออกมาแบบสร้างความรู้สึกประดักประเดิดกับใจคนดูอยู่ไม่น้อย ก็ต้องยอมรับนั่นแหละว่าปัจจุบันยังไม่เจอจังหวะที่ลงตัวกันได้ระหว่างหนังไทยกับความไซไฟ แม้ว่าตัวหนังจะมีเจตนาที่ดีและคอนเซ็ปต์ที่มุ่งมั่นในการกล้านำเสนอ ที่เป็นสิ่งที่อยากจะสนับสนุนต่อไป เพียงแต่จะต้องใช้เวลาพัฒนาอีกสักพักใหญ่ ๆ ที่เราก็หวังว่าจะได้เจอหนังไทยไซไฟดี ๆ เป๊ะปังออกมาสักเรื่อง ที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงที่ชวนว้าว แต่สำหรับในหนังเรื่องนี้...ยังไปได่ไม่ถึงจุดนั้นก็เท่านั้นเอง

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: สลิธ โปรเจกต์ล่า Slyth: The Hunt Saga

  • ประเภท: แอคชัน / ไซไฟ / โรแมนติก
  • นำแสดงโดย: มุกดา นรินทร์รักษ์, ลุค อาชิคาว่า, ภีมพล พาณิชย์ธำรง, วันเดอร์เฟรม
  • กำกับโดย: ปัญจพงศ์ คงคาน้อย, ศุภวิชช์ สุวรรณเนตร
  • ความยาว: 99 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 5 ธันวาคม 2023 (ในโรงภาพยนตร์)

Movie.TrueID METRIC: สลิธ โปรเจกต์ล่า Slyth: The Hunt Saga

  • ภาพรวม
    ⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)
  • การเล่าเรื่อง
    ⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)
  • การแสดง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
  • เทคนิคงานสร้าง
    ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
  • บทภาพยนตร์
    ⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰✰ (4/10)

-------------------------------------

>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa